เด็กที่พ่อแม่สั่งสอน
เป็นธรรมเนียมที่พอเข้าสู่สัปดาห์ที่สองของปีใหม่ก็จัดให้เป็น
“วันเด็ก”
การให้ความสำคัญกับเด็กตั้งแต่ต้นปี ก็คงเป็นเพราะต้องการให้เรารู้ว่าเด็กนั้น คือ
ทรัพยากรที่สำคัญที่สุด แต่เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
วัตถุประสงค์ของวันเด็กก็เปลี่ยนแปลงตามไปกับยุคสมัยด้วยเช่นกัน ผู้ใหญ่เริ่มให้ความสำคัญกับเด็กเพียงแค่วัตถุ
นำเครื่องไม้เครื่องมือออกมาอวด ออกมาโชว์ เพิ่มความอยาก เพิ่มความโลภให้กับเด็กอย่างไม่รู้ตัว
แทนที่จะเป็นการให้แบบอย่าง เป็นการให้แรงบันดาลใจ ผู้ใหญ่วันนี้กลับให้ค่านิยมแห่งวัตถุกับเด็ก
ที่มาพร้อมกับความเพลิดเพลินของเครื่องเล่น
เด็กทุกคนย่อมรักความสนุก
เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ที่จะต้องใช้หัว เพื่อคิดค้นกลเม็ด สั่งสอนพวกเขาไปพร้อมกับความตื่นตาตื่นใจของวัตถุ
เครื่องมือ เครื่องใช้เหล่านั้น สอนพวกเขาให้รู้คุณรู้โทษดีกว่าไปยืนถ่ายรูปคู่กับสิ่งเหล่านั้น
เด็กเป็นสิ่งมีชีวิตที่งดงาม พร้อมที่จะให้พ่อแม่ ได้ถักทอสายใยแห่งความดีลงในใจพวกเขาเสมอ..
กับสถานการณ์แห่งความหวาดกลัวเช่นนี้
ก็ทำให้ครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากันมากยิ่งขึ้น
เป็นโอกาสอันดีที่เราจะหันกลับมาทบทวนถึงบทบาทของการเป็นพ่อเป็นแม่
ที่มีหน้าที่ในการสั่งสอนลูกๆ เราได้ทำหน้าที่นี้อย่างดีแล้วหรือ ...
เราเป็นพ่อเป็นแม่อย่างเต็มภาคภูมิแค่ไหน... โดยปกติเสาร์อาทิตย์ พ่อแม่มักพาลูกๆเดินห้าง
และให้เวลากับสิ่งเหล่านั้นมากกว่าการพาลูกๆมาเข้าวัด มีผลสำรวจออกมาว่าจะทำให้เด็กเติบโตขึ้นท่ามกลางบริโภคนิยม
และมีความอยากอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด
วัฒนธรรมเหล่านี้ก็จะค่อยๆซึมลึกลงในใจเด็ก ..
เด็กไทยวันนี้รู้จักเข้าวัด
ไหว้พระกันมากน้อยแค่ไหน รู้สึกสุขใจ อิ่มใจทุกครั้งที่เห็นพ่อแม่พาเด็กๆมาเข้าวัด
สอนให้รู้จักนั่งสงบ สอนให้รู้จักสวด สอนให้รู้จักตอบรับและร้องเพลงในวัด
ภาพเหล่านี้นั้นหาได้น้อยเต็มที ใช่หรือไม่
พระเยซูเจ้าในวัยเพียงสิบกว่าขวบก็ชอบที่จะวิ่งเล่นซุกซน หนีพ่อแม่เที่ยว แต่พระองค์วิ่งเล่นเข้าไปในพระวิหาร
เข้าไปอ่าน ไปฟัง ไปสนทนาธรรมกับผู้ใหญ่ ใช่หรือไม่เด็กชายเยซูวันนั้น
คือผู้ที่โอบอุ้มโลกของเราในวันนี้ เป็นวีรบุรุษผู้เต็มเปี่ยมด้วยคุณงามความดี และเด็กชายเด็กหญิงลูกของเรา
จะมีสิ่งใดที่ช่วยจรรโลงโลกนี้ได้บ้าง ก็ขึ้นอยู่กับการสั่งสอนของเราในวันนี้....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น