วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

พลังแห่ง “รัก”

พลังแห่ง “รัก”
ย่างก้าวเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ สิ่งที่เรามักจะคิดถึงโดยอัตโนมัติ เพราะถูกปลูกฝังอย่างเป็นสากลมาอย่างยาวนานนั่นคือ เดือนแห่งความรัก และที่แปลกสักหน่อยตามค่านิยมสมัยใหม่ที่มักคิดกันแค่ความรักแบบหนุ่มสาวเท่านั้น ตามด้วยการแสดงออกด้วยวัตถุสิ่งของภายนอก ซื้อโน่นนี่นั่นให้กัน โฆษณาต่างๆ ก็เร่งหนุนออกมาเพื่อให้คนทั่วไปซื้อสินค้าของตัวเองเป็นสื่อนำความรัก เป็นการแข่งขันโดยนำเอาความรักเป็นตัวชูโรง เนื้อแท้แล้วคือการค้าขาย ความรักที่แท้จริงเป็นเช่นไร ความรักที่ปราศจากสิ่งแอบแฝงคืออะไร คุณค่าความรักที่จะมอบให้คนอื่นยังมีอยู่ไหมในหัวใจของเราวันนี้??? ความรักมิใช่มอบให้กันโดยการแสดงออกเพียงเดือนหนึ่งวันหนึ่งเท่านั้น หากแต่ทุกลมหายใจเข้าออกคือ“พลังความรัก”ทั้งสิ้น เป็นพลังที่ขับเคลื่อนโลกนี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เป็นสิ่งที่คงอยู่คงทนที่สุดเทียบเท่าการกำเนิดเกิดก่อของจักรวาล แต่เรามักมองข้ามพลังรักนี้ โดยการแปรเปลี่ยนให้สิ่งภายนอกสำคัญกว่า
 ภาพ : https://i.ytimg.com/vi/LQ_Gf0CcE-Y/hqdefault.jpg
ในทุกวันพลังรักมักดำรงอยู่ แต่ขาดความใส่ใจจากผู้คนที่จะใช้พลังนี้เพื่อพัฒนาชีวิตให้ดำเนินต่อไปสู่ความสมบูรณ์ เรามักเที่ยวค้นหาพลังอื่นๆ มากมายเพื่อพัฒนาโลก ไม่ว่าจะเป็นพลังงานเชื้อเพลิงที่กลายเป็นการค้าขายระดับโลก ใครมีครอบครองเท่ากับได้ครอบครองโลก นำมาซึ่งการแข่งขันและแย่งชิง พลังงานไฟฟ้าที่ทำให้โลกพบกับความสว่าง แต่ถลำสู่ความมืดบอดทางจิตวิญญาณ พลังเงินทองเป็นพลังที่เกิดมาเพื่อปลุกความละโมบโลภมากมาสู่มวลมนุษย์ จนกลายเป็นที่มาของพลังแห่งความเกลียดชัง และเมื่อตัวเองครอบครองพลังหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่างได้แล้ว จะเกิดพลังชนิดใหม่คือ “พลังแห่งการครอบงำ” ใช้สิ่งที่มีมากเข้ายึดครองผู้อื่น รุกรานคนที่ด้อยกว่า แล้วขนานนามพลังแบบนี้ว่า “ความเก่ง ความฉลาด”  แต่ละเลยพลังความรักไป สังคมเราจึงตกอยู่ในภาวะทิ้งดิ่งสู่ความสับสนวุ่นวาย
ใช่หรือไม่ ในทุกวันนี้เราต่างก็หาทางที่จะครอบงำคนอื่นตลอดเวลา ไม่ว่ากับแง่มุมไหนหรือเรื่องอะไร เราจะทำอะไรหรือพูดอะไรก็ตามที่จำเป็นก็เพื่อจะได้เป็นฝ่ายชนะอยู่ร่ำไป ในการพูดคุยกัน ในการประชุม เราแต่ละคนต่างก็จะพยายามหาทางควบคุมคนอื่น ไม่มีใครฟังใครหรือฟังแบบผ่านๆ ฟังแล้วเบ้ปาก เรามุ่งหวังเพื่อจะได้อยู่ในจุดที่เหนือกว่าในปฏิสัมพันธ์ ซึ่งถ้าทำได้สำเร็จ ถ้าความเห็นหรือสิ่งที่เรานำเสนอเป็นฝ่ายชนะ เราจะมีพลังของความจองหอง พลังของการเป็นผู้ชนะ พูดอีกแบบคือ มนุษย์เราหาทางเอาชนะและควบคุมกัน ไม่ใช่แค่เพราะต้องการบรรลุเป้าหมายที่จับต้องได้ในโลกภายนอก แต่ยังทำให้เรารู้สึกภาคภูมิใจและหลงใหลในความเป็นตัวเอง นี่คือที่มาของความขัดแย้งที่ไร้เหตุผลมากมายในโลก ทั้งในระดับส่วนตัวและในระดับประเทศ
มีอาแปะคนหนึ่ง มีแผงขายไข่ไก่ฟองละ 2 บาทมานาน มีลูกค้าประจำมากมาย เพราะแกขายอยู่แผงเดียว
อยู่มาวันหนึ่ง มีอาหมวยคนหนึ่งเห็นว่าอาแปะขายไข่ไก่รายได้ดีจึงคิดขายบ้าง อาหมวยตั้งแผงขายไข่ไก่ฝั่งตรงข้ามอาแปะ โดยตั้งราคาขายฟองละ 1บาทเพื่อตัดราคาเป็นดังคาด !! ลูกค้าแผงอาแปะหลั่งไหลมาซื้อไข่ไก่แผงอาหมวยล้นหลาม จนอาแปะเริ่มรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว หากปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปแย่แน่ๆ จึงลดราคาไข่ไก่ลงเหลือฟองละ 1 บาทเท่าอาหมวย สมใจอาแปะ !! ลูกค้าแผงอาหมวยเริ่มหันมาซื้ออาแปะมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากถึงแม้ราคาจะเท่ากัน แต่เชื่อถือคุณภาพไข่ไก่ที่อาแปะขายมานาน
อาหมวยเห็นดังนั้น จึงตัดสินใจลดราคาไข่ไก่ ตั้งใจว่าคราวนี้จะไม่ให้อาแปะลดราคาแข่งได้เลย จึงตัดสินใจลดราคาจาก 1 บาทเหลือเพียง 25 สตางค์ !!!!!ลูกค้าจากแผงอาแปะและหลายๆ ที่แห่มาซื้อไข่ไก่อาหมวยกันหนาตา อาหมวยรู้สึกกระหยิ่มในใจยิ่งนักแล้วคิดตามว่า ดูซิ !!
อาแปะจะลดราคาสู้ไปอีกได้ไหมจนเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่านานเป็นเดือน อาแปะยังคงขายไข่ไก่ฟองละ 1 บาทอยู่ มีลูกค้าบ้างประปรายแต่มาซื้อเรื่อยๆ ฝั่งแผงอาหมวยเริ่มรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว ฟองละ 25 สตางค์แทบไม่เห็นกำไร แต่ก็เกิดความประหลาดใจยิ่งนักว่าทำไมอาแปะ จึงยังขายฟองละ 1 บาท ทำไมไม่แข่งลดราคากันอีก แล้วอยู่ได้ยังไงในเมื่อลูกค้าอยู่ที่แผงอาหมวยหมด วันหนึ่งอาหมวยทนไม่ไหว จึงตัดสินใจเดินไปถามอาแปะด้วยสีหน้าฉงนว่า
อาหมวย : อาแปะ !! ลื้อทำไมไม่ลดราคาแข่งกับอั๊วอีกหล่ะ ในเมื่อเราแข่งกันมาตลอด มาแข่งกันต่อสิแล้วลื้ออยู่ได้ยังไงขายฟองละ 1 บาท
อาแปะ : ชำเลืองมองอาหมวยเล็กน้อยแล้วพูดว่า “อั๊วอยู่ได้สิ ก็อั๊วไปซื้อไข่ไก่ลื้อมาขายไง”
“เพราะมัวแต่ต้องการเอาชนะ จนลืมไปว่าเรานั้นแพ้แม้แต่ความคิด มุ่งแต่จะชนะให้ได้ จนลืมมองย้อนหลังที่ผ่านมาว่าเราพลาดเพราะสิ่งใด ไม่มีใครทำตัวเราให้พ่ายแพ้ ทุกอย่างล้วนเกิดจากตนเองทั้งนั้น” Cr : ตะเกียงส่องใจ
 ภาพ  : http://www.livingunity.com
/files/3512/9869/7232/12608467700_q36wT.jpg

เรามักคิดกันเสมอว่าเรานี่เก่งกาจ เรานี่ชาญฉลาด แต่หารู้ไม่ว่า ไม่มีความฉลาดใดในโลกที่จะอยู่คงทน ยังมีคนที่เหนือกว่าเราอีกมากมาย ความเก่งของเราอาจจะอยู่ในเรื่องบางเรื่อง แต่บางเรื่องเราอาจจะไม่รู้อะไรเลย ยิ่งเราหลงตัวมากเท่าใดจิตวิญญาณเรายิ่งอ่อนแอลงมากเท่านั้น สิ่งที่จะทำให้เราเป็นคนโดยสมบูรณ์ได้นั้นคือ การรู้จักใช้พลังรักของเราให้เกิดประโยชน์ต่อโลกใบนี้ให้มากที่สุด ยิ่งเราใช้มากเรายิ่งมีพลังในการดำรงชีวิตมากขึ้นเท่านั้น ความรักนำมาซึ่งความเมตตาอาทรต่อกัน ความรักนำมาซึ่งสันติสุข ความรักนำมาซึ่งการให้อภัยต่อกัน และที่สุดพลังความรักนี้แหละที่จะนำสันติภาพมาสู่โลกใบนี้ ความรักเป็นสิ่งประทานมาฟรีๆ เพื่อให้ชีวิตมีคุณค่าขึ้น แล้ววันนี้เราใช้พลังแห่ง “รัก” นี้มากน้อยเพียงใด พลังงานอย่างอื่นใช้แล้วหมดไป ก่อให้เกิดมลพิษ แต่พลังแห่ง “รัก” ยิ่งใช้ยิ่งเพิ่มต่อเติมชีวิตให้ปราศจากมลพิษทางจิตวิญญาณ...

ไม่มีความคิดเห็น: