วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

บางทีต้องยอมรับกันบ้าง

บางทีต้องยอมรับกันบ้าง
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวใหญ่อยู่หลายข่าวที่ทำให้เราต้องติดตามอยู่ตลอดเวลา นั่นคือ เหตุร้ายแรงเกิดขึ้นในกรุงปารีสที่ฝรั่งเศส มีการสูญเสียชีวิตผู้คนไปร้อยกว่าราย ก่อนหน้านั้นก็มีเหตุการณ์คล้าย ๆ กัน ระเบิดพลีชีพกลางตลาดในกรุงเบรุต เลบานอน มีผู้สูญเสียไปอีกสี่สิบกว่าราย ในขณะที่โลกกำลังตกอยู่ในภาวะหวาดกลัว เริ่มเห็นเคล้าลางของสงครามใหญ่ใกล้เข้ามา...อีกข่าวหนึ่งคือดาราดังป่วยหนักเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลด้วยอาการไข้เลือดออกชนิดร้ายแรง หลายคนต่างส่งกำลังใจให้เขาต่อสู้กับโรคร้ายนี้ให้ได้ ต่างเฝ้ารอแถลงการณ์ประจำวันอย่างใจจดใจจ่อ นอกจากนี้ยังมีเรื่องไฟป่าครั้งใหญ่ในอินโดนีเซีย แผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น ฯ ทำให้อดที่จะนึกถึงเรื่องความดับสลายของเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่ได้ โดยมีผู้รู้เคยกล่าวไว้ว่ามีสี่อย่างที่จะนำมวลมนุษย์ไปถึงจุดนั้น
ภาพ : อินเตอร์เน็ต
หนึ่งนั้นคือ สงคราม
สงครามล้างเผ่าพันธุ์ สงครามไม่ว่าด้วยเหตุผลกลใดไม่เคยหมดสิ้นไปจากโลกนี้ เพราะมนุษย์มีสติปัญญามากเกินไปหรือเปล่า ที่สามารถคิดค้นอาวุธที่มีอานุภาพทำลายยิ่งทียิ่งสูง คิดมาเพื่อ... เพื่อขาย เพื่อปกป้องตัวเอง (ตัวใคร?) เพื่อความยิ่งใหญ่ของชนชาติว่าเป็นชนชาติที่พิเศษเก่งกว่าใคร เพื่อแสดงอำนาจ เพื่อเข้ายึดครอง และที่ดูเท่ห์มาดแมนมากก็คือ เพื่อสันติภาพของโลก สงครามทางสื่อสมัยใหม่ ที่มีข้อมูลมากมาย ใช่หรือไม่ เราก็มักจะเลือกเข้าข้างและอ่านเฉพาะสื่อที่เราชอบและเราชื่นชม ข้อมูลจากสื่อตรงข้ามที่มีมาเราไม่เคยอ่าน เกิดสงครามในความรู้สึกภายใน และอาจจะนำมาซึ่งความเกลียดชังกัน ในความสัมพันธ์มิตรภาพ เมื่อเพื่อนหรือคนรอบข้างเกิดเห็นต่าง ความสงบและการยอมรับกัน เป็นหนทางที่แท้จริง ยอมรับฟังกันแลกเปลี่ยนความคิดโดยมิต้องใส่จริตมโนตนจากข้อมูลฝ่ายเดียว แม้ว่าสงครามระดับโลก เรามิอาจจะหยุดยั้งรั้งได้ แต่สงครามภายในเราต้องสงบ ยอมน้อมรับทุกอย่างก่อน เมื่อทุกคนมีจิตใจนิ่งสงบ ไม่นานสงครามก็ย่อมลดความรุนแรงลง เพราะทุกภาคส่วนในสากลโลกย่อมเป็นหนึ่งเดียว ผู้ชนะที่แท้จริงมิใช่ราชาแห่งความรุนแรง หากแต่เป็นราชาแห่งความรัก อาทร เราต้องการโลกแบบไหนเราต้องเป็นแบบนั้น
หนึ่งนั้นคือ โรคระบาด
โรคระบาดร้าย ที่ไม่ว่าเราจะสามารถคิดค้นวิธีรักษาได้อย่างไร เชื้อโรคก็ฉลาดล้ำดิ้นรนหาทางปรับตัว ปรับสภาพกลายก่อให้เกิดสายพันธุ์ใหม่ อย่างไม่มีวันหายไปจากโลกนี้ ถึงแม้เราจะมีเทคโนโลยีขั้นสูงล้ำ แต่ก็มิอาจจะเอาชนะสิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้ได้เลย ไม่ต้องอื่นไกล แม้ประเทศเราจะมีโรงพยาบาล มีการสาธารณสุขที่ทันสมัยมากขึ้น แต่เรากลับมาพ่ายแพ้ต่อยุงลายตัวเล็ก ๆ ผ่านมากี่ปีกี่สมัยก็ไม่มีทางที่จะทำให้เชื้อไข้เลือดออกหายไปจากประเทศไทยเราได้ ใช่หรือไม่ เราต้องยอมรับให้ได้ ในบางสิ่งก็เกินกว่ามนุษย์เราจะเข้าใจ โรคระบาดวายร้ายเหล่านี้ล้วนเกิดมาจากความโลภระบาดของเราทั้งนั้น ทำงานจนร่างกายอ่อนแอ เชื้อโรคจึงเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย ไร้ภูมิต้านทาน เราหาเงินมาเพื่อนอนรักษาตัวเองเท่านั้นหรือ เราละโมบในการรับประทานอาหารแบบไม่เลือก ผลของการผลิตอาหารจากสารเร่งโต ก็น่าแปลกโลกมนุษย์เรานี้ ที่ฝ่ายหนึ่งก็คิดค้นยารักษาโรค อีกฝั่งหนึ่งก็มุ่งผลิตอาหารจากสารเคมี หากเรายอมลดความโลภ ใส่ความเห็นใจต่อผู้อื่นบ้าง บางทีเชื้อโรคอาจจะลดน้อยลง และที่สุดร่างกายเป็นของประทานที่ล้ำค่า เราต้องดูแลรักษาเป็นลำดับต้น ๆ  เมื่อร่างกายมีภูมิต้านเชื้อโรคได้ จิตใจย่อมเบิกบาน ความร่มเย็นย่อมเกิดขึ้นในสังคม
อีกหนึ่งนั้นคือ อุบัติเหตุ
อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ อุบัติเหตุใหญ่ ๆ มักนำมาซึ่งความสูญเสียชีวิตของมวลมนุษย์ และส่วนใหญ่มักเป็นอุบัติเหตุมาจากเรื่องการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นทางเครื่องบิน รถยนต์ รถไฟ และเรือ ประเทศไทยของเราก็ติดอันดับต้น ๆ ของเมืองที่มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ โดยเฉพาะช่วงวันหยุดปีใหม่หรือวันหยุดติดต่อกันหลาย ๆ วัน ทุกคนต่างมุ่งหน้าออกจากเมืองกรุงมุ่งสู่ต่างจังหวัด (หนีกรุง) อุบัติเหตุมักมาพร้อมกับความเร็ว ความเร่ง ที่มีความเห็นแก่ตัวผสมโรงอยู่ด้วย ยิ่งเราพัฒนาความเร็วมากขึ้นเท่าใด เรายิ่งเพิ่มความประมาทมากขึ้นเท่านั้น เราติดนิสัยที่เร่ง ที่ต้องแข่งขันในทุกที่ทุกทาง ไม่ได้ยอมน้อมรับผ่อนคลายหลังจากพ้นผ่านจากการงานแล้วลงนั่งบนเบาะขับรถ เราคิดหรือว่าพาหนะที่เราใช้มีความปลอดภัยสูงดังที่โฆษณา เราคิดหรือว่าเราจะไม่พบกับคนอื่นที่ประมาทและเห็นแก่ตัว ที่กลัวไม่ทันคนอื่น อุบัติเหตุลดลงได้ถ้าเรารอบคอบ ลดเร่งลดเร็ว ลดความเห็นแก่ตัว และมีน้ำใจต่อกัน ที่สุดต้องรู้จักหวงแหนผู้ที่อยู่ภายใต้ความดูแลของเรา ยอมที่จะเพิ่มความรักความเห็นอกเห็นใจ เอื้ออาทรต่อกัน หยุดรอเพื่อให้คนอื่นผ่านไปก่อน รู้จักที่จะอดทนต่อแถวต่อคิว ไม่ใช่ คิดแต่จะลัดเลาะเกาะขอบทางไปแซงข้างหน้าคนอื่นอยู่ร่ำไป คนที่มีหัวใจแห่งความนิ่งยอมรับความเป็นจริงย่อมนำมาซึ่งการมีชีวิตที่ยาวนาน และมีความสุขในวันเวลา ไม่ตกม้าตายก่อนวัยอันควร
ภาพ :http://upic.me/i/my/image02827.jpg
อีกหนึ่งสุดท้าย นั่นคือ ภัยพิบัติ

ภัยพิบัติ คือสิ่งหนึ่งที่เกิดมาจากน้ำมือมนุษย์ที่เห็นเป็นรูปธรรมน้อยกว่าสามสิ่งที่ผ่านมา แต่เป็นผลที่ได้รับ ค่อนข้างรุนแรง ภัยธรรมชาติมาจากน้ำมือเรา โดยที่บางครั้งเราทำไปแบบไม่รู้ตัว ทุกการกระทำของเราส่งผลกระทบต่อธรรมชาติทั้งนั้น แม้ว่ามนุษย์เราพยายามคิดค้นเครื่องมือเพื่อรับมือต่อภัยพิบัติแต่ก็ไม่อาจจะรับรู้ก่อนได้ การคาดคำนวณการเกิดพายุ แผ่นดินไหว ดินถล่ม ฟ้าทลายทำได้น้อยมาก และมักเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว...ทั้ง ๆ ที่เราได้รับการปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กให้ช่วยกันรักษ์โลก แต่เราก็มักจะหลงลืม มักคิดว่าภัยพิบัติไกลเกินตัวพวกเรา สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ทรงเขียนไว้ในสมณสาส์น “ขอคำสรรเสริญ จงมีแด่พระเจ้า” (Laudato Si’) ตอนหนึ่งว่า “ความเป็นเลิศในความคิดสร้างสรรค์และมีใจกว้างของปัจเจกชนและกลุ่มคน ย่อมมีผลกระทบต่อธรรมชาติ การละเว้นการกระทำบางอย่างจะส่งผลร้ายให้กับธรรมชาติ เราต้องเรียนรู้ที่จะดำเนินชีวิตอย่างเป็นผู้สร้างสรรค์ท่ามกลางความไม่มีระเบียบและความไม่แน่นอน” บางทีเพื่อลดความสูญเสียของชีวิตมนุษย์ เราต้องยอมรับ ลดความเห็นแก่ตัว ลดอคติ ลดความโลภ เพราะโลกนี้จะอยู่ได้ด้วยรักและเมตตาอาทร...

ไม่มีความคิดเห็น: