เดินทางกลางพายุ
อย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อน
ว่าการเดินทางมาไต้หวันในครั้งนี้จะต้องประสบพบเจอกับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยเจอมา
หลังจากออกจากสนามบินพร้อมคณะ ฝนก็เริ่มตกตลอดทาง เห็นเป็นเพียงสายฝนธรรมดา ๆ
เหมือนบ้านเรา แต่ตกนานตกตลอดตกจนกระทั่งไม่สามารถออกจากที่พักมาหาอะไรทานได้ในมื้อเย็นวันนั้น
ในกลุ่มจึงมีผู้เสียสละ ผู้ที่เคยมาพักอยู่แถวนี้ รับอาสาออกไปซื้ออาหารสำเร็จรูปจากร้านสะดวกซื้อซึ่งต้องใช้เวลาเดินออกมาร่วม
ๆ 20 นาที หลังจากมื้อเย็นที่ว่าด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็มีการนัดหมายว่าสาย ๆ
ของวันรุ่งขึ้น คณะเราจะเดินทางไปยังสถานที่จัดแสดงงาน ค่ำคืนนั้นจึงนอนหลับไปพร้อมกับสายฝน
วันใหม่ในไต้หวัน
ได้รับการแจ้งว่าขอ “งดการนัดหมาย” แต่เราก็ไม่รู้สาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร?
อาจจะเป็นความคลาดเคลื่อนในการสื่อสาร ที่ได้รับการแจ้งมาเพียงเท่านี้ ฉะนั้นเพื่อไม่ให้เสียเที่ยวจึงตัดสินใจว่าจะออกไปเที่ยวชมเมืองไทเป
กางแผนที่ออกศึกษาเส้นทางรถไฟฟ้า เราอยู่ในสายสีแดงสายหลัก ที่ผ่านสถานที่สำคัญ ๆ
สถานที่หมายตาแรกคืออนุสรณ์สถานรำลึกถึงท่าน เจียง ไคเช็ก
ผู้บุกเบิกไต้หวัน มีรถไฟใต้ดินไปถึง เมื่อไปถึงสายฝนก็กระหน่ำลงมาอีก และตก ๆ
หยุด ๆ สลับไปมา บริเวณนั้นมีทั้งหอภาพยนตร์ และศูนย์แสดงงาน
มีสวนสาธารณะสวยงามอยู่รอบ ๆ แต่ทุกที่ปิดทำการหมด นักท่องเที่ยวหลายร้อยคนยืนรอ
ยืนหลบฝน ที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด อาศัยจังหวะฝนซาจึงออกมาถ่ายรูป ก่อนออกมาจากสถานที่ตรงนั้น
ร่มกับหมวกเป็นสิ่งที่พอจะช่วยกันฝนได้ จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังพิพิธภัณฑ์ที่อยู่ในบริเวณนั้น
แต่ก็....ปิดหมด ชักเริ่มสงสัย เพราะไม่ค่อยเห็นผู้คนบนท้องถนน
ในระหว่างที่เดินหาสถานที่เยี่ยมชมอยู่นั้น ฝนเริ่มตกหนักขึ้น ลมเริ่มแรงเป็นพัก ๆ
จะหาคนถามทางก็หายากมากขึ้น ในจังหวะหนึ่งกำลังจะข้ามถนน ลมลูกใหญ่พัดมาปะทะเต็มตัว
ร่มหัก หมวกปลิว เปียกชุ่ม กลางสายฝน คนเดินทางจากต่างถิ่นที่ไม่รู้ถึงสถานการณ์ที่กำลังก่อตัวขึ้น
ใช่หรือไม่ ในชีวิตจริงของเราบางทีก็เป็นแบบนั้น
เข้าไปอยู่ในที่ที่อันตรายแบบไม่รู้ตัว แบบไม่ทันตั้งตัว ไม่มีเวลาที่จะศึกษา
สิ่งที่ทำได้คือการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
เมื่อเห็นท่าทางว่าฝนจะไม่หยุดตกง่าย
ๆ จึงตัดสินใจขึ้นรถไฟกลับที่พัก และก่อนจะเข้าที่พักจึงแวะหามื้อเย็นทาน ในขณะที่กำลังนั่งคุยกันอยู่
พี่ผู้หญิงคนหนึ่งหันมาถามว่า “มาจากเมืองไทยหรือคะ”
จากนั้นพี่เค้าก็บอกข่าวและสถานการณ์ว่า พายุไต้ฝุ่นกำลังเข้าสู่ไต้หวัน
รัฐบาลประกาศให้หยุดงาน และจะหนักขึ้นในค่ำนี้หรือไม่ก็พรุ่งนี้
พอเสร็จจากมื้ออาหารในช่วงที่เดินกลับที่พัก ลมเริ่มแรงขึ้น ๆ ฝนหนักขึ้นเรื่อย ๆ
น้ำเริ่มท่วม ระยะทางเพียงแค่กิโลกว่า ๆ ต้องเดินฝ่าลม ต้านฝน ลุยน้ำ
บางจังหวะตัวแทบปลิว ระหว่างทางเห็นร่มที่หักพังถูกทิ้งไว้หลายคัน
แล้วเราก็ถึงที่พักจนได้ คล้อยหลังจากนั้นเพียงสิบนาที ลมพัดอย่างแรง
ฝนตกหนักแบบไม่ลืมหูลืมตา บ้านพักสั่นไหว ตามแรงลม
หน้าต่างประตูเสียงดังจากแรงปะทะ นับว่าโชคดีที่เรามาถึงที่พักก่อนพายุใหญ่มาถึงแบบเฉียวเฉียด..!!!!
พอเข้าที่เข้าทางจึงเปิดเช็คข่าว
“ไต้ฝุ่น ตู้เจวียน ซึ่งมีความรุนแรงเทียบเท่าเฮอร์ริเคนระดับ 4
กำลังเคลื่อนตัวมุ่งหน้าสู่เกาะไต้หวัน
โดยระหว่างนั้นจะเคลื่อนตัวผ่านภูมิภาคใต้สุดของญี่ปุ่นคาดทำให้ฝนตกลมแรง...สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า
ไต้ฝุ่น “ตู้เจวียน” พายุกำลังแรงซึ่งมีความเร็วลมสูงสุดถึง 210 กม./ชม.
หรือเทียบเท่าพายุเฮอร์ริเคนระดับ 4 กำลังเคลื่อนตัวในมหาสมุทรแปซิฟิก
และคาดว่าจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ชายฝั่งตะวันออกของเกาะไต้หวันในช่วงบ่ายวันจันทร์นี้
(28 ก.ย.) เสี่ยงทำให้เกิดฝนตกหนักและคลื่นลมแรง ไต้ฝุ่น ตู้เจวียน
กำลังเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ โดยจะผ่านพื้นที่ทางใต้สุดของหมู่เกาะริวกิวของประเทศญี่ปุ่น
และภาคเหนือของไต้หวัน ซึ่งรวมทั้งกรุงไทเป”
เมื่อติดต่อกลับมาทางประเทศไทยผ่านระบบไวไฟซึ่งใช้งานได้เป็นปกติ
(เยี่ยมมาก ๆ ) ญาติสนิทมิตรสหายต่างเห็นข่าวแล้วเป็นห่วง ถามไถ่ถึงความเป็นอยู่
ก็บอกกลับมาว่าปลอดภัยดี ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่เลวร้ายอย่างที่ข่าวนำเสนอ
แต่คืนนั้นทั้งคืน นอนฟังและหวาดหวั่นกับพายุไต้ฝุ่นนี้พอสมควร
เพราะเป็นครั้งแรกที่อยู่ท่ามกลางไต้ฝุ่นที่ไต้หวัน
เช้าวันต่อมา สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย
แต่มีคนมาแจ้งว่ารัฐบาลสั่งให้หยุดงานต่อ
พอมาอ่านข่าวจึงเห็นว่าถึงความเสียหายพอสมควร “สำนักข่าวกลางของไต้หวัน
รายงานว่า พายุไต้ฝุ่นตู้เจวียน ที่พัดถล่มไต้หวัน เมื่อคืนที่ผ่านมา
ส่งผลให้มีฝนตกหนัก และกระแสลมแรงต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ชั่วโมงเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตไปอย่างน้อย
2 คน บาดเจ็บอีก 324 คน บ้านเรือนอีกกว่า 710,000 หลัง ไม่มีไฟฟ้าใช้ และอีกกว่า
370,000 หลังไม่มีน้ำประปาใช้ด้วย โดยทางการไต้หวันยังได้สั่งปิดโรงเรียน
หน่วยงานราชการ และตลาดหุ้นต่อเนื่อง นอกจากนั้นยังยกเลิกเที่ยวบินระหว่างประเทศ
241 เที่ยว และเที่ยวบินภายในประเทศอีก 144 เที่ยว” ไทยรัฐออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น