วันศุกร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2560

กว้าง x ลึก = ยืนยาว

กว้าง x ลึก = ยืนยาว
เช้า ๆ หลายวันมานี้ เราคงจะพอได้รับรู้ถึงอากาศที่เย็นลง มีการคาดการณ์ว่าอาจจะมีอากาศที่เย็นลงอีกในไม่กี่วันข้างหน้า แต่พอสาย ๆ แดดก็แผดลงมา กลายเป็นร้อนปกติเหมือนเช่นทุกวัน เมื่อช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมา มีการแจ้งเตือนกันว่าจะเกิดฝนฟ้า อาจจะทำให้น้ำท่วมได้ในกรุงเทพฯ แต่แล้ว...มีแต่แสงแดด คนที่เตรียมร่มแม้จะไม่ใช้กันฝนก็ต้องนำมากางออกกันแดดแทน ก็เป็นธรรมดาของการคาดการณ์ ที่มักจะคลาดเคลื่อนได้เสมอ โดยเฉพาะการคาดการณ์ธรรมชาติที่แสนจะยากลำบาก มนุษย์เราพยายามพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อตรวจวัด เพื่อตรวจเตือนก็ยังไม่สามารถจะทำได้ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์




พูดถึงการคาดเดาทำให้คิดถึงคำของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสที่ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวไว้เมื่อสัปดาห์ก่อนพิธีสาบานตนของประธานาธิบดีประเทศสหรัฐอเมริกาคนใหม่ นักข่าวถามว่า“พระสันตะปาปาครับ โดนัลด์ ทรัมพ์ กำลังจะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา และโลกกำลังอยู่ภาวะตึงเครียดเพราะเรื่องนี้ พระองค์จะทำเช่นไรครับ”
พระสันตะปาปา “พ่อคิดว่าเราต้องรอดู พ่อไม่ชอบคิดไปก่อนและไม่ชอบตัดสินคนก่อน พวกเราจะดูว่าเขา (ทรัมพ์) จะทำอย่างไรและสิ่งใดที่เขาทำ จากนั้น พ่อถึงจะแสดงความคิดเห็น แต่การกลัวหรือชื่นชมยินดีล่วงหน้าเพราะมีบางสิ่งที่อาจจะเกิดนั้น ในความคิดพ่อคิดว่ามันไม่ฉลาดเท่าไหร่ มันจะกลายเป็นเหมือนพวกนักพยากรณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติหรือทำนายโชคลาภที่อาจจะไม่เกิดก็ได้ พวกเราจะดูว่าเขาทำอะไรและค่อยแสดงความคิดเห็นตามนั้น”cr. Pope Report

คำว่าคาดการณ์คาดเดา เอาเข้าจริงส่วนถูกนั้นมีไม่มาก แต่ก็เป็นสิ่งหนึ่งทำให้ผู้คนมักเชื่อถือกันได้อย่างมากมาย ไม่ต้องอื่นใดในชีวิตจริงของเรา การเชื่อหมอดู เชื่อเรื่องโชคเรื่องดวง เพราะเรามักมองชีวิตในด้านเดียว คือด้านที่อยากจะมีความมั่นคงยืนยง อยากจะมีชีวิตที่ยืนยาว อยากมีความเป็นอมตะไม่รู้ป่วย รู้แก่ ไม่รู้เจ็บ เราจึงเชื่อและทำตามสิ่งใดก็ได้ที่บอกกล่าวเพื่อนำพาเราไปพบสิ่งนั้น ทั้ง ๆ ที่ทำแล้วจะได้พบหรือเปล่า??? ก็ไม่รู้ พอเราหมกมุ่นกับมันมาก ๆ เราก็กลายเป็นคนเห็นแก่ตัว ทำอะไรก็เพื่อชีวิตตนเองเป็นที่ตั้ง บางทีเราก็ใช้ร่างกายแบบไม่ค่อยระมัดระวังกินตามใจปากมากกว่ากินเพื่อสุขภาพ มีเครื่องอำนวยความสะดวกสบาย ทำให้ร่างกายไม่ค่อยได้มีการขยับเขยื้อนเคลื่อนที่ เมื่อกินแล้วไม่ได้ใช้พลังงานออกไปมากนักจึงสะสมกลายเป็นความอ้วน ก็หายาลดความอ้วนแทน เพื่อให้รูปร่างดูดี ผิวพรรณเปล่งปลั่งอย่างยืนยาว แต่ก็ไม่ไปออกกำลังกาย นานเข้าร่างกายก็อ่อนล้าอ่อนแอ ย่ำแย่ ก็เที่ยวไปหาหมอดูเสริมดวงต่อชะตาแทนที่จะหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพคนเราก็มักมีความคิดที่ย้อนแย้งกันในตัว อยากมีชีวิตที่ยืนยาว แต่กลับไม่ให้ความสำคัญกับสุขภาพร่างกาย เราหนีความจริงไม่พ้นยิ่งอายุมากขึ้นร่างกายย่อมมีความเสื่อมถอย มีแต่การต้องพยายามรักษาให้คงอยู่ไม่ใช่ให้คงทน



นอกเหนือจากมิติชีวิตด้านยืนยาวด้วยการมีสุขภาพที่แข็งแรง ไม่จบชีวิตก่อนวัยอันควรด้วยโรคภัยหรืออุบัติเหตุที่ไม่พึงควรแล้วหารู้ไม่สิ่งที่สำคัญกว่าชีวิตที่ยืนยาว ก็คือชีวิตที่มีทั้งความกว้างและความลึก ชีวิตด้านกว้างคือมีน้ำใจกว้างขวาง เห็นผู้คนเป็นเพื่อนมนุษย์ ด้านลึกคือมีความลุ่มลึกทางจิตใจ สามารถจะเข้าถึงความสุขภายในที่อยู่ในจิตใจของเราได้ถ้ากว้างและลึกแล้ว แม้ชีวิตจะสั้นก็ไม่มีความหมาย
ด้านกว้างของชีวิตคือการมีจิตใจอ่อนโยน รับรู้ถึงความต้องการของคนอื่น มีเมตตาในฐานะความรัก ความกรุณาที่มาจากใจ ปรารถนาดีที่จะทำให้ทุกชีวิตมีความสุข ไม่เบียดเบียนทำร้ายกันพร้อมทั้งสามารถรับคำขอบคุณ ขอโทษ ให้อภัยและเมตตาผู้อื่นได้ ในยามที่พี่น้องทางภาคใต้ประสบปัญหาอยู่ในขณะนี้ ชีวิตด้านกว้างได้เปิดรับน้ำจิตน้ำใจที่จะส่งผ่านไปเพื่อช่วยเหลือ แบ่งปันต่อกัน ความทุกข์ร้อนของเพื่อนมนุษย์คือความทุกข์ส่วนหนึ่งของเรา อะไรที่ช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้จงช่วยกันทำ มิติด้านกว้างนี้ไม่มีขอบเขตแห่งชั้นชน ไม่มีขอบข่ายของตำแหน่งฐานะ รักผู้อื่น เมตตาผู้อื่นเหมือนรักและเมตตาต่อตัวเอง ช่วยกันส่งกำลังใจส่งความช่วยเหลือเท่าที่เราทำได้ เพื่อให้พี่น้องชาวไทยของเราทางด้ามขวานกลับมามีชีวิตความเป็นอยู่เป็นปกติสุขโดยเร็ววัน

ากฐานชีวิตที่สำคัญ คือ มิติชีวิตด้านลึก เป็นมิติทางด้านจิตวิญญาณเปรียบได้กับตึกอาคารสูงที่ต้องการรากฐานแข็งแรงมั่นคง ยิ่งหากตึกอาคารนั้นสูงเสียดฟ้าเพียงใด เสาเข็มหรือฐานรากก็ต้องลงลึก หนักแน่นและมั่นคงมากเพียงนั้น การลงลึกนี้หมายถึงความเชื่อ ความศรัทธา และความไว้วางใจ มีปรีชาญาณ รู้จักที่จะอยู่กับความสงบนิ่ง มีธรรมะมีคำสอนเป็นเครื่องชี้นำชีวิต การสวดภาวนาคือการเสริมสร้างชีวิตทางด้านลึกให้หยั่งรากลึกลงในชีวิตมากขึ้น
ในโลกที่มีแต่ความสับสนวุ่นวาย จนทำให้บางช่วงเวลาเราทำบางสิ่งบางอย่างลงไปแบบไม่รู้ตัว หลงลืม ละเลย หรือจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะเราเห็นเพียงสิ่งภายนอกที่ถูกเคลือบเสริมเติมแต่ง จนกระทั่งเราให้ความสำคัญกับการมีชีวิตที่ยืนยาวเพียงด้านเดียวมากเกินไป ดังที่เราก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ชีวิตเรามีสามด้านคือร่างกาย จิตใจและจิตวิญญาณ หากเรามุ่งสร้างความยืนยาวให้ร่างกายอย่างเดียว ปล่อยให้จิตใจและจิตวิญญาณกำพร้า เราก็เป็นแค่เพียงวัตถุหนึ่งที่เดินไปมาอยู่ในโลกที่หาประโยชน์อันใดมิได้ ใครจะเป็นอย่างไรไม่สน ขอเพียงฉันมี ฉันสุขก็เพียงพอ ถามว่า “สุข”จริงไหม สุขแบบยืนยงถาวรหรือสุขเพียงชั่วคราว ในวันที่เราจากโลกนี้ไปจะมีอันใดให้โลกได้รำลึกถึง แต่ถ้าหากเรามีพร้อมทุกมิติต่อให้ร่างกายจะลาลับไปจะเร็วจะช้า แต่ความดีที่เราทำจากมิติกว้างและลึกจะส่งผลให้เรายืนยาวอยู่ในความทรงจำของผู้คนตลอดไป....

ไม่มีความคิดเห็น: