ชีวิตตนชีวิตคน
มานั่งทบทวนเรื่องราวของคนเรื่องราวของตนบนหนทางชีวิตที่ผ่านมา
ในบางครั้งการได้รู้จักกับคนที่มีชื่อเสียง คนดัง ๆ ก็เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ หรือในบางครั้งก็รู้สึกดีรู้สึกพลอยมีหน้ามีตาเมื่อมีคนกล่าวถึงคนที่เรารู้จักและเป็นที่ยอมรับของคนมากมายหรือในบางครั้งบางคราวก็เอาไปคุยอวดเพื่อนฝูงฟัง
นี่ก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งของมนุษย์เราหรือมีบ้างบางคนพยายามอยากจะทำความรู้จัก
อยากจะสนิทสนม อยากจะใกล้ชิดคนมีชื่อเสียง บางคนถึงขั้นหลงใหลพยายามทุกวิถีทางเพื่อจะเข้าไปให้ถึงคนดัง
ๆ เหล่านั้น ล้วนแต่มีเหตุผลของตัวเอง สิ่งหนึ่งที่ไม่มากก็น้อยคือ การที่อยากเป็นคนรู้จักของคนมีชื่อเสียงก็เพื่อเป็นแรงจูงใจ
แรงบันดาลใจให้ตัวเองก้าวสู่ความสำเร็จเหมือนคนเหล่านั้นบ้างหรืออยากจะได้รับอานิสงส์รังสีความสำเร็จที่เจิดจรัส
เป็นที่ยอมรับของคนอื่น ๆ บ้าง
ภาพ : อินเตอร์เน็ต |
แต่... เมื่อถึงเวลาหนึ่งชีวิตคนกลับพลิกผัน เกิดเรื่องไม่ดีไม่งาม ถูกใส่ความให้ร้ายป้ายผิด
เราก็มักจะรีบบอกทันทีว่ารู้จักกันเพียงผิวเผิน หรือไม่ก็บอกว่า แค่รู้จักไม่ได้สนิทสนม
เรียกว่าชิ่งเอาตัวรอดเป็นยอดมนุษย์
ในชีวิตคนเรานั้นไม่รู้หรอกว่าจะเดินต่อไปสุดทางเมื่อไหร่ อาจจะเป็นเพียงก้าวเริ่มต้น อาจจะเพิ่งรู้ตัว ลุกขึ้นแล้วเริ่มใหม่โดยมีคน
ๆ หนึ่งเป็นแรงผลักดัน บางคนพอมีเรี่ยวแรง ที่จะเดินไปเรื่อย ๆ พยายามไม่มองว่าอดีตเคยผ่านอะไรมาบ้าง
มองดูวิวทิวทัศน์สองข้างทางเพื่อหย่อนใจ สบายใจ สุดท้ายแล้วก็ไปไกลกว่าคนอื่นๆ ในขณะที่บางคน
แม้ร่างกายจะไม่ไหว แต่หัวใจไม่ท้อ พยายามฮึดสู้ อุตส่าห์พยุงตัวเอง เดินหน้าไปเรื่อย
ๆ เท่าที่หัวใจตัวเองมีแรงขับ เพราะคิดว่าสักวันจะต้องถึงที่หมายให้ได้ ในขณะที่มีบางคนกลับไม่คิดจะทำอะไรเลย
มัวแต่นั่งท้อใจอยู่อย่างนั้น ทรุดกายนั่งอยู่จุดนั้นเป็นเวลานานแสนนาน ปล่อยให้คนอื่น
ๆ เดินผ่านก้าวขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ตัวเองได้แต่ก้มหน้าก้มตาร้องห่มร้องไห้ กับอดีตที่ผ่านมา
นี่ก็เป็นวิถีชีวิตคนเรา อยู่ที่ว่าเราจะเลือกอยู่ในเส้นทางแบบไหน
ใช่หรือไม่ ชีวิตเราไม่มีคำว่าสาย
ถ้าเราคิดเสมอว่ายังมีชีวิตให้เดินก้าวต่อไป ตราบเท่าที่ลมหายใจเรายังมี จงสู้และมีศรัทธาในตัวเองและเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง การที่เราไม่เริ่มคิดทำอะไรเลยต่างหาก
ที่เป็นการยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันได้นับหนึ่งด้วยซ้ำไป อย่าให้ชีวิตนั่งจมปลักอยู่กับสิ่งเดิม
ๆ แต่จงค่อย ๆ เดินก้าวผ่านชีวิตที่แย่ ๆ นี้ไปให้ได้ นำบทเรียนของผู้อื่นมาเรียนรู้บ้างเพื่อประยุกต์ใช้ให้เข้ากับวิถีชีวิตตน
อยู่ที่เราเลือกว่าจะเลือกฟังเสียงหัวใจตัวเอง หรือเลือกที่จะไปฟังขี้ปากชาวบ้าน
ทุกคนเกิดมาอย่างมีวิถีในการดำรงชีวิตของแต่ละคนทั้งสิ้น มีหน้าที่ ภาระ มีความรับผิดชอบเป็นของตัวเองถ้าหากเราก้าวถึงจุดสูงสุดเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป
เป็นแบบอย่างเป็นแรงบันดาลใจให้ใครต่อกันได้มากแล้ว ก็ต้องไม่หลงระเริงไปกับชื่อเสียง
คำเยินยอยกย่อง รู้จักที่จะปลีกแยกเวลาส่วนตัว อยู่กับตัวตนบ้าง เราต้องฝึกรู้ฝึกคิดฝึกความเข้มแข็ง ฝึกความแข็งแกร่งให้กับตัวเองเพื่อพร้อมที่จะเผชิญกับปัญหา
เราต้องเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาด้วยตัวเราเอง เมื่อมีปัญหาต้องใช้ปัญญาใช้สติประคอง
ใช้มโนธรรมให้สิ่งนั้นลุล่วงไปได้
ในชีวิตของคนเราก็ต้องพานพบกับผู้คนมากมายหลากหลายความคิด
หลากหลายนิสัยใจคอทุกคนมาจากพื้นฐานต่างกันมีดีบ้างไม่ดีบ้างทั้งที่เราชอบทั้งที่เราไม่ชอบปะปนกันไป
แต่เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ให้ได้
หลายครั้งที่เรา “ไม่ชอบหน้าคนนี้ไม่ชอบเลยนิสัยแบบนี้”
ต้องคิดเสียว่า “เราคงเปลี่ยนใครไม่ได้” แต่เราสามารถเปลี่ยนตัวเองได้ด้วยการเลือกที่จะคบ เลือกที่จะหลีกหรือเลือกที่จะมอบความปรารถนาดีให้โดยปราศจากเงื่อนไข และ “ต้องมั่นใจให้ได้ว่า”
“ไม่มีอะไรได้ดั่งใจเรา” รู้จักหยุด รู้จักยอม รู้จักเย็น ชีวิตจะมีแต่ความปลอดโปร่ง จะเบิกบานกับชีวิตที่สงบอย่างล้ำลึก
ภาพ : อินเตอร์เน็ต |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น