กว้าง x ลึก = ยืนยาว
เช้า ๆ
หลายวันมานี้ เราคงจะพอได้รับรู้ถึงอากาศที่เย็นลง
มีการคาดการณ์ว่าอาจจะมีอากาศที่เย็นลงอีกในไม่กี่วันข้างหน้า แต่พอสาย ๆ
แดดก็แผดลงมา กลายเป็นร้อนปกติเหมือนเช่นทุกวัน เมื่อช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมา
มีการแจ้งเตือนกันว่าจะเกิดฝนฟ้า อาจจะทำให้น้ำท่วมได้ในกรุงเทพฯ
แต่แล้ว...มีแต่แสงแดด คนที่เตรียมร่มแม้จะไม่ใช้กันฝนก็ต้องนำมากางออกกันแดดแทน
ก็เป็นธรรมดาของการคาดการณ์ ที่มักจะคลาดเคลื่อนได้เสมอ
โดยเฉพาะการคาดการณ์ธรรมชาติที่แสนจะยากลำบาก มนุษย์เราพยายามพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อตรวจวัด
เพื่อตรวจเตือนก็ยังไม่สามารถจะทำได้ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์
พูดถึงการคาดเดาทำให้คิดถึงคำของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสที่ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวไว้เมื่อสัปดาห์ก่อนพิธีสาบานตนของประธานาธิบดีประเทศสหรัฐอเมริกาคนใหม่
นักข่าวถามว่า“พระสันตะปาปาครับ
โดนัลด์ ทรัมพ์ กำลังจะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา
และโลกกำลังอยู่ภาวะตึงเครียดเพราะเรื่องนี้ พระองค์จะทำเช่นไรครับ”
พระสันตะปาปา
“พ่อคิดว่าเราต้องรอดู พ่อไม่ชอบคิดไปก่อนและไม่ชอบตัดสินคนก่อน พวกเราจะดูว่าเขา
(ทรัมพ์) จะทำอย่างไรและสิ่งใดที่เขาทำ จากนั้น พ่อถึงจะแสดงความคิดเห็น
แต่การกลัวหรือชื่นชมยินดีล่วงหน้าเพราะมีบางสิ่งที่อาจจะเกิดนั้น
ในความคิดพ่อคิดว่ามันไม่ฉลาดเท่าไหร่ มันจะกลายเป็นเหมือนพวกนักพยากรณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติหรือทำนายโชคลาภที่อาจจะไม่เกิดก็ได้
พวกเราจะดูว่าเขาทำอะไรและค่อยแสดงความคิดเห็นตามนั้น”cr.
Pope Report
คำว่าคาดการณ์คาดเดา
เอาเข้าจริงส่วนถูกนั้นมีไม่มาก
แต่ก็เป็นสิ่งหนึ่งทำให้ผู้คนมักเชื่อถือกันได้อย่างมากมาย
ไม่ต้องอื่นใดในชีวิตจริงของเรา การเชื่อหมอดู เชื่อเรื่องโชคเรื่องดวง
เพราะเรามักมองชีวิตในด้านเดียว คือด้านที่อยากจะมีความมั่นคงยืนยง
อยากจะมีชีวิตที่ยืนยาว อยากมีความเป็นอมตะไม่รู้ป่วย รู้แก่ ไม่รู้เจ็บ
เราจึงเชื่อและทำตามสิ่งใดก็ได้ที่บอกกล่าวเพื่อนำพาเราไปพบสิ่งนั้น ทั้ง ๆ ที่ทำแล้วจะได้พบหรือเปล่า???
ก็ไม่รู้ พอเราหมกมุ่นกับมันมาก ๆ เราก็กลายเป็นคนเห็นแก่ตัว ทำอะไรก็เพื่อชีวิตตนเองเป็นที่ตั้ง
บางทีเราก็ใช้ร่างกายแบบไม่ค่อยระมัดระวังกินตามใจปากมากกว่ากินเพื่อสุขภาพ
มีเครื่องอำนวยความสะดวกสบาย ทำให้ร่างกายไม่ค่อยได้มีการขยับเขยื้อนเคลื่อนที่ เมื่อกินแล้วไม่ได้ใช้พลังงานออกไปมากนักจึงสะสมกลายเป็นความอ้วน
ก็หายาลดความอ้วนแทน เพื่อให้รูปร่างดูดี ผิวพรรณเปล่งปลั่งอย่างยืนยาว
แต่ก็ไม่ไปออกกำลังกาย นานเข้าร่างกายก็อ่อนล้าอ่อนแอ ย่ำแย่ ก็เที่ยวไปหาหมอดูเสริมดวงต่อชะตาแทนที่จะหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพคนเราก็มักมีความคิดที่ย้อนแย้งกันในตัว
อยากมีชีวิตที่ยืนยาว แต่กลับไม่ให้ความสำคัญกับสุขภาพร่างกาย เราหนีความจริงไม่พ้นยิ่งอายุมากขึ้นร่างกายย่อมมีความเสื่อมถอย
มีแต่การต้องพยายามรักษาให้คงอยู่ไม่ใช่ให้คงทน
นอกเหนือจากมิติชีวิตด้านยืนยาวด้วยการมีสุขภาพที่แข็งแรง
ไม่จบชีวิตก่อนวัยอันควรด้วยโรคภัยหรืออุบัติเหตุที่ไม่พึงควรแล้วหารู้ไม่สิ่งที่สำคัญกว่าชีวิตที่ยืนยาว ก็คือชีวิตที่มีทั้งความกว้างและความลึก ชีวิตด้านกว้างคือมีน้ำใจกว้างขวาง เห็นผู้คนเป็นเพื่อนมนุษย์ ด้านลึกคือมีความลุ่มลึกทางจิตใจ สามารถจะเข้าถึงความสุขภายในที่อยู่ในจิตใจของเราได้ถ้ากว้างและลึกแล้ว แม้ชีวิตจะสั้นก็ไม่มีความหมาย
ด้านกว้างของชีวิตคือการมีจิตใจอ่อนโยน
รับรู้ถึงความต้องการของคนอื่น มีเมตตาในฐานะความรัก ความกรุณาที่มาจากใจ
ปรารถนาดีที่จะทำให้ทุกชีวิตมีความสุข
ไม่เบียดเบียนทำร้ายกันพร้อมทั้งสามารถรับคำขอบคุณ ขอโทษ
ให้อภัยและเมตตาผู้อื่นได้ ในยามที่พี่น้องทางภาคใต้ประสบปัญหาอยู่ในขณะนี้
ชีวิตด้านกว้างได้เปิดรับน้ำจิตน้ำใจที่จะส่งผ่านไปเพื่อช่วยเหลือ แบ่งปันต่อกัน ความทุกข์ร้อนของเพื่อนมนุษย์คือความทุกข์ส่วนหนึ่งของเรา
อะไรที่ช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้จงช่วยกันทำ
มิติด้านกว้างนี้ไม่มีขอบเขตแห่งชั้นชน ไม่มีขอบข่ายของตำแหน่งฐานะ รักผู้อื่น
เมตตาผู้อื่นเหมือนรักและเมตตาต่อตัวเอง
ช่วยกันส่งกำลังใจส่งความช่วยเหลือเท่าที่เราทำได้
เพื่อให้พี่น้องชาวไทยของเราทางด้ามขวานกลับมามีชีวิตความเป็นอยู่เป็นปกติสุขโดยเร็ววัน
รากฐานชีวิตที่สำคัญ
คือ มิติชีวิตด้านลึก เป็นมิติทางด้านจิตวิญญาณเปรียบได้กับตึกอาคารสูงที่ต้องการรากฐานแข็งแรงมั่นคง
ยิ่งหากตึกอาคารนั้นสูงเสียดฟ้าเพียงใด เสาเข็มหรือฐานรากก็ต้องลงลึก
หนักแน่นและมั่นคงมากเพียงนั้น การลงลึกนี้หมายถึงความเชื่อ ความศรัทธา
และความไว้วางใจ มีปรีชาญาณ รู้จักที่จะอยู่กับความสงบนิ่ง มีธรรมะมีคำสอนเป็นเครื่องชี้นำชีวิต
การสวดภาวนาคือการเสริมสร้างชีวิตทางด้านลึกให้หยั่งรากลึกลงในชีวิตมากขึ้น
ในโลกที่มีแต่ความสับสนวุ่นวาย
จนทำให้บางช่วงเวลาเราทำบางสิ่งบางอย่างลงไปแบบไม่รู้ตัว หลงลืม ละเลย
หรือจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะเราเห็นเพียงสิ่งภายนอกที่ถูกเคลือบเสริมเติมแต่ง
จนกระทั่งเราให้ความสำคัญกับการมีชีวิตที่ยืนยาวเพียงด้านเดียวมากเกินไป
ดังที่เราก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ชีวิตเรามีสามด้านคือร่างกาย
จิตใจและจิตวิญญาณ หากเรามุ่งสร้างความยืนยาวให้ร่างกายอย่างเดียว
ปล่อยให้จิตใจและจิตวิญญาณกำพร้า เราก็เป็นแค่เพียงวัตถุหนึ่งที่เดินไปมาอยู่ในโลกที่หาประโยชน์อันใดมิได้
ใครจะเป็นอย่างไรไม่สน ขอเพียงฉันมี ฉันสุขก็เพียงพอ ถามว่า “สุข”จริงไหม
สุขแบบยืนยงถาวรหรือสุขเพียงชั่วคราว
ในวันที่เราจากโลกนี้ไปจะมีอันใดให้โลกได้รำลึกถึง แต่ถ้าหากเรามีพร้อมทุกมิติต่อให้ร่างกายจะลาลับไปจะเร็วจะช้า
แต่ความดีที่เราทำจากมิติกว้างและลึกจะส่งผลให้เรายืนยาวอยู่ในความทรงจำของผู้คนตลอดไป....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น