วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558

กว่าจะถึงซึ่งเส้นชัย

กว่าจะถึงซึ่งเส้นชัย

            กระแสหลักของโลกในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ได้ปลูกฝังค่านิยมเรื่องการมุ่งสู่ความสำเร็จของชีวิตด้วยความรวดเร็ว เร่งรัด รีบเร่ง โดยใช้ตรรกะของการแข่งขันเป็นตัวช่วย และใช้ระดับของทรัพย์สินเป็นเกณฑ์ชี้วัด ทำให้ชีวิตของผู้คนทุกคนตื่นมาพร้อมกับความเร่งรีบ เพื่อแย่งชิง วิ่งลงแข่งขัน จนลืมมองดูว่าเรารีบวิ่ง แข่งขันกับใครและเพื่ออะไรกันแน่...

            ทุกชีวิตเกิดมาบนโลกย่อมต้องมีหนทางและเส้นชัยเป็นของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น แต่ในระหว่างทางอาจจะไปวิ่งบนทางของคนอื่นบ้าง อาจจะล้มบ้าง อาจจะทุกข์ท้อบ้าง แต่หากว่าเรามีจุดหมายปลายทางเส้นชัยอยู่ที่ความสงบสุขอันเป็นนิรันดร์แล้วไซร้ ทุกวันเวลา ย่อมคือพระพร เป็นหน้าที่เราต้องเรียนรู้ที่จะใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เรามิได้ถูกสร้างมาเพื่อความพ่ายแพ้ แท้จริงเราถูกสร้างมาเพื่อสู่ชัยชนะกันทุกคน แน่ล่ะ...ความสำเร็จบางครั้งก็ต้องแลกมาด้วยน้ำตา หยาดเหงื่อ แรงใจ แรงกาย และอื่น ๆ อีกหลายอย่างในชีวิต บนหนทางนี้มีอุปสรรคมากมาย แต่ก็คงไม่เท่ากับอุปสรรคที่เกิดจากตัวเราเอง หากเราเอาชนะจิตใจของตนเองได้ เราย่อมภาคภูมิใจในความสำเร็จในวันที่เราไปถึงซึ่งเส้นชัย แม้ว่าในสายตาคนอื่น เราอาจจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ตามมาตรฐานจริตกระแสโลกก็ตาม
            เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2511 ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศเม็กซิโกอัควารี ลงแข่งขันในประเภทวิ่งมาราธอนระยะทางกว่า 40 กิโลเมตร ซึ่งจะเริ่มสตาร์ทจากในสนามกีฬา และจากนั้นก็วิ่งออกไปตามเส้นทางนอกสนาม ก่อนที่จะวิ่งรอบสุดท้ายในสนามกีฬาอีกครั้งหนึ่ง
            หลังการแข่งขันสิ้นสุดลงมีการมอบเหรียญให้กับคนที่ได้ เหรียญทอง เหรียญเงินและเหรียญทองแดง ผู้ชมเริ่มทยอยเดินออกจากสนามไม่มีใครรู้ว่าการแข่งขันนั้นยังไม่สิ้นสุด เพราะนักกรีฑาคนสุดท้ายเพิ่งเข้าสู่สนาม เวลาตอนนั้น 1ทุ่มตรง
            “อัควารีวิ่งฝ่าความมืดอย่างกระโผลกกระเผลก ขาข้างขวาโชกเลือด ต้องพันด้วยผ้าพันแผล เขาวิ่งด้วยอาการเหนื่อยหอบ ความเร็วของเขาช้ากว่าการเดิน
            แต่ อัควารีก็ยังวิ่ง..วิ่ง และวิ่งจนถึงเส้นชัยเขาได้รับเสียงปรบมือดังลั่นจากผู้คนน้อยนิดที่ยังเหลืออยู่ในสนาม
            ผู้สื่อข่าวคนหนึ่งถาม อัควารีหลังจากที่เขาเข้าเส้นชัย
            “ทำไมคุณถึงไม่เลิกวิ่ง ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่า ไม่มีโอกาสชนะ
            คำตอบของ อัควารีกลายเป็นประโยคอมตะที่มีคนกล่าวถึงจนทุกวันนี้    
            ประเทศของผมไม่ได้ส่งผมมาแค่ให้ออกวิ่ง แต่ส่งผมมาเพื่อวิ่งให้สำเร็จ

            ทุกก้าวของ อัควารีนอกจากความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ขา อัควารีก็คงรู้อยู่แล้วว่าเขาโดนคู่แข่งทิ้งห่างไกลเพียงใด และคงมีคำถามในใจมากมายว่าเขาจะทนเหนื่อยและเจ็บต่อไปเพื่ออะไร เพื่อพ่ายแพ้อย่างนั้นหรือ ???
            บางครั้งความทุกข์ ความยากลำบากในชีวิต อาจจะทำให้เราถึงความสำเร็จช้าลงไปบ้าง แต่ที่สุดแล้วมักจะมีผลดี เพราะว่าความอดทนต่อความยากลำบากจะทำให้เกิดความเข้มแข็ง      นักบุญเปาโลบอกว่า “ความทุกข์ยากเล็ก ๆ น้อย ๆ ในโลกนี้ ไม่อาจจะเปรียบเทียบกับศักดิ์ศรีอันยิ่งใหญ่ในสวรรค์ได้เลย”
            นักบุญเปโตรกว่าจะตั้งพระศาสนจักรให้มั่นคงได้ ท่านต้องผ่านความทุกข์ ความเหนื่อย การท้อแท้ และความตายอย่างทรมาน ซึ่งดูเหมือนว่าพ่ายแพ้แล้ว แต่ที่ไหนได้ พระศาสนจักรกลับเจริญเติบโตมั่นคงจวบจนถึงทุกวันนี้ จากบุรุษผู้ไล่ล่าหาความสำเร็จต้องมาตกม้าเกือบตาย ทุรนทุรายต่อสู้ในวันที่ตาบอด และรอดพ้นด้วยความเมตตารักอันยิ่งใหญ่ของพระเยซูคริสตเจ้า ท่านนักบุญเปาโลจึงเลือกเดินทางของตนโดยไม่สนต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ออกไปทุกที่เพื่อสอนให้หัวใจผู้คนเต็มเปี่ยมไปด้วยรัก แม้จนตัวตาย


            ท่านทั้งสองมิได้เคยคิดถึงความมีชื่อเสียงเกรียงไกรอันใด ทำตามสิ่งที่ท่านได้รับมอบหมายด้วยหัวใจ สำคัญสุด พวกท่านนั้นชนะตัวเองได้ก่อน จากนั้นจึงพยายามพาทุกคนให้สู่ทางสำเร็จโดยมุ่งสู่องค์พระคริสตเจ้าด้วยจิตใจที่งดงาม วิถีชีวิตของท่านทั้งสอง สอนให้เรารู้ว่าขอเพียงแค่ว่าเรามีความยึดมั่นในความดี ความพยายาม และความถูกต้อง เราจะมีความสุขในความพยายามนั้นแล้ว ปัญหาและอุปสรรคที่เราต้องผ่านพบต้องเจออยู่ทุกครั้ง มันย่อมเป็นเพียงอุปสรรคเล็ก ๆ ของชีวิต เราไม่ได้ถูกส่งมาให้ออกมาเดินเล่นบนโลก หากแต่เราต้องออกเดินไปสู่ความสุขให้ได้บนโลกนี้พร้อมๆกับคนรอบข้าง

ไม่มีความคิดเห็น: