พลังแห่ง “รัก”
ย่างก้าวเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ สิ่งที่เรามักจะคิดถึงโดยอัตโนมัติ
เพราะถูกปลูกฝังอย่างเป็นสากลมาอย่างยาวนานนั่นคือ เดือนแห่งความรัก
และที่แปลกสักหน่อยตามค่านิยมสมัยใหม่ที่มักคิดกันแค่ความรักแบบหนุ่มสาวเท่านั้น
ตามด้วยการแสดงออกด้วยวัตถุสิ่งของภายนอก ซื้อโน่นนี่นั่นให้กัน โฆษณาต่างๆ
ก็เร่งหนุนออกมาเพื่อให้คนทั่วไปซื้อสินค้าของตัวเองเป็นสื่อนำความรัก เป็นการแข่งขันโดยนำเอาความรักเป็นตัวชูโรง
เนื้อแท้แล้วคือการค้าขาย ความรักที่แท้จริงเป็นเช่นไร
ความรักที่ปราศจากสิ่งแอบแฝงคืออะไร คุณค่าความรักที่จะมอบให้คนอื่นยังมีอยู่ไหมในหัวใจของเราวันนี้???
ความรักมิใช่มอบให้กันโดยการแสดงออกเพียงเดือนหนึ่งวันหนึ่งเท่านั้น หากแต่ทุกลมหายใจเข้าออกคือ“พลังความรัก”ทั้งสิ้น
เป็นพลังที่ขับเคลื่อนโลกนี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
เป็นสิ่งที่คงอยู่คงทนที่สุดเทียบเท่าการกำเนิดเกิดก่อของจักรวาล แต่เรามักมองข้ามพลังรักนี้
โดยการแปรเปลี่ยนให้สิ่งภายนอกสำคัญกว่า
ภาพ : https://i.ytimg.com/vi/LQ_Gf0CcE-Y/hqdefault.jpg |
ในทุกวันพลังรักมักดำรงอยู่
แต่ขาดความใส่ใจจากผู้คนที่จะใช้พลังนี้เพื่อพัฒนาชีวิตให้ดำเนินต่อไปสู่ความสมบูรณ์ เรามักเที่ยวค้นหาพลังอื่นๆ
มากมายเพื่อพัฒนาโลก ไม่ว่าจะเป็นพลังงานเชื้อเพลิงที่กลายเป็นการค้าขายระดับโลก
ใครมีครอบครองเท่ากับได้ครอบครองโลก นำมาซึ่งการแข่งขันและแย่งชิง
พลังงานไฟฟ้าที่ทำให้โลกพบกับความสว่าง แต่ถลำสู่ความมืดบอดทางจิตวิญญาณ
พลังเงินทองเป็นพลังที่เกิดมาเพื่อปลุกความละโมบโลภมากมาสู่มวลมนุษย์
จนกลายเป็นที่มาของพลังแห่งความเกลียดชัง และเมื่อตัวเองครอบครองพลังหลายๆ สิ่ง
หลายๆ อย่างได้แล้ว จะเกิดพลังชนิดใหม่คือ “พลังแห่งการครอบงำ”
ใช้สิ่งที่มีมากเข้ายึดครองผู้อื่น รุกรานคนที่ด้อยกว่า แล้วขนานนามพลังแบบนี้ว่า
“ความเก่ง ความฉลาด” แต่ละเลยพลังความรักไป
สังคมเราจึงตกอยู่ในภาวะทิ้งดิ่งสู่ความสับสนวุ่นวาย
ใช่หรือไม่ ในทุกวันนี้เราต่างก็หาทางที่จะครอบงำคนอื่นตลอดเวลา
ไม่ว่ากับแง่มุมไหนหรือเรื่องอะไร เราจะทำอะไรหรือพูดอะไรก็ตามที่จำเป็นก็เพื่อจะได้เป็นฝ่ายชนะอยู่ร่ำไป
ในการพูดคุยกัน ในการประชุม เราแต่ละคนต่างก็จะพยายามหาทางควบคุมคนอื่น ไม่มีใครฟังใครหรือฟังแบบผ่านๆ
ฟังแล้วเบ้ปาก เรามุ่งหวังเพื่อจะได้อยู่ในจุดที่เหนือกว่าในปฏิสัมพันธ์
ซึ่งถ้าทำได้สำเร็จ ถ้าความเห็นหรือสิ่งที่เรานำเสนอเป็นฝ่ายชนะ
เราจะมีพลังของความจองหอง พลังของการเป็นผู้ชนะ พูดอีกแบบคือ
มนุษย์เราหาทางเอาชนะและควบคุมกัน ไม่ใช่แค่เพราะต้องการบรรลุเป้าหมายที่จับต้องได้ในโลกภายนอก
แต่ยังทำให้เรารู้สึกภาคภูมิใจและหลงใหลในความเป็นตัวเอง
นี่คือที่มาของความขัดแย้งที่ไร้เหตุผลมากมายในโลก
ทั้งในระดับส่วนตัวและในระดับประเทศ
มีอาแปะคนหนึ่ง มีแผงขายไข่ไก่ฟองละ
2 บาทมานาน มีลูกค้าประจำมากมาย เพราะแกขายอยู่แผงเดียว
อยู่มาวันหนึ่ง
มีอาหมวยคนหนึ่งเห็นว่าอาแปะขายไข่ไก่รายได้ดีจึงคิดขายบ้าง อาหมวยตั้งแผงขายไข่ไก่ฝั่งตรงข้ามอาแปะ
โดยตั้งราคาขายฟองละ 1บาทเพื่อตัดราคาเป็นดังคาด !! ลูกค้าแผงอาแปะหลั่งไหลมาซื้อไข่ไก่แผงอาหมวยล้นหลาม
จนอาแปะเริ่มรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว หากปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปแย่แน่ๆ
จึงลดราคาไข่ไก่ลงเหลือฟองละ 1 บาทเท่าอาหมวย สมใจอาแปะ !! ลูกค้าแผงอาหมวยเริ่มหันมาซื้ออาแปะมากขึ้นเรื่อยๆ
เนื่องจากถึงแม้ราคาจะเท่ากัน แต่เชื่อถือคุณภาพไข่ไก่ที่อาแปะขายมานาน
อาหมวยเห็นดังนั้น จึงตัดสินใจลดราคาไข่ไก่
ตั้งใจว่าคราวนี้จะไม่ให้อาแปะลดราคาแข่งได้เลย จึงตัดสินใจลดราคาจาก 1
บาทเหลือเพียง 25 สตางค์ !!!!!ลูกค้าจากแผงอาแปะและหลายๆ
ที่แห่มาซื้อไข่ไก่อาหมวยกันหนาตา อาหมวยรู้สึกกระหยิ่มในใจยิ่งนักแล้วคิดตามว่า
ดูซิ !!
อาแปะจะลดราคาสู้ไปอีกได้ไหมจนเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่านานเป็นเดือน
อาแปะยังคงขายไข่ไก่ฟองละ 1 บาทอยู่ มีลูกค้าบ้างประปรายแต่มาซื้อเรื่อยๆ
ฝั่งแผงอาหมวยเริ่มรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว ฟองละ 25 สตางค์แทบไม่เห็นกำไร
แต่ก็เกิดความประหลาดใจยิ่งนักว่าทำไมอาแปะ จึงยังขายฟองละ 1 บาท
ทำไมไม่แข่งลดราคากันอีก แล้วอยู่ได้ยังไงในเมื่อลูกค้าอยู่ที่แผงอาหมวยหมด
วันหนึ่งอาหมวยทนไม่ไหว จึงตัดสินใจเดินไปถามอาแปะด้วยสีหน้าฉงนว่า
อาหมวย : อาแปะ !!
ลื้อทำไมไม่ลดราคาแข่งกับอั๊วอีกหล่ะ ในเมื่อเราแข่งกันมาตลอด
มาแข่งกันต่อสิแล้วลื้ออยู่ได้ยังไงขายฟองละ 1 บาท
อาแปะ : ชำเลืองมองอาหมวยเล็กน้อยแล้วพูดว่า
“อั๊วอยู่ได้สิ ก็อั๊วไปซื้อไข่ไก่ลื้อมาขายไง”
“เพราะมัวแต่ต้องการเอาชนะ
จนลืมไปว่าเรานั้นแพ้แม้แต่ความคิด มุ่งแต่จะชนะให้ได้
จนลืมมองย้อนหลังที่ผ่านมาว่าเราพลาดเพราะสิ่งใด ไม่มีใครทำตัวเราให้พ่ายแพ้ ทุกอย่างล้วนเกิดจากตนเองทั้งนั้น”
Cr : ตะเกียงส่องใจ
ภาพ : http://www.livingunity.com /files/3512/9869/7232/12608467700_q36wT.jpg |
เรามักคิดกันเสมอว่าเรานี่เก่งกาจ
เรานี่ชาญฉลาด แต่หารู้ไม่ว่า ไม่มีความฉลาดใดในโลกที่จะอยู่คงทน
ยังมีคนที่เหนือกว่าเราอีกมากมาย ความเก่งของเราอาจจะอยู่ในเรื่องบางเรื่อง
แต่บางเรื่องเราอาจจะไม่รู้อะไรเลย ยิ่งเราหลงตัวมากเท่าใดจิตวิญญาณเรายิ่งอ่อนแอลงมากเท่านั้น
สิ่งที่จะทำให้เราเป็นคนโดยสมบูรณ์ได้นั้นคือ
การรู้จักใช้พลังรักของเราให้เกิดประโยชน์ต่อโลกใบนี้ให้มากที่สุด
ยิ่งเราใช้มากเรายิ่งมีพลังในการดำรงชีวิตมากขึ้นเท่านั้น ความรักนำมาซึ่งความเมตตาอาทรต่อกัน
ความรักนำมาซึ่งสันติสุข ความรักนำมาซึ่งการให้อภัยต่อกัน
และที่สุดพลังความรักนี้แหละที่จะนำสันติภาพมาสู่โลกใบนี้
ความรักเป็นสิ่งประทานมาฟรีๆ เพื่อให้ชีวิตมีคุณค่าขึ้น แล้ววันนี้เราใช้พลังแห่ง
“รัก” นี้มากน้อยเพียงใด พลังงานอย่างอื่นใช้แล้วหมดไป ก่อให้เกิดมลพิษ
แต่พลังแห่ง “รัก” ยิ่งใช้ยิ่งเพิ่มต่อเติมชีวิตให้ปราศจากมลพิษทางจิตวิญญาณ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น