วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

มองย้อนแสง

มองย้อนแสง
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมากับการมีภารกิจที่จังหวัดเชียงใหม่ มีโอกาสได้มาพักแถวอำเภอสันป่าตองในสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเคยเป็นโรงบ่มยาเก่า นำมาพัฒนาเปลี่ยนแปลงให้เป็นสถานที่พักตากอากาศ ท่ามกลางต้นไม้น้อยใหญ่มากมาย ความเงียบสงบกับแสงแดดที่ส่งลงมากระทบกับใบไม้ ดอกไม้ น้ำพุ เกิดเป็นความสุขใจในความสวยงามของธรรมชาติ ยิ่งแดดจัดแรง ๆ ส่องมายังใบที่เชียวขจี มองย้อนขึ้นไปทำให้เกิดความงาม สีสัน ลวดลายเส้นใยใบ และเงาสะท้อน เมื่อเห็นก็อดที่จะถ่ายภาพเก็บไว้ชื่นชมในภายภาคหน้ามิได้ ในขณะเดียวกันก็มีเวลาครุ่นคิดไตร่ตรอง มองย้อนสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านมา ทั้งในชีวิตส่วนตัวและของสังคมโลก

จากวินาศกรรมกลางเมืองปารีส ลามมาถึงการขัดแย้งจนถึงขั้นยิงระเบิด ยิงเครื่องบิน จับตัวประกันล้วนแต่เป็นเรื่องราวร้าย ๆ ที่พวกเรากำลังเผชิญหน้ากันอยู่ สงครามรูปแบบใหม่ ที่ใช้การก่อการร้าย ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นทุกวัน ทั่วโลกต่างตกอยู่ในความหวาดระแวง เริ่มมีการขู่เพื่อก่อเหตุการณ์วินาศกรรมในหลาย ๆ เมือง สายการบินเริ่มกลายเป็นการเดินทางที่ไม่ค่อยจะปลอดภัย เรียกว่า “โลกของเราอยู่ลำบากมากขึ้น” จากเมืองที่เต็มไปด้วยความรีบเร่ง ไม่ใคร่จะสนใจใคร นับจากนี้ต้องมีความระมัดระวัง ต้องช่วยกันสอดส่องดูแล หันมาร่วมมือกันมากยิ่งขึ้น ไม่เช่นนั้นความสุขที่เหลือน้อยในเมืองใหญ่จะหลุดลอยหายไปในทันที
ในความร้อนแรงแห่งแสงส่องเรายังมองเห็นความงาม แล้วในยามเราตกอยู่ในท่ามกลางความขัดแย้งที่รุนแรง เราจะพบกับความดีงามไม่ได้หรือ? เราต้องใช้ความรักและความเสียสละเพื่อผู้อื่น เสียสละเรื่องส่วนตัว ความเห็นแก่ตัว ความมักง่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ มันจะค่อย ๆ ลดความร้ายแรงแห่งแรงพยาบาทบาดหมางลงได้ ถ้าเราไม่ช่วยกันทำ เรายิ่งอยู่ร่วมกันลำบาก ไฟสงครามเริ่มจุดติด เราไม่คิดจะดับไฟนี้ด้วยกันดอกหรือ? ท่ามกลางความรุนแรงในภาวะโลกเราวันนี้ ท่ามกลางความสูญเสีย เราก็มักจะเห็นความงามแห่งความเสียสละ แห่งความเมตตา มีน้ำใจ ช่วยเหลือกันซุกซ่อนตัวอยู่เสมอ เช่น
หนุ่มเลบานอนช่วยคนนับร้อยให้รอดตายจากเหตุการณ์ที่เขาตัดสินใจกระโดดทับระเบิด บริเวณตลาดในกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน เสียชีวิตคาที่ แต่ก็ช่วยให้ฝูงชนจำนวนมากตรงนั้นให้รอดชีวิตนับหลายร้อยคน วันเกิดเหตุ อเดล เตียมอส พาลูกสาวเดินเล่นหาซื้อของอยู่ในตลาด และเห็นมือระเบิดพลีชีพคนแรกระเบิดตัวเองจนมีผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่ง และ “เตียมอส” หันไปเห็นมือระเบิดอีกคนกำลังจะจุดระเบิด
https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgyeb9MWC4UIGXmYb-IlDZtV4PLAcpQUgF8Nc8yJh5REPhaweHxx6e69dbWYupUPXY_Yykv6ZBd3osY3iysDQtxzDZwSISjfS99xKcbrJdOoEPOLIjTnk27F5asSqztXvE0FWCLkbcYF2I/s320/5.jpg
โดยไม่มีใครคาดคิด เตียมอสตัดสินใจกระโดดเข้าไปทับมือระเบิดคนนั้นทันที ทำให้แรงระเบิดจากมือระเบิดพลีชีพคนที่สองอยู่ในวงจำกัด จึงมีผู้เสียชีวิตแค่มือระเบิด และคนที่ทับมือระเบิดคือ “เตียมอสกับลูกสาว” ของเขา แต่กลับกลายเป็นว่าเขาและลูกสาว ช่วยชีวิตคนนับร้อยการเสียชีวิตของเตียมอสและลูกสาว แทบจะไม่มีใครได้ยิน เพราะเกิดในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับเหตุการณ์ระเบิดที่ปารีส  ที่กลบ “เสียงระเบิด” เมืองเบรุต ประเทศเลบานอน ซึ่งมีคนตาย 45 คน และบาดเจ็บสาหัสอีก 200 กว่าคน
อเดล เตียมอส ไม่ใช่คนดัง แต่เขาคือวีรบุรุษในใจของอีกหลายร้อยคน และถึงแม้เหตุการณ์นี้ดูหดหู่ แต่ก็ทำให้โลกน่าอยู่มากยิ่งขึ้น และหวังว่าคงจะไม่มีเหตุการณ์ในทำนองนี้เกิดขึ้นอีก ใช่...เราอยากเห็นความเสียสละของผู้คน แต่ไม่ใช่ในเหตุการณ์ที่ต้องแลกมาด้วยชีวิตเช่นนี้ เพราะชีวิตของทุกคนมีคุณค่า
แน่ล่ะ เราคงทำแบบนั้นไม่ได้ทุกคน เพราะหัวใจแต่ละคนแข็งแกร่งไม่เท่ากัน แต่หัวใจเรามีความเมตตาเอื้ออาทรอยู่ด้วยกันทุกคน แล้วเราจะทำอย่างไรถึงจะนำสิ่งเหล่านี้ออกมาจรรโลงโลกได้ เริ่มจากที่ตัวเรา การให้ความสำคัญกับสิ่งรอบข้าง คนรอบกาย อย่าทำลายกันทั้งโดยตรงและทางอ้อม เป็นร่มเงาให้กัน เป็นที่บังแดด หลบฝน ในวันที่พายุชีวิตโถมพัดผ่านมา ให้พัดผ่านพ้นไปด้วยการช่วยเหลืออาทรต่อกัน การเกิดมาในโลกนี้ของเรามีเวลาไม่มากนัก และวันเวลาก็ผ่านพ้นไปรวดเร็ว แสงส่องผ่านมาแล้วผ่านไป แล้วก็ผ่านมาใหม่ในวันพรุ่ง แต่เราอาจจะไม่มีโอกาสได้เห็น เพราะเราไม่ได้อยู่ตรงนั้น หรืออยู่แต่ไม่ทันสังเกต เพราะใจเรานั้นยังไร้สันติ หาความสงบมิได้ เรายังก่อสงครามในตัวตนของเราอยู่ สงครามระหว่างการทำตามกระแสโลกของยุคหรือตามกระแสเรียกของพระ
หาเวลาในวันเวลาสักหน่อย สวดภาวนาเพื่อสันติสุขในใจเรา สันติภาพของโลก แรงอธิษฐาน มีพลังมากกว่าแรงระเบิด เสียงสวดมนต์ต้องดังกลบเสียงระเบิด แสงแห่งเมตตาอาทร ย่อมสว่างกว่าแสงแห่งไฟสงคราม พลังสามัคคีมีพลังมากกว่าพลังของความขัดแย้ง หากเราไม่ทำแบบนี้เราจะไม่เหลืออะไรให้ชื่นชมนอกจากเสียงร้องไห้และน้ำตา เราจะไม่เห็นความงามของใบไม้ยามต้องแสง คงเหลือเพียงซากปรักหักพัง เราเลือกทางแบบไหน

องค์สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ตรัสสอนเราว่า “ทุกวันนี้ พระเยซูทรงร้องไห้อีกเช่นกัน เพราะพวกเราได้เลือกทางแห่งสงคราม ทางแห่งความเกลียดชัง และทางของความเป็นศัตรูกัน ตอนนี้ พวกเรากำลังเข้าใกล้วันคริสต์มาส วันที่จะเป็นความสว่าง การเฉลิมฉลอง มีต้นไม้ใหญ่ ๆ และมีถ้ำพระกุมาร ทุกสิ่งมีพร้อม แต่โลกยังคงให้ราคากับสงคราม โลกยังไม่เข้าใจทางแห่งสันติ....ดังนั้น ขอให้เราวอนขอพระหรรษทานแห่งการร่ำไห้เพื่อตัวเราเอง และเพื่อโลกที่ไม่สนใจหนทางแห่งสันติภาพ ขอพระหรรษทานเพื่อโลกที่กำลังดำเนินชีวิตอยู่ในสงคราม ขอให้เราภาวนาเพื่อการกลับใจ เพื่อโลกจะได้พบกับความสามารถที่จะร้องไห้ให้กับอาชญากรรมเหล่านี้” ( Pope Report) เริ่มต้นเทศกาลเตรียมรับเสด็จด้วยหัวใจแห่งสันติภาพ ด้วยความเมตตาอาทรต่อกัน และให้สิ่งนี้ดำรงอยู่ในชีวิตเราในทุกวันเวลา...สันติสุขจงมีแด่โลกนี้และผู้คนที่อาศัยอยู่ในโลกนี้ด้วยเทอญ...

ไม่มีความคิดเห็น: