รำพึงถึง..เรา ภาคที่ 1
วันนี้ขอนำบทความเก่าที่เขียนไว้ในปี
พ.ศ. 2549 มาแก้ไขปรับแต่งใหม่ ให้เข้ากับยุคสมัย
เพื่อรำพึงถึงทางกางเขนของเราร่วมกับพระเยซูเจ้าในระหว่างสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์
สถานการณ์ที่ 1 การตัดสินผู้อื่น (ปีลาตตัดสินประหารชีวิตพระเยซูเจ้า)
ไม่มากก็น้อยเราย่อมเคยตัดสินผู้อื่นเพียงจริตส่วนตัวเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
เพื่อความอยู่รอดในสังคมของตน ทั้ง ๆ ที่ย่อมรู้ดีว่า คนที่ถูกตัดสินอยู่นั้นไม่มีความผิด
ยิ่งสังคมวันนี้เราตัดสินกันบนโลกออนไลน์ พิพากษาทั้ง ๆ ที่ไม่เคยรู้จัก
ต่างคนต่างตัดสินผู้อื่นอย่างไร้จิตสำนึก เราก็ไม่ต่างกับปิลาต... ก่อนที่เราจะตัดสินผู้อื่น ควรที่จะศึกษาถึงเบื้องหน้าเบื้องหลัง
คำนึงถึงความยุติธรรมและคิดถึงวันที่พระเยซูเจ้า ถูกตัดสินประหารชีวิตจากปิลาต
สถานการณ์ที่ 2 การแบกรับความผิด
(ชอบ) (พระเยซูเจ้าทรงรับแบกกางเขน)
เป็นธรรมดาของเราที่ไม่อาจยอมรับความผิดกันอย่างง่าย ๆ จะปกป้องตัวเองโดยทันทีเมื่อถูกกล่าวหาและใส่ร้าย
การโต้เถียง โยนความผิดไปให้ผู้อื่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามมา
ความรับผิดชอบจึงเป็นมโนสำนึกที่เรามีเพื่อยกระดับจิตใจ องค์พระเยซูเจ้า
ที่น้อมรับแบกกางเขน เพื่อไม่ให้เกิดการโต้เถียง ทะเลาะ จนอาจจะกลายเป็นสงคราม
รับผิดไว้แต่เพียงผู้เดียว
การน้อมรับความผิดที่เรากระทำไปยิ่งใหญ่กว่าการเรียกร้องหาความยุติธรรมกันแบบลอยๆ
สถานการณ์ที่ 3 การหกล้มเป็นหนทางนำไปสู่ความเข้มแข็ง
(พระเยซูเจ้าทรงหกล้มครั้งแรก)
การผิดพลาดเป็นเรื่องปกติวิสัย
แต่การแก้ไขเป็นเรื่องที่มนุษย์ผู้ประเสริฐสมควรกระทำ
เมื่อเราผิดพลาดเราต้องลุกขึ้นและก้าวเดินต่อ บนเส้นทางสายชีวิตเรานี้ บ่อยครั้งความเข้มแข็งก็เริ่มต้นจากการล้ม
เมื่อพระเยซูเจ้าหกล้มครั้งแรก กางเขนก็ล้มทับ
ใช่หรือไม่พระองค์ก็ใช้กางเขนพยุงกายยืนลุกขึ้นเดินหน้าต่อไป
สถานการณ์ที่ 4 หัวใจของความเป็นแม่ (พระเยซูเจ้าทรงพบปะพระมารดา)
ผู้หญิง ความเป็นแม่ สัญลักษณ์ของความอ่อนโยน ไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไรในสายตาของคนอื่น
แม่คนนี้รักลูกเสมอยอมที่จะตายแทนได้ แต่ในทุกวันนี้ผู้หญิงหลายคนไร้หัวใจของความเป็นแม่
ความอ่อนโยนหายไปจากหัวใจแม่ โลกนี้จึงดูอ่อนแอ
ความเหนื่อยยากและความทุกข์ตรมของโลกนี้จะถูกหัวใจแม่หลอมละลายเผาไหม้ให้กลายเป็นความเข้มแข็ง
มั่นคงตลอดไป
สถานการณ์ที่ 5 ช่วยกันแบ่งเบาความทุกข์ของผู้คนด้วยการเอื้ออาทร
(ซีโมนช่วยพระเยซูเจ้าแบกกางเขน)
สังคมโลกเต็มไปด้วยความตรึงเครียด ไม่ยอมลดราวาศอกกันไม่มีเมตตาต่อกัน
หากเราให้ความช่วยเหลือกันบ้างในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ รู้จักให้และน้อมรับคำชี้แนะบ้าง
ความทุกข์ของผู้ทุกข์ทนหวังเพียงแต่ต้องการใครสักคนรับฟัง เป็นที่ระบายเท่านั้น
ในวันนี้ก็ยังหายากเต็มที เห็นซีโมนแล้วก็คิดถึงสังคมไทย
ที่เคยเป็นสังคมแห่งการเอื้ออาทร วันนี้เป็นเช่นไรลองคิดดู
สถานการณ์ที่ 6 ขอแค่ผ้าเช็ดหน้าที่ยื่นให้กัน
(นางเวโรนีกาเช็ดพระพักตร์พระเยซูเจ้า)
มีบางสิ่งบางอย่างหล่นหายไปจากสังคม การ “ให้”
หาไม่พบ จริงหรือไม่ บางทีความทุกข์ ความเศร้า
ความโศกอาจจะได้รับการบรรเทาได้ด้วยเพียงสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ
คนที่กำลังจมดิ่งอยู่ในห้วงทุกข์มีเพียงหยดน้ำ ย่อมดีใจกว่าการที่ได้รับเงินทอง
คนที่เราจดจำได้มิมีวันลืม
ย่อมเป็นคนที่ผ่านมาพบและหยิบยื่นความช่วยเหลือแม้เพียงสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับเรา
และเราล่ะ เคยไปอยู่ในความทรงจำของใครบ้างบนเส้นทางชีวิตสายนี้
สถานการณ์ที่ 7 ไม่มีใครเจ็บปวด ผิดหวัง
ล้มลงเพียงแค่ครั้งเดียว(พระเยซูเจ้าทรงหกล้มครั้งที่สอง)
คนที่ล้มลงน้อยครั้งใช่ว่าจะประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่าคนที่ล้มแล้วลุก
ลุกแล้วล้ม ซ้ำไปมาหลายรอบ ความล้มเหลวในชีวิตมักมีบทเรียนบทสอนให้กับชีวิตเสมอ
ไม่มีผู้คว้าชัยคนไหนที่ไม่มีบาดแผล ชีวิตต้องไม่อยู่บนความประมาท
อย่าระเริงบนความสำเร็จจนลืมวันที่เคยล้มลง
สถานการณ์ที่ 8 ความทุกข์ของเรามีคุณค่าเสมอ(พระเยซูเจ้าทรงตรัสบรรเทาทุกข์หญิงชาวเยรูซาแล็ม)
ความทุกข์ของคนเรามักมีความเข้มแข็งเป็นรางวัล คนที่ผ่านความทุกข์ยากอย่างแสนสาหัสมาย่อมมีหัวใจแห่งความเมตตา
เข้าใจผู้อื่นและมีความห่วงใยให้ผู้อื่นเสมอ วันนี้ความเห็นแก่ตัวครองโลก
ตัวใครตัวมัน ต่างคนต่างแก่งแย่งชิงเด่นชิงดัง ไม่มีเวลาที่จะปลอบโยนกัน
เราจึงเมินคุณค่าความทุกข์ทั้งของตัวเองและผู้อื่น (ต่อภาค
2 สัปดาห์หน้า)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น