วันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สายลมที่ไม่หวนคืน

สายลมที่ไม่หวนคืน
            ภาพผู้หญิงสูงอายุที่ปรากฏบนกระจกมองหลัง เป็นภาพที่ทำให้เกิดความรู้สึกหลายอย่างหลายสิ่งวิ่งออกมาจากความทรงจำ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นที่ไหน คือ “แม่” หลังจากพามาพบหมอเพื่อตรวจเช็คโรคประจำตัว โรคที่ทำให้แม่โรยราไปมาก ขณะขับรถเพื่อไปส่งแม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น รถราติดเป็นแถวยาว แม้กระทั่งบนทางด่วน พูดคุยกันในหลายเรื่อง หลายจังหวะแม่นั่งเหม่อมองออกไปข้างนอก ทำให้ยิ่งคิดถึง "พ่อ" ผู้จากแม่ไปในหลายปีที่ผ่านมา แม่จึงเหงาลงไปมาก และเริ่มมีอาการหลง ๆ ลืม ๆ หลายครั้งหลายหนบนรถนั้นแม่ก็ถามเรื่องนี้เรื่องนั้นซ้ำไปซ้ำมา แม้จะหงุดหงิด แต่เมื่อมองเห็นแม่ผ่านกระจกหลัง ยิ่งย้อนกลับไปวันที่พ่อและแม่ตรากตรำทำงานหนักเพื่อลูก ๆ แต่พวกท่านก็ไม่เคยบ่น แล้วสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นี้มันยังไม่ถึงหนึ่งในร้อยเลย
ภาพ : อินเตอร์เน็ต
            สายลมมักพัดผ่านเลยไปมิอาจหวนคืน แต่ก็มักมีสายลมลูกใหม่ ๆ เท่านั้นที่จะพัดมาอีกครั้ง บ่อยไปที่เราต้องทำให้พ่อแม่โกรธ โมโห หงุดหงิด แต่ทั้งชีวิตท่านกลับมีแต่มอบสิ่งดี ๆ ให้เรา บ่อยครั้งเรากลับมองไม่เห็น ทำให้นึกถึงบทความเรื่องหนึ่งที่เคยอ่าน เขียนไว้อย่างซาบซึ้งและย้ำเตือนว่าเราอย่าได้ละเลย ผู้ที่อยู่เบื้องหลังชีวิตเรา เพราะหากเราไม่ทำให้พวกท่านในวันนี้ วันข้างหน้าจะมานั่งเสียใจก็จะไร้ประโยชน์
            ชายหนุ่มคนหนึ่งจะเรียนจบชั้นมัธยมปลายแล้ว เขาคิดอยากได้รถคันใหม่เป็นของขวัญ พ่อของเขาก็ได้พาเขาตระเวนดูรถหลายรุ่นหลายยี่ห้อ หลายบริษัทด้วยความอดทน
            จบจากพิธีสำเร็จการศึกษา ทั้งครอบครัวกลับมาถึงบ้าน ภายในใจเขา หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้เห็นรถใหม่ที่เขาชื่นชอบ จอดอยู่หน้าบ้าน ทว่า..ไม่เป็นอย่างที่คาดคิดไว้ ไม่มีวี่แววอะไรเลย เห็นเพียงแต่พ่อของเขาออกมาจากห้องหนังสือด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ในมือถือพระคัมภีร์ไว้หนึ่งเล่ม บอกกับเขาว่า
            “ลูกเอ๋ย..พ่อดีใจมาก ที่ลูกเรียนจบแล้ว”
            ยามนั้น อารมณ์โมโห แทบเหมือนดั่งไฟผุดมาจากนรก ได้ครอบงำลูกชายคนนี้ เขาไม่คาดคิดว่า คุณพ่อที่ตนเองเคารพรัก จะเป็นผู้ที่ไร้สาระและไร้ยางอายถึงเพียงนี้ เขา..ก็ไม่ได้พูดอะไรหันหลังแล้วก็เดินจากไป การจากไปในครั้งนี้เป็นการจากไปถึงสามสิบกว่าปี
            ในพิธีฝังศพของคุณพ่อของเขา ลูกชายคนนี้ก็กลับมาจนได้ เขามองดู ตาแก่ที่ไร้ยางอายถูกฝัง เขาประคองคุณแม่ที่เสียใจ กลับมาถึงบ้าน ยามที่เขาเข้าไปที่ห้องของตนเองในอดีต มองดูทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนไม่เปลี่ยนแปลงไปจากตอนที่เขายังเด็กอยู่เลย
ภาพ : อินเตอร์เน็ต

            ทว่า..บนโต๊ะเขียนหนังสือของเขา วางพระคัมภีร์ไว้เล่มหนึ่ง เล่มที่ทำให้ความหวังของเขาแตกสลายจนหมดสิ้น ของขวัญสำเร็จการศึกษา เวลานี้ อารมณ์ความรู้สึกที่เขามีต่อคุณพ่อสับสนมาก ทว่า ความโมโหในอดีต ตอนนี้ก็ดับมอดไปมากแล้ว เขานั่งลง เริ่มเปิดของขวัญที่เขาปฏิเสธ เมื่อสามสิบกว่าปีก่อน เห็นด้านในพระคัมภีร์ มีลายมือของคุณพ่อ
            “มอบแด่ลูกชายสุดที่รักจากใจ หวังว่าลูกจะบินสูงเหมือนดั่งนกอินทรีย์ แม้นจะวิ่งกลับก็ไม่เหนื่อย เดินก็ไม่เมื่อยล้า
            เขา..เปิดไปอีกทีละหน้า ๆ และแล้วที่ปรากฏต่อสายตาเขาคือ เช็คใบหนึ่งที่กลายเป็นสีเหลือง ยอดเงินบนนั้น ตรงกับราคารถที่เขาได้ไปดูไว้ อีกทั้งวันที่ก็ตรงกับวันที่เขาจบการศึกษา อาการช็อกของเขายากที่จะบรรยายเป็นตัวหนังสือได้ ความสำนึกผิดของเขา ก็ไม่สามารถใช้การกระทำใด ๆ มาลดหย่อนให้เบาบางลงได้ เป็นเพราะความคิดโง่เขลาในตอนวัยหนุ่ม ทำให้เขาสูญเสียความรักอันล้ำค่า ระหว่างพ่อกับลูกไป
            อีกทั้งที่แปลกประหลาดก็คือ...สามสิบกว่าปีที่ยาวนานนี้ เขาไม่เคยที่จะคิดเลยว่า การตัดสินใจในครั้งนั้น อาจจะเป็นความผิดพลาด อารมณ์โมโหจากความผิดหวัง ทำให้เขาหน้ามืดตามัว เชื่อในคำโกหกที่ร้ายแรงสุดๆว่า...คุณพ่อที่รักเขามาสิบแปดปี จะกลายเป็นปิศาจร้ายที่น่ากลัวเพียงชั่วข้ามคืน(จาก Page เรื่องดีๆมีข้อคิด)
            ใช่หรือไม่ คงไม่ใช่ชายคนนั้นเพียงคนเดียว ที่ตกลงไปในหลุมพรางนี้ ในชีวิตนี้ มีกี่ครั้งกี่หน ที่เราใช้ความผิดพลาดจากจริตโมโห จากไฟโกรธที่เผาไหม้เพียงชั่วครู่ แล้วกระทำในสิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขได้ไปตลอดชีวิต หลายคนโชคร้ายที่ไม่มีพ่อไม่มีแม่คอยดูแล แต่ที่แย่กว่าคือคนที่มีพ่อแม่แต่กลับรำคาญ หงุดหงิด และไม่เคยมองเห็นหัวอกของความเป็นพ่อเป็นแม่เลย แน่ล่ะ คนเราย่อมโมโห โกรธ หงุดหงิด ได้ แต่ต้องไม่จมอยู่กับสิ่งเหล่านั้นจนปล่อยให้บางสิ่งบางอย่างที่ล้ำค่าหลุดลอยหายไป จนไม่มีวันที่จะเรียกกลับคืนมา ไม่แน่ว่า สายลมหนาวอาจจะไม่หวนมาในปีนี้ก็ได้.... 


ไม่มีความคิดเห็น: