สมเป็นผู้ผ่านกาลเวลา
ในวันที่เรามีเทคโนโลยีสมัยใหม่อยู่ในมือกันเกือบทุกคน
และเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะห่างหายจากตัวเรา มีแค่เพียงสิ่งเดียวก็ทำให้เรากลายเป็นหลากหลายคนในร่างเดียว
กลายเป็นช่างภาพ คนสร้างภาพ นักข่าว นักเล่า นักล่าฝัน นักขาย นักซื้อ และอื่น ๆ
อีกมากมาย ย้อนหลังกลับไปสัก 20 ปีก่อน ใช่หรือไม่ กว่าจะได้ภาพสักภาพหนึ่ง กว่าจะได้ข่าวสักข่าว
กว่าจะเขียนเรื่องราวสักเรื่อง ช่างยากลำบากเสียเหลือเกิน ต้องใช้เวลา
ต้องพึ่งพาผู้ชำนาญการด้านต่าง ๆ มาวันนี้ เรา... ทำได้เกือบจะทุกอย่างโดยไม่ต้องไปพึ่งพาผู้อื่น
เพียงแค่ปลายนิ้วเดียวรูดปรื๊ด เราก็สามารถได้งานได้ภาพแล้ว แต่... แน่ล่ะ สิ่งเหล่านั้นในสมัยก่อนมันดูจะมีคุณค่าและคุณภาพกว่าสิ่งที่เราทำได้จากเครื่องมือสมัยนี้มากและแขวงไปด้วยความสร้างสรรค์
มีความละเมียดละไมอยู่ในตัวงาน
ภาพ : http://3.bp.blogspot.com |
เทคโนโลยีโดยเฉพาะสมาร์ทโฟน
มีให้เราเลือกมากมาย และใคร ๆ ก็สามารถครอบครองเป็นเจ้าของได้ไม่ยากนัก
และหลายคนที่เคยผ่านวันเวลามามากกว่า เมื่อได้สิ่งนี้มาก็เพลิดเพลินเลยทีเดียว
บางคนถึงขั้นเหมือนเด็กที่เพิ่งได้ของเล่น บ้าเห่อ และใช้แบบลืมตัว
ลืมกาลเทศะไปและในทุกวันนี้เรามักเห็นผู้คนไม่น้อยที่มาร่วมพิธีกรรม
แต่ไม่ได้ตั้งใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งในพิธีกรรมนั้น ๆ เพราะใจไปอยู่กับการจ้องจะถ่ายรูป
จิตใจมิได้ยกให้มีส่วนร่วมเลย บางครั้งก็หาคำตอบไม่ได้ว่าจะถ่ายไปเพื่ออะไร?
แน่นอนบางคนต้องการนำไปโพสต์โชว์เพื่อน ๆ เพื่อให้เพื่อนรู้ว่าฉันมาร่วมพิธีนะ
ฉันถ่ายภาพสวยนะ วัดนี้สวยงาม ดอกไม้จัดได้เลิศหรูหรืออื่น ๆ มีบ้างบางคนหลงลืมความพอเหมาะพอดี
ถ่ายทอดสด ถ่ายภาพช่วงที่สำคัญ ๆ ที่เราต้องยกจิตยกใจขึ้นหาพระ มิใช่ยกกล้อง
ยกมือถือมาถ่าย ใช่.. ทุกคนมีเสรีภาพ แต่เสรีภาพเหล่านั้นควรที่จะมีมาพร้อมกับความเติบโต
ความรับผิดชอบรู้จักกาลเวลาบ้าง ไม่รบกวนหรือทำให้ผู้อื่นเสียสมาธิในพิธีกรรม ทั้ง ๆ ที่เราก็เคยได้ยิน มีการกล่าวขอร้องกันมาหลายครั้งหลายหน
ก็ยังไม่เป็นผลสักเท่าไหร่...
ภาพ : http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=3533551 |
การรู้จักที่จะใช้สื่อไม่ใช่สิ่งที่ผิดอะไร
แต่การใช้อย่างไรต่างหากคือสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ อย่างเเรกจะต้องเริ่มที่ตัวเรา ลองสำรวจตรวจสอบตัวเองดูว่า
ตัวเองต้องการใช้เครื่องสื่อสารนั้นเพื่ออะไร มีวัตถุประสงค์อย่างไร เเล้วมันมีหรือได้ประโยชน์จากสิ่งที่เราต้องการจะสื่อออกมาใช้ได้มากน้อยเพียงใด
ข้อสำคัญที่สุดเราจะต้องมีคุณธรรมในตัวเอง เคารพสิทธิคนอื่นให้เหมือนกับที่เราเรียกร้องให้ผู้อื่นเคารพในเสรีภาพเรา
ทุกคนล้วนแต่เป็นสื่อด้วยกันทั้งนั้น แต่สำหรับเราศิษย์พระคริสต์ เราต้องเป็นสื่อแห่งความรัก
ใช้เครื่องมือเป็นตัวกระจายความรักนี้ออกไปยังสังคม และการจะใช้สื่อเราจะต้องมีสติทุก
ๆ ครั้งว่าเรากำลังทำอะไร ไม่ใช่ใช้สื่อเพื่อมาสร้างโทษให้กับตนเองเเละผู้อื่น มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวของเครื่องมือสมัยใหม่ที่สร้างมา
มันขึ้นอยู่กับตัวเรามากกว่าว่าจะใช้ไปในทางไหน ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ถือว่าดีและไม่เคยทำร้ายใคร
และพระเจ้าให้เสรีภาพเราในการที่มีความคิดสามารถเเยกเเยะได้ว่าสิ่งไหนดีเเละสิ่งไหนไม่ดี
ในปัจจุบันนี้ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าเครื่องมือสื่อสารเข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตมนุษย์มากขึ้นในทุก
ๆ ด้าน เเต่อย่างไรก็ตาม เราก็ควรให้เครื่องมือเหล่านั้นเป็นเเค่ส่วนหนึ่งของชีวิตไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต...
โลกนี้กำลังถูกเทคโนโลยีลดค่าความเป็นผู้ใหญ่ของหลาย
ๆ คนลงอย่างไม่รู้ตัว การรู้ตัวของคนเราย่อมทำให้เราเป็นคนที่มีค่าขึ้น
อย่าปล่อยให้วิถีชีวิตเราถดถอยเพราะความเจริญ เครื่องมือสมัยใหม่เหมือนจะเปิดดวงตาให้เห็นโลกกว้าง
แต่กลับทำให้เราพิการทางสำนึก การที่เราจะรู้ตัวได้นั้นเราต้องรู้จักที่จะหาเวลาเงียบ
ๆ นิ่ง ๆ ทำใจให้ว่าง และคิดทบทวนสิ่งที่เรากระทำในแต่ละวัน
ยิ่งเราฝึกฝนการรู้ตัวมากเท่าไร เราก็จะมีการรู้สำนึกในการกระทำในทุก ๆ ด้าน
และนำมาซึ่งความสงบสุขของจิตใจ สามารถที่จะอยู่กับความทุกข์อย่างไม่ทุกข์ยากเกินไป
...
ชาวนาจีนแก่
ๆ คนหนึ่งเดินไปตามถนน บนบ่ามีไม้พาดอยู่ ที่ปลายไม้นั้น ก็มีหม้อดินใส่แกงจืดเต้าหู้ผูกห้อยไว้
ขณะที่เดินไป เขาเกิดสะดุดก้อนหิน หม้อดินก็หล่นลงกระทบพื้นแตกกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ชาวนาผู้เฒ่าคนนี้ก็ลุกขึ้นแล้วก้มหน้าก้มตาเดินต่อไป โดยไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์รีบวิ่งมาหา
แล้วพูดด้วยความตื่นเต้นว่า
“นี่ ๆ พ่อเฒ่าท่านไม่รู้หรือว่าหม้อดินหล่น”
ชายชราหันไปตอบว่า
“ฉันรู้ ฉันได้ยินเสียงมันหล่นอยู่”
ผู้อ่อนอาวุโสมีสีหน้าประหลาดใจเมื่อได้ยินคำตอบเช่นนั้น
“อ้าวแล้วทำไมท่านไม่ย้อนกลับไปทำอย่างใดอย่างหนึ่งล่ะ”
สีหน้าของผู้เฒ่ายังเป็นปกติ
ขณะที่ตอบชายหนุ่มด้วยคำพูดที่หนักแน่นชัดเจนว่า
“ก็หม้อดินมันแตกแล้วแกงจืดก็ไม่เหลือแล้วจะให้ฉันทำอะไรอีกล่ะ”
พูดจบชายชราผู้มากด้วยประสบการณ์ชีวิตก็ย่างเท้าก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
ภาพ : http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=3143903 |
ในชีวิตจริงเรา
มักจะพบเจอเรื่องราวอย่างที่ไม่คาดคิดอยู่เสมอ ๆ
หากเราไม่มีความเป็นผู้ใหญ่ทางด้านจิตใจ เติบโตทางด้านจิตวิญญาณเพียงพอ เราก็มักจะร้องแรกแห่กระเชอ
ให้คนนั้นคนนี้มาช่วย หรือในวันที่ไม่ได้ดั่งใจก็โกรธพาลมีโมโหกับผู้ที่อยู่ใกล้
และสิ่งที่สำคัญในวันนี้ เราต้องอย่าปล่อยให้สื่อสมัยใหม่
เครื่องมือสื่อสารใหม่เข้ามานำการดำเนินชีวิตของเรา ต้องรู้จักที่จะลด ละ ถอยห่างจากกันบ้าง
โดยเฉพาะช่วงมหาพรต เพื่อว่าเราจะได้มีเวลาในการสวดภาวนาพัฒนาชีวิตภายในของเราให้เติบโตสมกับเป็นผู้ผ่านกาลเวลา
และพร้อมที่จะอยู่หรือจากไปอย่างผู้ที่ค่อนข้างสมบูรณ์ทางจิตวิญญาณ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น