วันพุธที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2560

สมเป็นผู้ผ่านกาลเวลา

สมเป็นผู้ผ่านกาลเวลา
ในวันที่เรามีเทคโนโลยีสมัยใหม่อยู่ในมือกันเกือบทุกคน และเป็นสิ่งที่ไม่อาจจะห่างหายจากตัวเรา มีแค่เพียงสิ่งเดียวก็ทำให้เรากลายเป็นหลากหลายคนในร่างเดียว กลายเป็นช่างภาพ คนสร้างภาพ นักข่าว นักเล่า นักล่าฝัน นักขาย นักซื้อ และอื่น ๆ อีกมากมาย ย้อนหลังกลับไปสัก 20 ปีก่อน ใช่หรือไม่ กว่าจะได้ภาพสักภาพหนึ่ง กว่าจะได้ข่าวสักข่าว กว่าจะเขียนเรื่องราวสักเรื่อง ช่างยากลำบากเสียเหลือเกิน ต้องใช้เวลา ต้องพึ่งพาผู้ชำนาญการด้านต่าง ๆ มาวันนี้ เรา... ทำได้เกือบจะทุกอย่างโดยไม่ต้องไปพึ่งพาผู้อื่น เพียงแค่ปลายนิ้วเดียวรูดปรื๊ด เราก็สามารถได้งานได้ภาพแล้ว  แต่... แน่ล่ะ สิ่งเหล่านั้นในสมัยก่อนมันดูจะมีคุณค่าและคุณภาพกว่าสิ่งที่เราทำได้จากเครื่องมือสมัยนี้มากและแขวงไปด้วยความสร้างสรรค์ มีความละเมียดละไมอยู่ในตัวงาน 

ภาพ  : http://3.bp.blogspot.com


เทคโนโลยีโดยเฉพาะสมาร์ทโฟน มีให้เราเลือกมากมาย และใคร ๆ ก็สามารถครอบครองเป็นเจ้าของได้ไม่ยากนัก  และหลายคนที่เคยผ่านวันเวลามามากกว่า เมื่อได้สิ่งนี้มาก็เพลิดเพลินเลยทีเดียว บางคนถึงขั้นเหมือนเด็กที่เพิ่งได้ของเล่น บ้าเห่อ และใช้แบบลืมตัว ลืมกาลเทศะไปและในทุกวันนี้เรามักเห็นผู้คนไม่น้อยที่มาร่วมพิธีกรรม แต่ไม่ได้ตั้งใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งในพิธีกรรมนั้น ๆ เพราะใจไปอยู่กับการจ้องจะถ่ายรูป จิตใจมิได้ยกให้มีส่วนร่วมเลย บางครั้งก็หาคำตอบไม่ได้ว่าจะถ่ายไปเพื่ออะไร? แน่นอนบางคนต้องการนำไปโพสต์โชว์เพื่อน ๆ เพื่อให้เพื่อนรู้ว่าฉันมาร่วมพิธีนะ ฉันถ่ายภาพสวยนะ วัดนี้สวยงาม ดอกไม้จัดได้เลิศหรูหรืออื่น ๆ มีบ้างบางคนหลงลืมความพอเหมาะพอดี ถ่ายทอดสด ถ่ายภาพช่วงที่สำคัญ ๆ ที่เราต้องยกจิตยกใจขึ้นหาพระ มิใช่ยกกล้อง ยกมือถือมาถ่าย ใช่.. ทุกคนมีเสรีภาพ แต่เสรีภาพเหล่านั้นควรที่จะมีมาพร้อมกับความเติบโต ความรับผิดชอบรู้จักกาลเวลาบ้าง ไม่รบกวนหรือทำให้ผู้อื่นเสียสมาธิในพิธีกรรม ทั้ง ๆ ที่เราก็เคยได้ยิน มีการกล่าวขอร้องกันมาหลายครั้งหลายหน ก็ยังไม่เป็นผลสักเท่าไหร่...

ภาพ : http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=3533551
           การรู้จักที่จะใช้สื่อไม่ใช่สิ่งที่ผิดอะไร แต่การใช้อย่างไรต่างหากคือสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ อย่างเเรกจะต้องเริ่มที่ตัวเรา ลองสำรวจตรวจสอบตัวเองดูว่า ตัวเองต้องการใช้เครื่องสื่อสารนั้นเพื่ออะไร มีวัตถุประสงค์อย่างไร เเล้วมันมีหรือได้ประโยชน์จากสิ่งที่เราต้องการจะสื่อออกมาใช้ได้มากน้อยเพียงใด ข้อสำคัญที่สุดเราจะต้องมีคุณธรรมในตัวเอง เคารพสิทธิคนอื่นให้เหมือนกับที่เราเรียกร้องให้ผู้อื่นเคารพในเสรีภาพเรา ทุกคนล้วนแต่เป็นสื่อด้วยกันทั้งนั้น แต่สำหรับเราศิษย์พระคริสต์ เราต้องเป็นสื่อแห่งความรัก ใช้เครื่องมือเป็นตัวกระจายความรักนี้ออกไปยังสังคม และการจะใช้สื่อเราจะต้องมีสติทุก ๆ ครั้งว่าเรากำลังทำอะไร ไม่ใช่ใช้สื่อเพื่อมาสร้างโทษให้กับตนเองเเละผู้อื่น มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวของเครื่องมือสมัยใหม่ที่สร้างมา มันขึ้นอยู่กับตัวเรามากกว่าว่าจะใช้ไปในทางไหน ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกนี้ถือว่าดีและไม่เคยทำร้ายใคร และพระเจ้าให้เสรีภาพเราในการที่มีความคิดสามารถเเยกเเยะได้ว่าสิ่งไหนดีเเละสิ่งไหนไม่ดี ในปัจจุบันนี้ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าเครื่องมือสื่อสารเข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตมนุษย์มากขึ้นในทุก ๆ ด้าน เเต่อย่างไรก็ตาม เราก็ควรให้เครื่องมือเหล่านั้นเป็นเเค่ส่วนหนึ่งของชีวิตไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต...
            โลกนี้กำลังถูกเทคโนโลยีลดค่าความเป็นผู้ใหญ่ของหลาย ๆ คนลงอย่างไม่รู้ตัว การรู้ตัวของคนเราย่อมทำให้เราเป็นคนที่มีค่าขึ้น อย่าปล่อยให้วิถีชีวิตเราถดถอยเพราะความเจริญ เครื่องมือสมัยใหม่เหมือนจะเปิดดวงตาให้เห็นโลกกว้าง แต่กลับทำให้เราพิการทางสำนึก การที่เราจะรู้ตัวได้นั้นเราต้องรู้จักที่จะหาเวลาเงียบ ๆ นิ่ง ๆ ทำใจให้ว่าง และคิดทบทวนสิ่งที่เรากระทำในแต่ละวัน ยิ่งเราฝึกฝนการรู้ตัวมากเท่าไร เราก็จะมีการรู้สำนึกในการกระทำในทุก ๆ ด้าน และนำมาซึ่งความสงบสุขของจิตใจ สามารถที่จะอยู่กับความทุกข์อย่างไม่ทุกข์ยากเกินไป ...
ชาวนาจีนแก่ ๆ คนหนึ่งเดินไปตามถนน บนบ่ามีไม้พาดอยู่ ที่ปลายไม้นั้น ก็มีหม้อดินใส่แกงจืดเต้าหู้ผูกห้อยไว้ ขณะที่เดินไป เขาเกิดสะดุดก้อนหิน หม้อดินก็หล่นลงกระทบพื้นแตกกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ชาวนาผู้เฒ่าคนนี้ก็ลุกขึ้นแล้วก้มหน้าก้มตาเดินต่อไป โดยไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์รีบวิ่งมาหา แล้วพูดด้วยความตื่นเต้นว่า
นี่ ๆ พ่อเฒ่าท่านไม่รู้หรือว่าหม้อดินหล่น
ชายชราหันไปตอบว่า
ฉันรู้ ฉันได้ยินเสียงมันหล่นอยู่
ผู้อ่อนอาวุโสมีสีหน้าประหลาดใจเมื่อได้ยินคำตอบเช่นนั้น
อ้าวแล้วทำไมท่านไม่ย้อนกลับไปทำอย่างใดอย่างหนึ่งล่ะ
สีหน้าของผู้เฒ่ายังเป็นปกติ ขณะที่ตอบชายหนุ่มด้วยคำพูดที่หนักแน่นชัดเจนว่า
“ก็หม้อดินมันแตกแล้วแกงจืดก็ไม่เหลือแล้วจะให้ฉันทำอะไรอีกล่ะ
พูดจบชายชราผู้มากด้วยประสบการณ์ชีวิตก็ย่างเท้าก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

ภาพ : http://www.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=3143903

ในชีวิตจริงเรา มักจะพบเจอเรื่องราวอย่างที่ไม่คาดคิดอยู่เสมอ ๆ หากเราไม่มีความเป็นผู้ใหญ่ทางด้านจิตใจ เติบโตทางด้านจิตวิญญาณเพียงพอ เราก็มักจะร้องแรกแห่กระเชอ ให้คนนั้นคนนี้มาช่วย หรือในวันที่ไม่ได้ดั่งใจก็โกรธพาลมีโมโหกับผู้ที่อยู่ใกล้ และสิ่งที่สำคัญในวันนี้ เราต้องอย่าปล่อยให้สื่อสมัยใหม่ เครื่องมือสื่อสารใหม่เข้ามานำการดำเนินชีวิตของเรา ต้องรู้จักที่จะลด ละ ถอยห่างจากกันบ้าง โดยเฉพาะช่วงมหาพรต เพื่อว่าเราจะได้มีเวลาในการสวดภาวนาพัฒนาชีวิตภายในของเราให้เติบโตสมกับเป็นผู้ผ่านกาลเวลา และพร้อมที่จะอยู่หรือจากไปอย่างผู้ที่ค่อนข้างสมบูรณ์ทางจิตวิญญาณ 

ไม่มีความคิดเห็น: