วันนี้ วันนั้น วันไหน
ในชีวิตของคน ๆ หนึ่ง คงจะพบเจอการเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อยู่หลายครั้งหลายหน บางคนถือว่าการนับหนึ่งใหม่เป็นการเริ่มต้นของความสำเร็จในครั้งใหม่
บางคนเริ่มต้นใหม่เพราะความพ่ายแพ้และล้มเหลวมาก่อน
มีบ้างบางคนที่เห็นการเริ่มต้นเป็นความทุกข์ยากลำบาก
แท้จริงแล้วชีวิตเราเริ่มต้นใหม่ในทุก ๆ วัน ไม่ว่าวันนี้ วันนั้น วันไหน
ลืมตาตื่นนอนนั่นคือการเริ่มต้นใหม่ของการมีชีวิตอยู่
เริ่มต้นวันใหม่แม้จะหัวใจเดิม ๆ เพิ่มเติมคือประสบการณ์และความดีงาม...
1 มีนาคม
คือวันที่เริ่มต้นเขียนบทความนี้ เป็นวันเริ่มต้นของเดือนที่สาม
และเป็นวันเริ่มต้นของเทศกาลมหาพรต
“วันพุธรับเถ้า” วันที่เริ่มนับหนึ่งเพื่อการทำให้ชีวิตมีคุณค่ามากขึ้นกว่าเดิม
เป็นช่วงเวลาที่เราต้องมีสติและทำให้การดำเนินดำรงของเราพบกับสันติสุขทั้งต่อตัวเองและคนรอบข้าง
เราทำได้ไหม วันนี้จึงเป็นวันที่เริ่มต้นใหม่ ไม่ใช่เริ่มต้นแบบไม่มีอะไรผ่านมาเลย
แต่เป็นการเริ่มต้นจากสิ่งที่มี จากสิ่งที่ผ่านมา พัฒนาต่อยอด
เพื่อให้วันนี้ดีขึ้นกว่าทุกวัน แม้ว่าเมื่อจบวันผลลัพธ์อาจจะไม่ดีขึ้นสักเท่าไร
แต่หากเราได้พยายามทำให้ดีขึ้น ก็ต้องถือว่าเป็นการเริ่มต้น
และวันนี้ก็จะมีคุณค่าและคุ้มเวลาในการมีลมหายใจแล้ว
เขาว่ากันว่าชีวิตของคนเรานั้นสั้นนัก
แต่เรามักคิดว่ามันยาวนานและมีเวลาอีกเยอะที่จะทำดี
ที่จะละสละความสบายฝ่ายกาย หลายสิ่งหลายอย่างผ่านมาแล้วก็ผ่านไป
แม้โอกาสที่เราจะทำความดี
โอกาสที่เราจะได้รับความดีงามผ่านมาผ่านไปหลายต่อหลายครั้งและการที่เรามีชีวิตที่มีความสุขนั้นเป็นโอกาสที่เราต้องใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่
และความสุขจะอยู่อย่างยาวนานได้นั้นเราต้องฝากความสุขนี้ไปให้กับผู้อื่นด้วย
ว่ากันว่าคนเรานั้นเกิดมามีชีวิตอยู่ประมาณสามหมื่นวัน เหมือนจะยาวนาน
แต่เอาเข้าจริง ๆ สั้นนิดเดียว
นักปราชญ์บอกว่า...
หนึ่งหมื่นวันแรก มีไว้เพื่อที่จะเรียนรู้วิทยาการต่างๆ
เพื่อที่จะนำไปใช้ในหมื่นวันที่สอง
หนึ่งหมื่นวันที่สอง
เราต้องนำเอาความรู้ที่ได้จากการเรียนรู้ในหนึ่งหมื่นวันแรกมาประกอบสัมมาอาชีวะเพื่อที่จะเกิดประโยชน์ต่อตนเอง
ครอบครัว และสังคม
และในหมื่นวันสุดท้าย
เราควรที่จะเอาสิ่งที่ดี ๆ สิ่งที่ทำให้คนอื่นเป็นสุขมอบกลับคืนให้คนรอบข้างเรา
เพื่อที่เราจะได้จากไปอย่างไม่ต้องกังวลอะไร
และไม่ว่าเราจะอยู่ในช่วงหมื่นวันในระยะไหน...ไม่สำคัญ
เราต้องรู้จักที่จะเริ่มต้นเพื่อสันติสุขในทุกวัน เราต้องทำวันนี้ให้งดงาม
มีคำแนะนำในการที่จะทำวันนี้ให้เป็นสุขมาฝากและเริ่มต้นทำให้เกิดผล เริ่มต้นวันนี้
....
ในวันนี้...ฉันจะเป็นมิตรกับทุกคนที่ทำงานด้วยให้มากที่สุด
จะปฏิบัติเสมือนหนึ่งว่าคนเหล่านั้นมีส่วนให้ฉันได้ทำงานที่นี่ต่อไป
และขอขอบคุณที่มีพวกเขาเป็นเพื่อนร่วมงาน
ในวันนี้...ฉันจะไม่ทำตัวเป็นคนช่างตำหนิติเตียน
จะพยายามมองเห็นข้อดีในทุกสถานการณ์ และหาข้อดีมาชมเชยทุกคนในที่ทำงานด้วย
ในวันนี้...ฉันจะไม่ยืนกรานว่าทุกสิ่งฉันทำ
จะต้องสมบูรณ์เพียบพร้อม จะไม่พยายามทำลายสถิติความเร็วใด ๆ
จะทำงานทุกอย่างตรงหน้าเต็มกำลังความสามารถ
แต่ไม่ใช่ด้วยความรู้สึกบีบคั้นจนทุกข์ทรมาน
ในวันนี้...ฉันคิดว่าตนเองมีความสามารถพอที่จะทำงานในความรับผิดชอบ
จะไม่มัวมาตั้งคำถามอย่างไม่จบสิ้นว่า มีตำแหน่งที่เหมาะสม
และได้รับคุ้มค่าเหนื่อยแล้วหรือ
ในวันนี้...ฉันจะรู้สึกปลาบปลื้มที่ได้อยู่ในสังคมและยุคสมัย
ที่ไม่ต้องทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำ ในสภาพอันโหดร้ายทารุณ
และขอบคุณที่ได้อยู่ในประเทศเสรี ที่ไม่มีใครมากะเกณฑ์ใช้งานได้
ในวันนี้...ฉันจะรู้สึกมีความสุขที่ได้ทำงาน
และสุขกายสบายใจที่ไม่ต้องออกไปต่อสู้ในสนามรบ หรือเจ็บป่วยจนต้องรอเข้าห้องผ่าตัด
ในวันนี้...ฉันจะไม่คาดหวังให้ใครมาทำดีกับฉัน
จะไม่เปรียบเทียบรายได้หรือสถานภาพ ของตนเองกับผู้อื่น จะพอใจอย่างที่ฉันเป็นอยู่
ในวันนี้...ฉันจะไม่คอยเป็นห่วงว่า
แล้วฉันจะได้อะไรจากงานนี้? จะคิดเพียงว่า
วันนี้ฉันจะเข้าไปมีส่วนช่วยในเรื่องต่างๆ ได้อย่างไรบ้าง?
ในวันนี้...เมื่อฉันออกจากที่ทำงานฉันจะไม่มัวครุ่นคิดว่าได้ทำงานไปมากแค่ไหนหรือยัง
ทำอะไรไม่เสร็จ แต่จะนึกถึงเวลาค่ำที่รออยู่
และรู้สึกขอบคุณสำหรับงานที่ทำสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
หากวันนี้เรารู้จักที่จะเริ่มต้นพัฒนาชีวิตของเราด้วยการไม่ไปยึดติดด้วยการลด
ละ เลิก เปลี่ยนแปลงจากเรื่องง่าย ๆ ที่อยู่รอบตัวเรา รู้จักที่จะปรับจิตใจเราให้มองเห็นสิ่งที่สวยงามของสิ่งรอบกาย
และพยายามที่จะเข้าใจความเป็นไปของโลก ของสังคม ด้วยความห่วงใยมีใจเมตตา มองดูผู้คนด้วยหัวใจมากกว่าสายตาและความขัดแย้ง
สร้างสันติให้เกิดขึ้นในหัวใจเรา ท่ามกลางหนทางที่มิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ก็มีต้นกุหลาบและดอกไม้หลากหลายอยู่ข้างทางให้หยุดชื่นชม
มาเริ่มต้นวันนี้อย่างดีที่สุด แล้วไม่ว่าวันนั้นวันไหนที่ความทุกข์ยากจะผ่านเข้ามา
มันก็จะผ่านไปดังสายลมที่พัดผ่านไปนั่นเอง....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น