วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

สิ่งใดในวันเวลา

สิ่งใดในวันเวลา
ช่วงที่กำลังตรวจเช็ควันเดือนปีในปฏิทินบนสมาร์ทโฟน มองเห็นว่าวันนี้ได้ล่วงเลยมาสู่เดือนรองสุดท้ายของปีแล้ว ทำให้หวนรำลึกถึงการฉีกปฏิทินทีละแผ่น ๆ ที่บัดนี้แทบไม่มีใช้และโดยส่วนตัวก็ไม่ได้ใช้แบบนั้นมาหลายปีแล้ว อารมณ์การฉีกปฏิทินเมื่อครั้งกระโน้น อยู่ ๆ ก็กลับมาให้โหยหา ในขณะที่กำลังไล่เรียงจดบันทึกตารางเวลางาน และกำหนดนัดหมายใส่ในปฏิทินสมัยใหม่อยู่นั้น ก็เกิดความสงสัยว่า ในเครื่องมือสมัยใหม่นี้เขาใส่ปฏิทินไว้กี่ปีกัน???  เลยลองรูดไล่เรื่อย ๆ โอ้...ไม่มีที่สิ้นสุด ลองย้อนกลับไปหาวันเก่าเดือนปีที่ผ่านมาก็เช่นกัน มันเหมือนกับว่าวันเวลาไม่มีที่สิ้นสุด ทุกอย่างเกิดขึ้นมาถูกบันทึกไว้บ้าง หล่นหาย ดับสูญ แล้วก็ล่วงเลยผ่านไป นี่มันเป็นแค่เครื่องมือที่บอกถึงวันเวลาที่แน่นอนตายตัว หาได้บอกถึงคุณค่าที่ผ่านมาของวันเวลาไม่ และหาได้เป็นเครื่องยืนยันที่บอกว่าวันเวลาของแต่ละคนจะสิ้นสุดลงตรงไหน ใช่...ไม่มีใครที่ไม่มีวันสิ้นสุด มีแต่ต้องสุดสิ้นลมหายใจด้วยกันทุกคน
เมื่อไล่ดูวันเวลาที่ผ่านมา หลายเหตุการณ์ก็ย้อนให้เรารำลึกถึง จะลองนั่งคำนวณดูว่าในวันเวลาที่ผ่านมานั้นพบความสุขหรือทุกข์มากกว่ากัน ก็ไม่กล้าทำเพราะกลัวว่าจะขาดทุนความสุขในรอบปีที่ผ่านมา (ล้อเล่นกับตัวเอง ฮา ๆ ) จริง ๆ แล้ว ความสุขเกิดกับเราทุกวันเวลา เพียงแต่ว่าบางทีบางครั้งเราไม่ได้เกี่ยวเก็บไว้ อาจจะเป็นความสุขเพียงชั่วสั้น ๆ ได้ยิ้ม ได้หัวเราะ ได้อยู่ในบรรยากาศที่อบอวน อบอุ่นด้วยไอแห่งความรักและเอื้ออาทร เอาเข้าจริงเรากลับพบว่า สิ่งที่ผ่านมากับวันเวลานั้นช่างสวยงาม ความสุขเกิดขึ้นได้เสมอ แม้ในวันที่ไม่มีความสุข ดังผู้สันทัดกรณีกล่าวไว้ว่า “ในวันที่คุณไม่มีความสุข ขออย่ามัวคิดจะหาความสุข มาให้ตัวเองได้อย่างไร แต่จงแบ่งปันความสุขให้แก่คนอื่น การแบ่งปันความสุขออกไปนั่นแหละ จะทำให้คุณได้รับความสุขกลับมาอย่างแน่นอน” นี่ไงที่ผ่านมาเรา ๆ ท่าน ๆ ได้มองข้ามสิ่งนี้ไป
แน่ละ ความสุขของเราในวันเวลาที่ผ่านมามักจะไปยึดโยงกับสิ่งอื่น มักจะยึดโยงกับการถูกมอง กังวลอยู่กับการเปรียบเทียบกับคนนั้นคนนี้ จึงพยายามทำให้ตัวเองดูดีโดยอาศัยภาพลักษณ์  จึงเป็นที่มาของการดิ้นรนให้ได้มา เกิดการแข่งขัน ช่วงชิง แก่งแย่ง ด้วยเหตุผลเพื่อการพัฒนาตนเอง เราหลงไปกับการถือครองสิ่งภายนอก มากกว่าการพัฒนาชีวิตภายใน เช่นนี้แล้วความสุขเล็กๆ จึงหายไปในอากาศ สลายไปกับวันเวลา เราไม่ได้ทำความสุขให้เกิดขึ้นตามสิ่งที่เรามี เราเป็น เราพยายามสร้างสุขจากที่เราอยากมี อยากได้ อยากเป็นมากกว่า เมื่อเราหมกมุ่นอยู่กับเรื่องตัวเองมากเกินไป กลัวตกเป็นเป้าสายตาของผู้อื่นเกินเหตุ ชีวิตเราจึงไม่สามารถแบ่งปันความสุขที่เรามีให้กับผู้อื่นได้ แถมยังไม่สามารถพบกับความสุขภายในได้เลย มีเพียงความสุขจอมปลอม ความสุขที่ทุกคนพยายามมาสวมใส่ให้เราโดยปราศจากความจริงใจต่อกัน
แพะตัวหนึ่ง เจอหมาป่า หมาป่าจะกินแพะ แพะจึงสู้ ใช้เขาสู้กับหมาป่า และก็ตะโกนขอให้เพื่อน ๆ ช่วย
วัว มองมาเห็นเป็นหมาป่า ก็วิ่งหนีไป
ม้า มองมาเห็นเป็นหมาป่า ก็วิ่งหนีไปอีกตัว
ลา เห็นเป็นหมาป่า ก็เดินหนีไปอย่างเงียบ ๆ
หมู ผ่านมาเห็นเป็นหมาป่า ก็หายตัวไป
กระต่าย ได้ยิน วิ่งหนีแซงเพื่อน ๆ ไปทุกตัว
หมา ได้ยิน รีบวิ่งเข้ามาจะสู้กับหมาป่า
หมาป่าเห็นมีหมามาช่วย จึงวิ่งหนีไป แพะรอดตายกลับมาถึงบ้าน เพื่อน ๆ มาทุก ตัว”
วัวบอก ทำไมไม่บอก ข้าจะใช้เขาของข้า แทงทะลุท้องมัน
ม้า ทำไมไม่บอก ข้าจะใช้เกือกของข้ากระทืบมัน
ลา ทำไมไม่บอก ข้าจะร้องเสียงดัง ๆ ให้หมาป่าตกใจตาย
หมู ทำไมไม่บอก ข้าจะใช้ปากของข้า พุ่งชนให้มันตกเขาไป
กระต่าย ทำไมไม่บอก ข้าวิ่งเร็ว ข้าจะไปส่งข่าวขอความช่วยเหลือในการพูดคุยกันอย่างเมามันนี้ ขาดอยู่ “ตัวเดียว คือ หมา
บางทีความสุขอยู่ตรงนี้ ตรงที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่นแบบเงียบ ๆ ช่วยด้วยหัวใจ ช่วยเหลือสุดความสามารถที่เรามี ใช้พระพรเพื่อผู้อื่นเท่าที่เราเป็น ในสังคมที่เต็มไปด้วยคำพูดสวยหรู คำพูดหวาน ๆ คำพูดโอ้อวด ล้วนแต่เป็นเพียงมายาที่สร้างกันขึ้นมาเพื่อชดเชยความสุขที่สูญหาย บางคนชอบสวมใส่สิ่งภายนอกให้ดูดีมีราคา แต่ก็เป็นได้แค่เพียงราคาคุย ฉะนั้นแล้วเราไม่จำเป็นต้องแสดงหรือกระทำอะไรที่เกินขอบเขตของตัวเองเลย เพราะยิ่งทำไปอย่างนั้นความสุขยิ่งหลุดลอย มีแค่ไหนก็ทำเท่าที่มี เป็นคนเยี่ยงไรก็ปฏิบัติตนเยี่ยงนั้น จริงใจซื่อสัตย์ต่อวิถีชีวิตของตน พยายามหาตัวตนที่พระเจ้าสร้างเรามาให้พบ แล้วใช้สิ่งนั้นสร้างสุข แบ่งสุขปันสันติเพื่อคนรอบข้าง


นอกจากความสุขที่เราหวนหาแล้ว มิตรภาพที่สร้างความสุขในชีวิตที่ผ่านมาเล่า!!! เราพบบ้างไหม??? เรามีเพื่อนแท้สักกี่คนที่ยังคงคบหาสมาคมและคอยช่วยเหลือกันอย่างจริงใจ เพื่อนที่ไม่เคยทอดทิ้งเราในวันที่ชีวิตเดินสู่หนทางคับขัน เพื่อนที่เดินเคียงข้าง ช่วยเหลือแบบเงียบ ๆ เป็นห่วงใส่ใจเราโดยไม่หวังสิ่งใด ถ้าเราพบคนเช่นนี้ เราควรเก็บมิตรภาพนี้ไว้ตราบเท่าลมหายใจสุดท้าย และเช่นกันหากเราจริงใจในมิตรภาพต่อผู้อื่น เราย่อมได้รับมิตรภาพนั้นกลับคืนมาเสมอ และที่สุด มิตรแท้ที่อยู่เคียงข้างเราเสมอ ช่วยเหลือเราอย่างเงียบ ๆ เป็นตัวอย่างที่แสนจะงดงามในทุกวันเวลาของชีวิตเรา นั่นคือ องค์พระเยซูผู้แสนดีและเป็นผู้ที่มอบ ที่สอนให้เรารู้จักกับความสุขกับสิ่งที่เรามี เราเป็น วันเวลาที่ผ่านมา เราลองหวนกลับไปดูสิว่า เราได้พบกับพระองค์มากน้อยแค่ไหน หรือเพียงปล่อยให้พระองค์คอยเราอยู่อย่างเงียบเชียบ ผ่านมาวันแล้ววันเล่า....

ไม่มีความคิดเห็น: