ชีวิตคนบนถนน
ในช่วงวันหยุดยาวระหว่างปีเก่ากับปีใหม่หลายคนคงมีประสบการณ์ในการใช้ชีวิตในรถบนท้องถนนเหมือนๆกัน
บางคนอาจจะเดินทางกลับไปเยือนท้องถิ่นดั้งเดิม บางคนอาจจะเดินทางเพื่อท่องเที่ยว มีบ้างบางคนจำต้องเดินทางเพื่อทำภารกิจ ธุรกิจ แต่ทุกคนล้วนแล้วแต่พบเจอสิ่งที่เหมือน
ๆ กัน นั่นคือสภาพที่รถติดยาวเหยียด ใช้เวลาในการเดินทางเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว หรือมากกว่านั้น
และด้วยความคิดที่ว่าเห็นผู้คนเดินทางออกจากเมืองกรุง
ศูนย์กลางกันมามากตั้งแต่หลายวันที่ผ่านมา วันส่งท้ายปีเก่าคงจะมีน้อยคนเดินทาง จึงเป็นวันเวลาอันเหมาะที่เลือกจะเคลื่อนล้อมุ่งสู่บ้านเก่าถิ่นเกิด
ยิ่งเห็นสภาพการจราจรที่เคลื่อนคล่องในถนนกลางเมือง ยิ่งคิดว่าวันนี้สบายล่ะ คงถึงเป้าหมายตามเวลาเหมือนทุกครั้งที่กลับบ้าน
แต่...ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คาดคิดไว้ รถเริ่มมากองอยู่บนทางออกของทางด่วน
ระยะทางจ่ายเงินอยู่ข้างหน้าเพียงหนึ่งกิโลเมตร ผ่านไป 30 นาทีจึงจะพ้นผ่านไปได้
เริ่มหาทางลัดเลาะ ทางที่คิดว่าน่าจะคล่องตัว เลี้ยวเข้าถนนนั้นเห็นทันทีเลยว่าหลายคนคิดเหมือนกัน
รถยังคงเยอะทำความเร็วได้เรื่อย ๆ จากที่เคยเดินทางเพียง 1.30 -2.00 ชั่วโมง วันนั้นก็ใช้ไปร่วม ๆ 3 ชั่วโมง
ภาพ : อินเตอร์เน็ต |
ในระหว่างที่รถติดนั่งมองและรอให้รถเคลื่อนอย่างช้า
ๆ อยู่นั้น มองซ้ายมองขาว มองหน้ามองหลัง ใช่เลย สิ่งที่บังเกิดตรงหน้ามันคือการเดินทางของชีวิต
หากจะกล่าวอีกนัยหนึ่ง ชีวิตคือการเดินทาง ที่ต้องเรียนรู้อย่างไม่มีวันสิ้นสุดในแต่ละวัน
เราอาจจะก้าวไปในเส้นทางที่เราเลือกจะไป เลือกที่จะเป็นโดยที่ไม่มีใครรู้ว่า ทางข้างหน้าจะเป็นยังไง
เลือกผิดบ้างถูกบ้างคละเคล้ากันไป ทางผิดจดจำไว้ว่าอย่าได้มาได้ใช้อีก ทางถูกบันทึกไว้ในความทรงจำว่าทางนี้มีดีพาเราสู่จุดหมายปลายทาง
ภาพ : อินเตอร์เน็ต |
เห็นเราในบางวันเราก็ก้าวเดินอย่างรวดเร็ว
เร็วจนแทบจะวิ่ง ด้วยความเชื่อมั่นโดยมิรู้เลยว่าอาจจะไปสร้างความเดือดร้อน ขุ่นข้องให้กับใจใครไว้บ้าง
เห็นคนในรถบางคัน ดูจะหมดอาไรตายหยากกับสถานการณ์ตรงหน้า
ต่างคนต่างนิ่งเงียบงัน ครั้นจะพูดคุยก็หมดเรื่องที่ยกมาเล่าขานไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่องก็ยังนิ่งอยู่อย่างนั้น
ต่อให้คนคุยเก่งแค่ไหนก็ต้องมีบ้างที่หมดแรง
ในบางวันใจดวงเดิมของเรามันก็กลับฝ่อ
เหี่ยวเฉาลง จนแทบจะหยุดนิ่ง หมดแรงไม่เข้าใจกับหลาย ๆ สิ่ง จนพาลจะทำให้โรคซึมเศร้าถามหา ต่อให้คิดว่าเก่งสักเพียงใด เมื่อมาเจอกับสิ่งที่ไม่ได้คาดคิดเอาไว้ บางทีก็ง่อยรับทานได้เหมือนกัน
ในเวลานี้ ขอเพียงแค่รถขยับเคลื่อนไปในอัตราคงที่ตลอดก็ถือว่าโอเคมากแล้ว
ใจหนึ่งก็พยายามหาทางลัดเลาะ ทางที่จะพาเราไปให้ไกล ๆ กับสภาพแบบนี้ ใจหนึ่งก็กลัวว่าถ้ามีทางนั้นจริง
ๆ จะลองเสี่ยงดูไหม จะไม่อ้อมมากกว่านี้หรือ ไม่กลัวหลงทางหรือ รถยิ่งติดยิ่งคิดเพื่อหาทางออก
ใช่หรือไม่ ในบางวัน เราก็อยากเดินให้ช้าลงซักนิดเพื่อที่จะได้มีเวลาคิด
ทบทวน เรื่องราวระหว่างทางบ้าง จะได้รู้ตัวว่ามาไม่ผิดทางหรือกำลังหลงทางอยู่หรือเปล่า
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เราจะไม่ได้เจอกับทางออก เพราะอย่างน้อยเราก็ได้ลองไปในที่ที่ไม่เคยไปหรือเราอาจจะกำลังไปในที่ที่ไกลกว่าเดิมก็อาจจะเป็นไปได้
ภาพ : อินเตอร์เน็ต |
หากชีวิตคือการเดินทางจริง
ๆ เมื่อมีเริ่มต้นก็ต้องมีจุดหมายปลายทางและมีทางออกในทุกเส้นทางเสมอ ให้เวลากับถนนหนทางชีวิต
แล้วจะพบเจอกับเรื่องใหม่ ๆ และแม้บางครั้งเราอาจดูเหมือนไม่ได้ก้าวไปไหน หรือดูเหมือนย้อนกลับมาเจอเรื่องเดิม
ๆ อาจจะเสียงหัวเราะ เสียงร้องไห้ หงุดหงิดบ้างก็ไม่เป็นไร เพราะทุกขณะเวลาที่ผ่านไปนั้น
คือบทเรียนเพิ่มขึ้นมา เราต้องไม่ย่อท้อต่อการเดินบนถนนสายชีวิตนี้ และเมื่อเราไปถึงปลายทาง
เราจะได้สิ่งที่ล้ำค่ากลับมาเสมอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น