วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ความดีมิใช่ความว่างเปล่า

ความดีมิใช่ความว่างเปล่า
ข่าวการค้นพบคลื่นความโน้มถ่วง เป็นข่าววิทยาศาสตร์ที่เขย่าโลก เป็นการค้นพบที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในรอบหลายสิบปี โดยไลโก้ (Laser Interferometer Gravitational-Wave Observatory (LIGO) หอสังเกตการณ์คลื่นความโน้มถ่วงด้วยเลเซอร์อินเตอร์เฟอรอมีเตอร์)  ได้ยืนยันการตรวจพบคลื่นความโน้มถ่วง จากการชนกันของหลุมดำเล็ก (black hole) 2 หลุมที่อยู่ห่างจากโลกเราไปเป็น 1.3 พันล้านปีแสง (เป็นเหตุการณ์ในอดีตยาวนานมาก) จังหวะที่หลุมดำมันปะทะกันรวมเข้าเป็นอันเดียวกันนั้น คลื่นความโน้มถ่วงก็รวมเข้าด้วยกันแล้วก็กระจายตัวออกอย่างรุนแรง คล้ายๆ เวลาที่หินตกลงไปในน้ำแล้วเราเห็นเป็นริ้วๆ วงๆ ออกมารอบจุดนั้น
ไอสไตน์ เคยนำเสนอไว้ตั้งแต่ปี 1916 เกือบร้อยปีก่อนเกี่ยวกับคลื่นความโน้มถ่วง ว่าตามสมการคำนวณแล้ว เมื่อวัตถุขนาดใหญ่ยักษ์ในอวกาศมาปะทะกัน จะต้องเกิดคลื่นความโน้มถ่วงขึ้น แต่ขนาดของคลื่นนั้นจะน้อยมากจนแม้แต่ไอสไตน์เองก็บอกว่า มนุษย์เราไม่น่าจะวัดมันได้ และถ้าคลื่นความโน้มถ่วงมีจริง จักรวาลของเราจะมีลักษณะเป็นแบบที่ไอสไตน์เสนอไว้ คือ ไม่ใช่เป็นแค่ที่ว่างเปล่าและมีดาวต่างๆ ลอยอยู่เหมือนลูกโป่งลอยในอากาศ แต่เป็น “กาลอวกาศ” ที่รวมกันระหว่าง space และ time (พื้นที่และเวลา)
ภาพ : http://kp.thaibuffer.com/o/img_cms2/user/settawoot/settawoot/aug3/www.jpg
จากข่าวนี้สิ่งที่มองเห็นมิใช่เป็นการพิสูจน์ว่าจักรวาลนี้ไม่ใช่การสร้างของพระเจ้า แต่วิทยาศาสตร์กำลังพิสูจน์วิธีการสร้างของพระเจ้าต่างหากขนาดไอน์สไตน์ยังเชื่อว่าพระเจ้าคือธรรมชาติ    อะไรที่ข้าพเจ้าเห็นในธรรมชาติ  ล้วนเป็นโครงสร้างมหัศจรรย์ ที่มนุษย์มีความสามารถเพียงเล็กน้อย  เข้าใจแค่ครึ่งๆกลางๆ ไม่รู้จริงหมดสักที  มันเป็นจุดด้อยของเราที่ไม่สามารถทำอะไรกับความลี้ลับนี้ได้   ความเชื่อในศาสนาของข้าพเจ้ามีความชื่นชมนอบน้อมต่อพระเจ้าผู้อยู่สูงเกินจะประมาณ  พระองค์ทรงเปิดเผยตัวเองเพียงเล็กน้อย     ที่ความคิดตื้นเขิน ความเข้าใจของพวกเรานั้น ยังไม่สามารถรู้ซึ้งถึงความจริงได้”     
มนุษย์เรามักคิดว่าเราเป็นศูนย์กลางจักรวาล เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง คิดว่าตัวเองเก่งกาจและพยายามหาทางครอบครองพื้นที่และเวลาของผู้อื่น ซึ่งความจริงแล้วทุกอย่างมีพื้นที่มีเวลาของมัน ของแต่ละคน เรามักจะใช้มาตรฐานวัดของตัวเองมาวัดค่าสิ่งนั้นสิ่งนี้ คนนั้นคนนี้จากเรื่องการค้นพบแรงโน้มถ่วงนี้ ทำให้เราต้องมานั่งพินิจพิเคราะห์อย่างจริงจังอีกครั้งว่า แท้จริงแล้วเราก็คือสิ่งเล็กกระจิดริดในจักรวาล ยังมีเรื่องมีสิ่งต่างๆ อีกมากมายที่เรายังมิอาจหยั่งรู้ได้เลย สิ่งที่แท้ๆ ในโลกนี้คือ ความดี ความงาม มีอยู่ให้เห็นทุกอณู ที่มิใช่เพียงความว่างเปล่า ด้วยความดีมีแรงโน้มถ่วงทำให้ด้านร้ายของจิตใจคนเราเปลี่ยนแปลง ความดีมีแรงดึงดูดให้เกิดมวลรวมของพลังมหาศาลที่ขับเคลื่อนโลกให้หมุนอยู่ในความงามเสมอมา
ภาพ : http://4toom.com/wp-content/uploads/2015/07/571103_a401.jpg

เพียงความรู้สึกและฝีไม้ลายมืออย่างเดียวไม่ได้ช่วยให้มนุษย์มีชีวิตที่เป็นสุขและอยู่อย่างมีเกียรติได้  มนุษย์ควรมีมาตรฐานทางจิตใจที่ถูกต้องและมีศีลธรรมสูงส่งด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่ายิ่งกว่าการค้นพบความจริงต่างๆ   ไอสไตน์ได้กล่าวเตือนพวกเราไว้อย่างเชียบคม

ไม่มีความคิดเห็น: