วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

โลกเขาไปถึงไหนกันแล้ว

โลกเขาไปถึงไหนกันแล้ว
ภาพ : อินเตอร์เน็ต
            ถ้าจะลองสังเกตกันดูสักหน่อย มีความเปลี่ยนแปลงหนึ่งในสังคมกำลังเกิดขึ้นและเพิ่มอัตราเร่งขึ้นในทุกๆ วัน นั่นคือ การแอบอ้างสิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคล ใช้การกระทำส่วนตัวที่เห็นแก่ตัวในพื้นที่สาธารณะ โดยไม่แคร์ความรู้สึกและผิดชอบชั่วดีกันเลย และด้วยเพราะเทคโนโลยีที่ทุกคนมีกล้องประจำตัว (กล้องจากโทรศัพท์มือถือ) เป็นเครื่องสร้างภาพ เครื่องส่งข่าวส่วนบุคคล หลายคนเลยนำมาเป็นเครื่องมือที่จะเรียกร้องสิทธิส่วนตัว เพื่อที่จะใช้ข่มขู่อีกฝ่ายหนึ่งนำไปกระจายให้คนอื่นได้รู้ อ้างว่านี่เป็นสิทธิส่วนตัวที่ทำได้ หรือมีบางคนที่นั่งเล่นโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คในวัด แชทกันแชทมาโดยไม่สนใจว่าจะสร้างความวอกแวกให้กับคนอื่นที่ได้มาร่วมพิธีกรรมหรือไม่ ใครไปบอกไปเตือนก็จะโกรธจะเคืองหาเรื่องทะเลาะ เช่นเคยโดยอ้างว่านี่เป็นสิทธิส่วนบุคคล ในสังคมเมืองเรื่องแบบนี้เริ่มระบาดระบายออกมาให้เห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านทางสื่อสมัยใหม่ที่ช่วยเป็นตัวเร่งกระแสแชร์ต่อๆกันไป
          
ภาพ : อินเตอร์เน็ต
  แน่ล่ะหากว่าบุคคลใดที่ไม่ค่อยไม่เคยผ่านกระบวนที่จะเรียนรู้การกล่าวคำว่า ขอโทษย่อมต้องใช้ต่อมเห็นแก่ตัวทำงานทันที ไม่ยอมรับ ไม่ยอมใคร และพร้อมจะปกป้องตัวเองแบบสุดลิ้มทิ่มประตู แสดงอาการกร่าง โมโห ยกอ้างเหตุผลร้อยแปดพันประการมากดดันให้ฝ่ายที่ถูกต้องกลายเป็นผิด ทำทุกอย่างแสดงอาการกราดเกี้ยวเพื่อให้เกมพลิก และที่น่าตลกร้าย คำหนึ่งที่มักจะนำมาอ้างถึงเพื่อให้อีกฝ่ายหนึ่งกลายเป็นคนโบราณตามไม่ทัน กลายเป็นพวกเก่าเก็บ คำนั้นก็คือ โลกเขาไปถึงไหนกันแล้ว โดยแยกแยะไม่ออกว่าอะไรคือความก้าวหน้าก้าวไกลของโลก อะไรคือระบบระเบียบเพื่อให้คนส่วนใหญ่อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข อะไรคือขนบธรรมประเพณีของแต่ละท้องถิ่น ทุกที่ทุกชาติในโลกไม่จำเป็นต้องทำอะไรเหมือน ๆ กัน แต่ควรมีบางสิ่งบางอย่างที่ต้องเคารพและปฏิบัติเหมือนกันไม่เช่นนั้นสังคมโลกคงวุ่นวาย
            ในวันนี้ที่เกิดเรื่องประเภทนี้ขึ้นมากมาย เพราะเราทำให้ใจที่ตระหนักรู้ จิตใต้สำนึก มโนธรรมล้มหายตายไปจากตัวเรา ไม่เคยฝึกฝนทำให้เข้มแข็ง และมักหลอกโกหกตัวเอง ฝืนต่อมโนสำนึกจนกลายเป็นความชินชา อีกประการหนึ่งคือ มองเรื่องเสรีภาพในมุมอับคับแคบ ตีความให้เข้ากับจริตตัวเอง แล้วก็อวดเก่ง อวดกร่าง สร้างภาพความเป็นฮีโร่ โลกที่ก้าวไกลต้องเป็นโลกที่อุดมไปด้วยคุณธรรมเพื่อสร้างเสรีภาพกับทุกผู้คน ก่อให้เกิดสันติสุขร่มเย็น
ภาพ : อินเตอร์เน็ต
            ที่มาของปัญหานี้ที่สำคัญน่าจะเกิดมาจากระบบเศรษฐกิจทุนนิยมแบบใหม่ ใช้การตลาดเสรี ที่ทำให้ผู้คนเห็นแก่ตัวมากขึ้น เอารัดเอาเปรียบกันมากขึ้น มีการแข่งขันแบบเอาเป็นเอาตาย มีชีวิตติดเสพมากขึ้น เสพติดเทคโนโลยีมีเงินเดือนไม่กี่บาท แต่ตะเกียกตะกายไขว่คว้าหาโทรศัพท์สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่ราคาแสนแพง เพียงเพื่อใช้แชทกับเพื่อน และใช้แอพลิเคชั่นไม่ถึง 5 ตัว เพียงเพื่อซื้อมาเล่นเกม เพียงเพื่อให้ดูโก้เก๋ล้ำสมัย สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้คนมีความแปลกแยกกับชีวิตตัวเองและสังคมมากขึ้น สร้างโลกส่วนตัว อยู่กับตัวเอง ก้มหน้าก้มตาอยู่กับสิ่งเล็ก ๆ ในมือ  แล้วถือว่านี่คือโลกกว้าง ครั้นพอต้องเผชิญกับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผู้คนจริง ๆ ก็มักแยกไม่ออก ยังคงยึดมั่นในโลกของตัวเองอยู่ร่ำไป ชีวิต ติดเสพของผู้คนถูกยุยงปลุกปั่นให้เสพติดทุกสิ่งทุกอย่างเกินความจำเป็น จากธุรกิจสื่อสารยุคใหม่
           
ภาพ : อินเตอร์เน็ต
ในวันนี้เราต่างถูกปลูกฝังให้ใช้ชีวิตเป็นดังตลาดการค้าเสรีที่จะทำอะไรก็ได้ จะขายค้า จะคดโกง จะอวดเก่งอวดเบ่ง จะนินทากล่าวร้าย ทำได้เพราะนี่คือ สิทธิส่วนบุคคล เมื่อเป็นเช่นนี้ชีวิตของเราก็เต็มไปด้วยกิเลสตัณหา เต็มไปด้วยสิ่งสกปรกโสโครก จิตใจเต็มไปด้วยความโลภ ความหลง ความเน่าเหม็น โดยไม่ยอมรับการชำระล้างเลยสักครา ทั้ง ๆ ที่ชีวิตของเราควรที่จะเป็นวิหารอันศักดิ์สิทธิ์มิใช่หรือ ความสงบ การรู้จักกาลเทศะ การเคารพสิทธิผู้อื่น ความเกรงอกเกรงใจ การเคารพข้อปฏิบัติของส่วนรวมหายไปไหนกันหมด เราจะปล่อยให้ชีวิตของเราเป็นเช่นนี้ต่อไปหรือ

            ดังนั้นแล้วกับคำถามที่อวดรู้ระคนเหยียดหยามที่ว่า โลกเขาไปถึงไหนกันแล้วมันจึงไม่ได้ไปไหนเลยเพราะผู้คนยังจมอยู่กับโลกของตัวเอง ยังไงโลกก็ยังคงอยู่และโลกจะเป็นเช่นไรนั้นก็อยู่ที่เราต้องร่วมกันสร้าง สร้างไปใน วิถีทางที่ถูกต้อง และมีปลายทางที่สันติสุขรอเราอยู่ โลกที่เราต้องเคารพและฟังกันและกันบ้าง เราไม่ได้ยิ่งใหญ่มาจากไหน ก็แค่สิ่งเล็ก ๆ ที่เดินไปเดินมาบนโลกกว้าง โลกจะไปถึงไหน เรานั่นแหละที่จะช่วยกันให้โลกไปถึงนั่น อย่าใช้คำว่า  โลกมาทำให้ความ โลภความ หลงของเราเป็นเรื่องถูกต้องเลย ไม่เช่นนั้นสักวันหนึ่งเราคงถูกแส้ไล่ตีให้ออกไปจากโลกอันงดงามแห่งนี้อย่างเจ็บปวด....

ไม่มีความคิดเห็น: