หลากหลายที่ลงตัว
ฝนลงเม็ดแต่เช้าในวันที่ต้องเดินทางไปร่วมพิธีปลงศพพระคุณเจ้า
ยอด พิมพิสาร พระคุณเจ้าเป็นผู้ใหญ่ใจดี อารมณ์ดีเสมอ ยิ้มเก่งหัวเราะอย่างเบิกบาน
และมักมีเรื่องเล่าเฮฮา มีเมตตาต่อทุกผู้คน ในช่วงเวลาที่ได้พบท่าน ได้ทำงานร่วมกับท่าน
จึงมีแต่ความสุขเสมอ ไม่แปลกใจเลยที่วันนั้นเราพบผู้คนมากมายเดินทางไปพร้อมกัน เพื่อร่วมอาลัยต่อท่านเป็นครั้งสุดท้าย
ในวันนั้นอากาศที่อุดรธานี ค่อนข้างเย็นสบาย คล้าย ๆ
กับว่าท่านได้แผ่เมตตามาให้ทุกผู้คนที่มาร่วมอาลัย เป็นความเมตตาอีกครั้งหนึ่ง
ที่จะทำให้เราได้จดจำนำมาเป็นต้นแบบแรงบันดาลใจการดำเนินชีวิตในยุคปัจจุบันหลายคนคงเคยได้รับความเมตตาจากพระคุณเจ้ามาบ้างไม่มากก็น้อย
แต่…คงมีบ้างที่ลืมเลือนเพราะเห็นหลายคนจับจองที่นั่งในวัดด้วยการเอาสิ่งของวางไว้บนเก้าอี้
และในขณะเดียวกันหลายคนยอมขยับเขยื้อนเบียดเสียดเพียงเพื่อให้อีกคนได้มีที่นั่งในวัด
คนเราย่อมมีความหลากหลาย เมตตาต่อกันต่างหากที่จะนำความเป็นหนึ่งเดียวกันมาสู่สังคม
ทุกอย่างผ่านไปด้วยความเรียบร้อย
แต่ในช่วงที่กำลังจะเดินทางกลับ ฝนตกลงมาอย่างหนัก สนามบินเจิ่งนองไปด้วยน้ำ
และตามคาดมีเสียงประกาศว่าเครื่องบินดีเลย์ทุกสายการบิน ใช่หรือไม่ ความสมบูรณ์ของสรรพสิ่งนั้นไม่มีแม้แต่สภาพอากาศ
ในฤดูหนาวกลับมีฝนตก ในฤดูฝนกลับร้อนแดดแผดเผา ผ่านไปไม่นานเมื่อฝนเบาบาง
การบินเริ่มกลับมาทำงานได้ตามปกติ แม้จะได้กลับล่าช้า
แต่ก็ได้กลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย ในความไม่สมบูรณ์ต่างมีเหตุรองรับ ในขณะเดียวกันทุกสิ่งในโลกก็ไม่มีใคร อะไร
สมบูรณ์ไปเสียทุกอย่าง เรามาทบทวนชีวิตของเราเพื่อเรียนรู้ผ่านวันเวลาไปด้วยกัน
ในบทความที่นำมาแบ่งปันนี้
ผมลองคิดเล่นๆ ว่าถ้าสมมุติคนเราเกิดมาโดยที่
“สมบูรณ์แบบ” เก่ง ดีพร้อมทุกอย่าง ก็คงไม่จำเป็นต้องยอมหรือขอร้องจากใคร
แต่เมื่อมี “ข้อบกพร่อง” หรือ “ข้อผิดพลาด”
ใจเราก็สามารถลงไปอยู่ในจุดที่อยู่ใต้คนอื่นได้ และทุกอย่างก็ดูเป็นสิ่งที่น่าขอบคุณไปหมด
ผมขอแบ่งประเภทจิตใจของคนเราเป็น 3 แบบ
แบบแรกคือ
“คนที่คิดว่าตนถูกต้องเสมอ” คนประเภทนี้ทำทุกอย่างตามที่ตัวเองอยากทำ
ไม่ฟังเสียงคนอื่น คิดว่าแบบที่ตัวเองคิดนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้ว
เพราะเขาไม่รู้เลยว่า ตัวเองบกพร่องหรือขาดแคลนขนาดไหน จึงได้แต่ทำตามแบบที่ตัวเองอยากทำเท่านั้น
ซึ่งถือเป็นคนที่โชคร้ายมากๆ บางครั้งถึงแม้ว่าจะผิดพลาด
แต่ก็ไม่ยอมรับในความผิดพลาดของตัวเอง เพราะฉะนั้น
คนแบบนี้จึงเป็นคนที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงไม่ได้
แบบที่สองคือ
“คนที่คนอื่นบอกให้ทำ จึงลงมือทำอย่างเสียไม่ได้” คนแบบนี้ไม่ได้รู้สึกว่า
ความคิดของตัวเองมีความผิดพลาดอะไร แต่ก็แค่ทำอะไรไหลไปตามบรรยากาศ
เพราะว่าไม่อยากขัดกับคนอื่นเท่านั้นเอง
และแบบที่สามคือ
“คนที่คิดว่าตนอาจเป็นฝ่ายผิดก็ได้” คนแบบนี้แม้จะมีความคิดเห็นของตัวเอง
แต่ลองยอมทิ้งความคิดของตัวเอง แล้วรับความคิดเห็นของคนอื่นดู
ซึ่งคนประเภทนี้สามารถได้รับการเปลี่ยนแปลงได้ เพราะแม้ว่าตัวเองจะถูกต้อง
แต่ก็รู้สึกว่าสิ่งที่คนอื่นทำนั้นอาจจะดีที่สุดก็ได้
บางครั้งก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ตรงกับความคิดของตัวเอง
แต่ถ้าคนอื่นต้องการแบบนี้เขาก็ยอมที่จะทำตาม
ผมเชื่อว่าพระเจ้าสร้างมนุษย์เรามาให้มีความอ่อนแอ
มีข้อบกพร่อง และไม่สามารถสร้างความสุขขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง
ซึ่งจำเป็นต้องรับปัจจัยจากภายนอกเข้ามาเติมเต็ม เช่น
ตอนที่คนเรารู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอจะอยากขอความช่วยเหลือ
หรือเมื่อเห็นความบกพร่องของตัวเอง ก็เริ่มอยากได้รับการเปลี่ยนแปลง และหาโอกาสได้เข้าไปใกล้ชิดคนอื่น
พูดง่ายๆ คือเริ่มเรียนรู้
ยอมรับในคุณค่าคนอื่น หากคนเราไม่เคยผิดพลาด ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ
ก็จะมีแต่ “จิตใจที่เชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก” คนมากมายคิดอยากจะเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ
อยากมีเงิน มีความสามารถเหนือคนอื่น ตั้งแต่ตอนนั้นเราจะเริ่มโชคร้ายครับ
เพราะนอกจากเราจะฟังคนอื่นไม่ได้แล้ว เราก็จะเริ่มดูถูกคนอื่นได้ง่ายๆ ด้วย ฉะนั้นการที่มีเพื่อนฝูง
คนรอบข้าง หรือครอบครัวอยู่กับเรานั้น จึงเป็นสิ่งที่มีความหมายและน่าขอบคุณ :Cr: คิม ฮัก เชิล ประธานที่ปรึกษาอาวุโส
มูลนิธิเยาวชนสัมพันธ์นานาชาติ (ไอวายเอฟ) เกาหลีใต้ ประจำประเทศไทย (คอลัมน์
มองเปลี่ยนมุม/เดลินิวส์ออนไลน์)
ขอบคุณวันเวลา ขอบคุณพระคุณเจ้า
ยอด พิมพิสาร และทุกผู้คนที่ผ่านพบ ที่คบหา สนทนา มีเมตตาต่อกัน
ขอบคุณความไม่สมบูรณ์ของตัวเองและผู้คนรอบข้าง ที่ทำให้รู้ว่าความสวยงามย่อมเกิดจากความหลากหลายที่ลงตัว
ความหลากหลายที่เกิดจากการเรียนรู้ ปีใหม่ วันใหม่ ปีไหน วันไหน
หากเราไม่เรียนรู้ หากเราไม่น้อมรับปรับตัว และยึดมั่นในความดี
ก็คงไม่มีวันที่เราจะเห็นความงาม.. สวัสดีปีใหม่ครับ