สายลมที่ไม่หวนคืน
ภาพผู้หญิงสูงอายุที่ปรากฏบนกระจกมองหลัง
เป็นภาพที่ทำให้เกิดความรู้สึกหลายอย่างหลายสิ่งวิ่งออกมาจากความทรงจำ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นที่ไหน
คือ “แม่” หลังจากพามาพบหมอเพื่อตรวจเช็คโรคประจำตัว โรคที่ทำให้แม่โรยราไปมาก ขณะขับรถเพื่อไปส่งแม่
แล้วก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น รถราติดเป็นแถวยาว แม้กระทั่งบนทางด่วน พูดคุยกันในหลายเรื่อง
หลายจังหวะแม่นั่งเหม่อมองออกไปข้างนอก ทำให้ยิ่งคิดถึง "พ่อ" ผู้จากแม่ไปในหลายปีที่ผ่านมา แม่จึงเหงาลงไปมาก
และเริ่มมีอาการหลง ๆ ลืม ๆ หลายครั้งหลายหนบนรถนั้นแม่ก็ถามเรื่องนี้เรื่องนั้นซ้ำไปซ้ำมา
แม้จะหงุดหงิด แต่เมื่อมองเห็นแม่ผ่านกระจกหลัง ยิ่งย้อนกลับไปวันที่พ่อและแม่ตรากตรำทำงานหนักเพื่อลูก
ๆ แต่พวกท่านก็ไม่เคยบ่น แล้วสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นี้มันยังไม่ถึงหนึ่งในร้อยเลย
ภาพ : อินเตอร์เน็ต |
สายลมมักพัดผ่านเลยไปมิอาจหวนคืน
แต่ก็มักมีสายลมลูกใหม่ ๆ เท่านั้นที่จะพัดมาอีกครั้ง บ่อยไปที่เราต้องทำให้พ่อแม่โกรธ
โมโห หงุดหงิด แต่ทั้งชีวิตท่านกลับมีแต่มอบสิ่งดี ๆ ให้เรา บ่อยครั้งเรากลับมองไม่เห็น
ทำให้นึกถึงบทความเรื่องหนึ่งที่เคยอ่าน เขียนไว้อย่างซาบซึ้งและย้ำเตือนว่าเราอย่าได้ละเลย
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังชีวิตเรา เพราะหากเราไม่ทำให้พวกท่านในวันนี้ วันข้างหน้าจะมานั่งเสียใจก็จะไร้ประโยชน์
ชายหนุ่มคนหนึ่งจะเรียนจบชั้นมัธยมปลายแล้ว เขาคิดอยากได้รถคันใหม่เป็นของขวัญ พ่อของเขาก็ได้พาเขาตระเวนดูรถหลายรุ่นหลายยี่ห้อ
หลายบริษัทด้วยความอดทน
จบจากพิธีสำเร็จการศึกษา
ทั้งครอบครัวกลับมาถึงบ้าน ภายในใจเขา หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้เห็นรถใหม่ที่เขาชื่นชอบ
จอดอยู่หน้าบ้าน ทว่า..ไม่เป็นอย่างที่คาดคิดไว้ ไม่มีวี่แววอะไรเลย
เห็นเพียงแต่พ่อของเขาออกมาจากห้องหนังสือด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ในมือถือพระคัมภีร์ไว้หนึ่งเล่ม
บอกกับเขาว่า
“ลูกเอ๋ย..พ่อดีใจมาก ที่ลูกเรียนจบแล้ว”
ยามนั้น อารมณ์โมโห แทบเหมือนดั่งไฟผุดมาจากนรก
ได้ครอบงำลูกชายคนนี้ เขาไม่คาดคิดว่า คุณพ่อที่ตนเองเคารพรัก จะเป็นผู้ที่ไร้สาระและไร้ยางอายถึงเพียงนี้
เขา..ก็ไม่ได้พูดอะไรหันหลังแล้วก็เดินจากไป การจากไปในครั้งนี้เป็นการจากไปถึงสามสิบกว่าปี
ในพิธีฝังศพของคุณพ่อของเขา
ลูกชายคนนี้ก็กลับมาจนได้ เขามองดู ตาแก่ที่ไร้ยางอายถูกฝัง เขาประคองคุณแม่ที่เสียใจ
กลับมาถึงบ้าน ยามที่เขาเข้าไปที่ห้องของตนเองในอดีต มองดูทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนไม่เปลี่ยนแปลงไปจากตอนที่เขายังเด็กอยู่เลย
ภาพ : อินเตอร์เน็ต |
ทว่า..บนโต๊ะเขียนหนังสือของเขา วางพระคัมภีร์ไว้เล่มหนึ่ง เล่มที่ทำให้ความหวังของเขาแตกสลายจนหมดสิ้น
ของขวัญสำเร็จการศึกษา เวลานี้ อารมณ์ความรู้สึกที่เขามีต่อคุณพ่อสับสนมาก ทว่า ความโมโหในอดีต
ตอนนี้ก็ดับมอดไปมากแล้ว เขานั่งลง เริ่มเปิดของขวัญที่เขาปฏิเสธ เมื่อสามสิบกว่าปีก่อน
เห็นด้านในพระคัมภีร์ มีลายมือของคุณพ่อ
“มอบแด่ลูกชายสุดที่รักจากใจ
หวังว่าลูกจะบินสูงเหมือนดั่งนกอินทรีย์ แม้นจะวิ่งกลับก็ไม่เหนื่อย เดินก็ไม่เมื่อยล้า”
เขา..เปิดไปอีกทีละหน้า ๆ และแล้วที่ปรากฏต่อสายตาเขาคือ เช็คใบหนึ่งที่กลายเป็นสีเหลือง
ยอดเงินบนนั้น ตรงกับราคารถที่เขาได้ไปดูไว้ อีกทั้งวันที่ก็ตรงกับวันที่เขาจบการศึกษา
อาการช็อกของเขายากที่จะบรรยายเป็นตัวหนังสือได้ ความสำนึกผิดของเขา ก็ไม่สามารถใช้การกระทำใด
ๆ มาลดหย่อนให้เบาบางลงได้ เป็นเพราะความคิดโง่เขลาในตอนวัยหนุ่ม ทำให้เขาสูญเสียความรักอันล้ำค่า
ระหว่างพ่อกับลูกไป
อีกทั้งที่แปลกประหลาดก็คือ...สามสิบกว่าปีที่ยาวนานนี้ เขาไม่เคยที่จะคิดเลยว่า การตัดสินใจในครั้งนั้น
อาจจะเป็นความผิดพลาด อารมณ์โมโหจากความผิดหวัง ทำให้เขาหน้ามืดตามัว เชื่อในคำโกหกที่ร้ายแรงสุดๆว่า...คุณพ่อที่รักเขามาสิบแปดปี จะกลายเป็นปิศาจร้ายที่น่ากลัวเพียงชั่วข้ามคืน(จาก Page เรื่องดีๆมีข้อคิด)
ใช่หรือไม่ คงไม่ใช่ชายคนนั้นเพียงคนเดียว
ที่ตกลงไปในหลุมพรางนี้ ในชีวิตนี้ มีกี่ครั้งกี่หน ที่เราใช้ความผิดพลาดจากจริตโมโห
จากไฟโกรธที่เผาไหม้เพียงชั่วครู่ แล้วกระทำในสิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขได้ไปตลอดชีวิต
หลายคนโชคร้ายที่ไม่มีพ่อไม่มีแม่คอยดูแล แต่ที่แย่กว่าคือคนที่มีพ่อแม่แต่กลับรำคาญ
หงุดหงิด และไม่เคยมองเห็นหัวอกของความเป็นพ่อเป็นแม่เลย แน่ล่ะ คนเราย่อมโมโห โกรธ
หงุดหงิด ได้ แต่ต้องไม่จมอยู่กับสิ่งเหล่านั้นจนปล่อยให้บางสิ่งบางอย่างที่ล้ำค่าหลุดลอยหายไป
จนไม่มีวันที่จะเรียกกลับคืนมา ไม่แน่ว่า สายลมหนาวอาจจะไม่หวนมาในปีนี้ก็ได้....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น