วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ทาส “ยึดติด”

ทาส “ยึดติด”
            ฝนตกหนักกลางดึกถล่มกรุง ทำเอากรุงเทพฯอ่วมและท่วมนองเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ในหลายพื้นที่ สิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาเช่นนี้ คือส่วนเกินที่เหลือกินเหลือใช้และความเห็นแก่ตัว ในรูปของขยะที่ทิ้งกันเกลื่อนเมือง จนไปปิดท่อปิดทางระบาย ระบบจึงเกิดการขัดข้อง โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปกล่าวโทษใคร ไม่ต้องไปหาคนผิดมารับผิด สิ่งนี้มันสะท้อนว่า หากเราไม่สร้างวินัยในการเสพ สร้างวินัยที่จะเห็นค่าและใช้ทุกอย่างให้เต็มที่ตามมูลค่าที่ควรเป็
           
ภาพ: อินเตอร์เน็ต
เมื่อกล่าวถึงการใช้ทุกอย่างให้รู้ค่า ทำให้นึกถึงว่าคนเรานี่ก็แปลก เรามักจะชอบตีค่าประเมินค่าทุกอย่างออกมาให้เป็นผลกำไรเสียทุกเรื่อง โดยไม่สามารถแยกแยะให้ออกว่าสิ่งไหนควรประเมินหาค่าหากำไร เรากลับไปใช้ในทุกเรื่อง ชีวิตจึงถูกลดทอน และไปยึดติด เสพติด กลายเป็นทาสค่านิยมแบบนี้อย่างไม่รู้สึกตัว เรามักคิดว่าทำทุกอย่างต้องหวังผลสูงสุด หารู้ไม่บางทีชีวิตเรานั้นไม่สามารถจะประเมินค่าได้เลย หรือถ้าพูดให้เห็นภาพ แค่เราตื่นมามีลมหายใจ ไม่ว่าจะร้อน หนาว สุข ทุกข์ ก็เกินเกณฑ์ของคำว่ากำไรแล้ว
            สิ่งหนึ่งที่เรากำลังเห็นการแชร์บนโลกออนไลน์กันอย่างมากมาย คือ กลยุทธ์ทางการตลาดที่นำบ้านหลังใหญ่ รถยนต์ ทองคำ โทรศัพท์มือถือยี่ห้อดัง มาเป็นตัวหลอก ให้ร่วมเชียร์ กดไลค์ กดแชร์ เพื่อสร้างแบรนด์ให้กับสินค้านั้น ให้ติดหู เพียงใช้ความอยากได้ใคร่มีของคนที่คิดว่า แค่กดเล่นๆขำๆแต่ในใจก็ปรารถนาว่า ให้โชคเข้าข้าง เพียงกดแค่นี้ ถ้าได้มาก็แสนจะคุ้มค่า ใช่หรือไม่  เรื่องแบบนี้ค่อย ๆ ซึมลึกลงในจิตใจ มันพลอยทำให้เรามักคาดหวังกำไรเกินไปในทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องทำบุญให้ทาน เราทำเพียงแค่นี้แต่หวังจะได้รับผลตอบแทนร้อยเท่าทวีคูณ หากเราคิดเช่นนี้เรากำลังกลายเป็นทาสของการยึดติด
            หนุ่มคนหนึ่งโทรศัพท์ไปปรับทุกข์กับพระอาจารย์ที่เคารพนับถือว่า
            “พระอาจารย์ครับ ผมก็ไหว้พระสวดมนต์ไปทำบุญทำทานตลอด ทำไมชีวิตผมไม่ดีขึ้นเลยละครับ?”
            “งั้นพระอาจารย์จะฝากเงินไปให้พ่อหนุ่มสัก 500 ดีไหม?”
            “โธ่พระอาจารย์ เงินของท่านกระผมจะรับมาได้ยังไง ไม่เอาๆ
            ชายหนุ่มตอบพระอาจารย์ไป
            “เดี๋ยวก่อน ฟังให้จบก่อน พระอาจารย์มีเรื่องจะขอรบกวนให้พ่อหนุ่มช่วยเป็นธุระสักนิดหน่อยนะ!”
            พระอาจารย์กล่าวตอบ
            “อ๋อครับ พระอาจารย์ว่ามาเลยครับ จะให้ผมช่วยอะไรท่านบอกมาเลย ผมยินดีรับใช้ครับ
            “ช่วยจัดการเป็นธุระซื้อรถยนต์ให้พระอาจารย์สักคันนะ!”
            ชายหนุ่มฟังเสร็จก็อึ้ง ไปต่อไม่เป็น ได้แต่กล้อมแกล้มพูดออกไปว่า
            “พระอาจารย์ เงิน 500 บาทจะซื้อรถยนต์ได้ยังไงครับ? ล้อคู่หนึ่งยังไม่พอซื้อเลยครับ!”
            “อ้าว พ่อหนุ่มก็รู้นี่ว่าเงิน 500 บาท ซื้อรถยนต์ไม่ได้ แต่คนมากมายในโลกนี้ที่พยายามทำในสิ่งนี้ ลงทุนนิดหน่อยแล้วอยากได้กำไรมากมาย ไหว้พระไหว้เจ้านิดๆหน่อย ๆ ถวายส้ม 3 ผลปักธูป 3 ดอก แล้วก็ขอเหมือนธูปคือตะเกียงวิเศษ อันนี้มันค้ากำไรเกินควรไหมล่ะ?”
            “เอ่อ คือว่า คือ...
            ชายหนุ่มได้แต่เอ้ออ้า พูดอะไรไม่ออก
            ทำบุญบุญย่อมเกิด แต่บุญที่ทำนั้นอัศจรรย์หรือไม่? ทำบุญด้อยกว่ากำลัง เมื่อผลบุญตอบสนองก็แคระแกนดั่งกำลังที่ทำ ทำบุญตามกำลัง เมื่อผลบุญตอบสนองก็สมเหตุสมผล ทำบุญเกินกำลัง เมื่อผลบุญตอบสนองก็อัศจรรย์มหาศาล โปรดจำไว้ว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรี ๆ ไม่ปลูกเหตุแล้วจะได้รับผลอย่างไรกัน? (ดัดแปลงมาจากส่วนหนึ่งในเนื้อหาในหนังสือเกร็ดธรรมนำชีวิต 3)

           
ภาพ: อินเตอร์เน็ต
ใช่หรือไม่ บ่อยครั้งไปที่เรายึดติดเอาค่านิยมทางเศรษฐกิจมาเกี่ยวกับเรื่องของจิตวิญญาณ เราทำบุญเพื่อหวังผล เราสวดขอมากกว่าสวดขอบคุณพระเจ้า เราค้าขายศรัทธามากกว่าปลูกฝังแรงศรัทธา เรามาวัดเพื่อสะสมเพียงสถิติ เท่านั้นหรือ? เราเมตตาต่อคนอื่นเพียงเพิ่มบารมีหรือ? เราช่วยเหลือคนอื่นเพียงแค่รับโล่ห์หรือ? เราทำดีเพื่อคำสรรเสริญหรือ? หากว่าเรายังมีทัศนะคติอย่างนี้ เราก็เป็นทาสที่ยึดติด ตกอยู่สภาพทาสโดยไม่ยอมหลุดพ้น เราปล่อยให้ค่านิยมเหล่านี้งอกเงยในจิตใจเราทุกวัน ๆ แล้วมันกำลังเติบใหญ่ขึ้น สิ่งใดเล่าควรงอกเงยในจิตใจเรา เลิกเป็นทาส ลดละการยึดติด ชีวิตจิตวิญญาณเราก็จะได้รับการฟื้นฟู

ไม่มีความคิดเห็น: