ใช้ซะ...เพื่อไปให้ถึง
ในความแตกต่างหลากหลายของเรา
ต่างก็มีแง่งามด้วยกันทุกคน
และหากเรานำสิ่งดีๆของเรามาใช้อย่างถูกที่ถูกเวลาย่อมนำพาให้เราก้าวสู่สันติสุขในชีวิต
ที่คนเราวันนี้ดูไม่ค่อยมีความสุขกันสักเท่าไหร่นั้น
เพราะต่างคนต่างไปมองแต่คนอื่น อาจจะมองดูด้วยความอิจฉา อาจจะมองดูเพื่อลบรอยปมด้อย
อาจจะมองดูเพื่อยกตนข่ม อาจจะมองดูเพื่อหาจังหวะเข้าทำลาย
มีบ้างบางคนที่มองดูชื่นชมแล้วนำไปใช้ ไปปรับให้เข้ากับชีวิตตนเอง
ได้อ่านเจอข้อคิดหนึ่งน่าสนใจไม่น้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่เรามองคนอื่นแล้วอาจจะตีค่าของคนคนนั้นผิดไป
ภาพ : อินเตอร์เน็ต |
อย่าคิดว่า..คนที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้กลัวแสงแดด..
อย่าคิดว่า..คนที่ฟุบหลับอยู่นั้นเป็นคนเกียจคร้าน
อย่าคิดว่า..คนที่หกล้มเป็นคนอ่อนแอ
อย่าคิดว่า..คนที่ชอบติเตียนวิจารณ์ผู้อื่นนั้นเก่งเหนือใครๆ
อย่าคิดว่า..คนที่กล่าวหาคนอื่นเป็นคนเลวนั้นจะเป็นคนดี
มีอีกมากมายหลายอย่างมากนักในชีวิตเราที่เรามองเห็น
ได้ยินได้ฟังไม่ได้เป็นอย่างที่เรารับรู้ เราเห็น เราได้ยินมา
เพราะชีวิตมันซับซ้อนเกินกว่าที่เราจะมองใคร หรือสิ่งใดๆ “เพียงด้านเดียว”
Page* ร้อย8-พัน9
หากเราลดเวลาในการมองดูคนอื่นด้วยสายตาแห่งอธรรม
เอาเวลาที่เหลือมาสำรวจตรวจสอบ มาเพิ่มเติมสิ่งที่เราเป็นเรามีให้เกิดประโยชน์ พัฒนาวิถีชีวิตเรา มุ่งมั่นในพระพรที่ได้รับมาอย่างเต็มที่
ชีวิตเราก็สามารถจะประสบความสำเร็จได้
และผลแห่งพระพรก็จะเพิ่มเป็นทวีคูณเหมือนดังเด็กชายคนนี้
…กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ
หมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่ง มีเด็กน้อยคนหนึ่งอาศัยอยู่กับพ่อและแม่
เด็กน้อยคนนี้มีความสามารถพิเศษในการพับกระดาษ
ถึงแม้ว่าครอบครัวของเด็กคนนี้จะมีฐานะยากจน แต่ตัวเขาก็หวังว่าสักวันหนึ่ง
ความสามารถพิเศษของเขาจะช่วยให้พ่อแม่มีชีวิตที่สุขสบายขึ้น
อยู่มาวันหนึ่ง
เจ้าชายองค์น้อยซึ่งเป็นโอรสของพระราชา ทรงอยากได้ของเล่นที่แปลกใหม่เป็นของขวัญวันเกิด
ดังนั้นพระราชาจึงได้ป่าวประกาศให้ประชาชนนำของเล่นที่คิดว่าสุดวิเศษมาประกวดแข่งขันกัน
ถ้าหากของเล่นของใครทำให้เจ้าชายถูกใจมากที่สุดจะได้รับรางวัลจากพระราชา
และแล้ววันประกวดของเล่นก็มาถึง
ประชาชนจากทั่วทุกสารทิศต่างก็นำของเล่นที่ดูน่าตื่นตาตื่นใจมาให้เจ้าชายทรงตัดสิน
เวลาผ่านไป เจ้าชายทรงทดลองเล่นของเล่นจนเกือบครบทุกชิ้น
แต่เจ้าชายก็ยังไม่พอพระทัยในของเล่นชิ้นใด
สายตาของทุกๆคนในงานต่างก็จับจ้องไปที่เจ้าของของเล่นชิ้นสุดท้าย
ที่เด็กน้อยยืนกอดกระดาษแผ่นใหญ่แนบอกเอาไว้
ผู้เข้าร่วมงานเกือบทุกคนพากันหัวเราะเยาะเด็กน้อย
เมื่อทราบว่ากระดาษที่เด็กน้อยกอดอยู่นั้นก็คือของเล่นที่เด็กน้อยตั้งใจนำมาเข้าประกวดในครั้งนี้
แต่ทันทีที่เด็กน้อยลงมือพับกระดาษที่แสนธรรมดาก็กลายสภาพเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ทุกคนต่างคาดไม่ถึง
เด็กน้อยผู้นี้เริ่มแสดงฝีมือ ด้วยการพับกระดาษเป็นดอกไม้
จากนั้นเขาก็คลี่กระดาษออกแล้วเปลี่ยนดอกไม้ให้กลายเป็นผีเสื้อและเพียงชั่วพริบตาเด็กน้อยก็เปลี่ยนผีเสื้อให้กลายเป็นนก
แล้วเขาก็จัดการดัดแปลงนกจนเกิดเป็นมังกรมีปีก ดูสง่างามได้อย่างน่าพิศวงยิ่งนัก
เด็กน้อยพับกระดาษอย่างไม่ยอมหยุดพัก ส่วนผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ
ต่างพากันอ้าปากค้าง ตกตะลึงต่อสิ่งมหัศจรรย์ที่พวกเขาเห็นอยู่ตรงหน้า
เจ้าชายทรงถูกใจของเล่นของเด็กน้อยมากที่สุด
เจ้าชายทรงชอบที่กระดาษแผ่นเดียวสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างไปตามจินตนาการได้ไม่รู้จบ
ในที่สุดพระราชาก็มอบรางวัลมูลค่ามหาศาลให้แก่เด็กน้อยตามที่พระองค์ได้สัญญาเอาไว้
ภาพ : อินเตอร์เน็ต |
เด็กน้อยนำรางวัลทั้งหมดมอบให้พ่อกับแม่ของเขา
แต่โอกาสในการแสดงความสามารถของเด็กน้อยยังไม่สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้
เพราะเจ้าชายยังคงขอให้เด็กน้อยมาเป็นผู้สอนการพับกระดาษแบบใหม่ๆให้แก่พระองค์อยู่เสมอ
และเมื่อเจ้าชายได้ขึ้นครองราชย์สืบต่อจากบิดา พระองค์ไม่ลืมที่จะแต่งตั้ง
“เพื่อนนักพับกระดาษ” ของพระองค์ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง
“ของเล่น” เพื่อให้สุดยอดนักพับกระดาษผู้นี้มีโอกาสได้ใช้พรสวรรค์ของเขาบันดาลความสุข
และสร้างสรรค์จินตนาการให้เกิดขึ้นแก่เด็กทุกคน เฉกเช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงได้สัมผัสมาด้วยตัวของพระองค์เอง
(นิทานอีสป)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น