เวลาที่หายากที่สุด
ภาพ : อินเตอร์เน็ต |
หากจะตั้งคำถามว่า
ในวันนี้ชีวิตเราเวลาอะไรที่หายากที่สุด? หลายคนคงมีคำตอบว่า “ก็เวลาแห่งความสุขไง”
เพราะโลกวันนี้มีแต่เรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้นแถบทุกนาที เรื่องดี ๆ ไม่รู้หายไปไหนหมด
ยิ่งเรามีสื่อเทคโนโลยีทันสมัยเรื่องราวหลากหลายหลั่งไหล
และเรื่องราวประเภทไหนเล่าที่คนเราจะสนใจ จะพูดถึง คงเป็นเรื่องของคนอื่น
เรื่องของคนดัง โดยเฉพาะเรื่องในด้านมืดในด้านไม่ดี เพราะในความเป็นจริงแล้ว
คนเราก็ชอบที่จะนินทา กล่าวร้ายกันอยู่แล้ว ความทันสมัยจึงเข้าทางพอดีกับจริตของคนส่วนใหญ่
แล้วเราจำเป็นหรือไม่ ที่จะตกไปอยู่ในกระแสข่าว กระแสเรื่องร้ายเหล่านั้น เรื่องดี
ๆ ไม่ใช่ว่าไม่มี มี แต่คนเราไม่ชอบที่จะพูดถึงกล่าวถึง ทั้ง ๆ ที่เรื่องดีก็เกิดขึ้นในแทบทุกนาทีเช่นกัน
ฉะนั้นแล้วเรามาปลูกฝังคุณลักษณะในด้านดีงาม
ด้วยการแบ่งปันกันด้วยเรื่องราวอันงดงาม เช่นเรื่องของคนขับแท็กซี่ที่นำมาแบ่งปันในวันนี้
เป็นเวลาเกือบจะหมดกะรถแท็กซี่ของผมแล้ว แต่ผมก็รับคำสั่งที่ให้ไปรับผู้โดยสารรายหนึ่ง ทั้ง ๆ
ที่ผมก็เหนื่อยล้ามาทั้งวันและใจก็คิดอยากกลับบ้านไปพักผ่อนเหลือเกิน ผมขับแท็กซี่คู่ใจไปถึงที่อยู่ของผู้โดยสาร
ที่โทรเรียกบริการ และบีบแตรรถส่งสัญญาณให้ผู้โดยสารทราบว่าผมมาถึงแล้ว
สองสามนาทีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครออกมา ผมไม่รอช้ารีบบีบแตรซ้ำเพื่อเร่งผู้โดยสาร ผมเกือบจะขับรถหนีไปโดยไม่รับผู้โดยสารที่ชักช้าคนนี้
แต่ผมกลับจอดรถ เดินลงไปที่ประตูบ้านและเคาะประตูเรียก
ภาพ : อินเตอร์เน็ต |
“รอสักครู่นะคะ” มันเป็นเสียงสั่นเครือ ของหญิงชรา
ผมแอบได้ยินเสียงอะไรบางอย่างถูกลากมากับพื้น เสียงเงียบไปพักใหญ่
ประตูบานนั้นก็เปิดออก หญิงร่างเล็กวัยกว่า 90 ปี ยืนอยู่ตรงหน้าผม
ข้างตัวเธอมีกระเป๋าเดินทางที่กรุด้วยผ้าไนล่อนใบหนึ่ง
อพาร์ตเม้นท์ของเธอดูราวกับไม่มีใครอาศัยอยู่มาเป็นแรมปี
เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดถูกคลุมไว้ด้วยผ้าใบ
แต่ที่มุมห้องกลับมีกล่องกระดาษหลายใบที่มีภาพถ่ายเก่าและเครื่องแก้วบรรจุอยู่เต็ม
“พ่อหนุ่ม เธอจะช่วยยกกระเป๋าของฉันไปที่รถหน่อยได้ไหม?” หญิงชราถาม ผมยกกระเป๋าของเธอไปแล้วเดินกลับมาช่วยประคองเธอเดินไปขึ้นรถ
หญิงชราจับมือของผมและเราทั้งสองก็เดินช้า ๆ ไปที่ทางเท้า เธอเฝ้าแต่กล่าวคำขอบคุณในความกรุณาของผม
“มันไม่ใช่เรื่องอะไรใหญ่โตเลยครับ” ผมบอกเธอ...
“ผมก็แค่ปฏิบัติกับผู้โดยสารของผมเหมือนกับที่ผมอยากจะให้ผู้คนปฏิบัติกับแม่ผมเท่านั้นเองครับ”
“โอ้ เธอช่างเป็นเด็กที่ดีจริง ๆ ” หญิงชราตอบ
พอเราไปถึงที่รถแท็กซี่
เธอก็เอาที่อยู่ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่เธอต้องการไปมาให้ผมและถามผมว่า “เธอจะช่วยขับรถผ่านเข้าไปกลางเมืองสักหน่อยได้ไหมจ๊ะ พ่อหนุ่ม”
“แต่นั่นไม่ใช่ทางที่สั้นที่สุดนะครับ” ผมรีบตอบ “ไม่เป็นไรหรอก” เธอตอบ “ฉันไม่ได้รีบร้อนอะไร
ฉันกำลังจะไปบ้านพักคนชรา” ผมแอบมองหน้าเธอทางกระจกมองหลัง ดวงตาหญิงชราเป็นประกาย
“ฉันไม่มีญาติพี่น้องหรือครอบครัวเหลืออยู่แล้ว” เธอพูดต่อด้วยเสียงเบาบาง “หมอบอกว่าฉันคงอยู่ได้อีกไม่นานนัก” ผมค่อย ๆ เอื้อมมือไปปิดมิเตอร์ค่าแท็กซี่ทิ้ง “คุณอยากให้ผมขับพาคุณไปตามถนนสายไหนหรือครับ”
ผมถาม
จากนั้น
เรานั่งรถผ่านกลางเมือง เธอชี้ให้ผมดูอาคารที่ครั้งหนึ่งเธอเคยทำงานเป็นคนคุมลิฟต์
เราขับผ่านละแวกบ้านที่เธอและสามีเคยอยู่อาศัยเมื่อทั้งคู่พบรักและแต่งงานกันใหม่ๆ
และเธอก็ขอให้ผมจอดรถสักครู่ ที่หน้าโกดังโรงงานเฟอร์นิเจอร์
ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานลีลาศที่เธอเคยมาเต้นรำเมื่อครั้งที่ยังเป็นเด็กสาว บางครั้งเธอก็ขอให้ผมขับชะลอรถลงช้า
ๆ เมื่อผ่านหน้าอาคารหรือมุมถนน เธอจะนั่งนิ่ง ๆ
มองผ่านหน้าต่างรถออกไปยังความมืดอันว่างเปล่า โดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ เมื่อแสงตะวันอ่อนแรงลงที่ตรงปลายฟ้า
เธอก็พูดขึ้นทันทีว่า “ฉันเหนื่อยแล้วหล่ะ
เราไปกันเถอะ” เราขับรถเงียบ ๆ ไปยังจุดหมายปลายทางที่เธอให้ไว้กับผม
พนักงานบ้านพักคนชราสองคนออกมาต้อนรับเรา พวกเขาดูใส่ใจกับเธอมาก
พวกเขาคงรอการมาถึงของเธออยู่ก่อนแล้ว ผมเปิดท้ายรถและเอากระเป๋าเดินทางของเธอไปที่ประตู
หญิงชราได้นั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นแล้ว “ฉันค้างจ่ายค่ารถเธอเท่าไร”
หญิงชราถามพร้อม ๆ กับเอื้อมมือเปิดกระเป๋าสตางค์ของเธอ
ภาพ : อินเตอร์เน็ต |
“ไม่ต้องจ่ายอะไรเลยครับ” ผมตอบ “แต่เธอก็ต้องอยู่ต้องกินนะ” หญิงชรากล่าว “ผมยังมีผู้โดยสารรายอื่น ๆ อีกครับ” ผมตอบ โดยแทบไม่ได้คิดอะไรเลย
ผมก้มตัวลงและกอดเธอไว้ในอ้อมแขน หญิงชรากอดผมไว้แน่น “เธอได้มอบเวลาแห่งความสุขเล็ก
ๆ ให้กับคนแก่คนหนึ่ง” เธอพูด “ขอบใจมากนะ” ผมบีบมือเธอแน่นเป็นการร่ำลาและเดินกลับออกไป
เสียงประตูถูกปิดลง มันเป็นเสียงปิดลงของชีวิตชีวิตหนึ่ง ผมไม่ได้รับผู้โดยสารอื่นอีกเลยในกะนั้น
ผมขับแท็กซี่ของผมไปอย่างไร้เป้าหมาย ล่องลอยอยู่ในความคิดของตัวเอง
วันนั้นทั้งวันผมแทบพูดอะไรไม่ถูก มันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหญิงชราคนนั้นต้องพบกับคนขับรถแท็กซี่ขี้โมโห
หรือคนขับที่คิดแต่จะส่งรถให้ทันกะ อะไรจะเกิดขึ้น ถ้าผมปฏิเสธที่จะรับงานนั้น
เพราะมันเกือบจะหมดกะของผมเหมือนกัน หรือถ้าผมแค่กดแตรเรียกเพียงครั้งเดียว
พอไม่มีใครขานตอบผมก็ขับหนีออกไปทันที ผมทบทวนเรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมา ผมคิดไม่ออกว่าผมเคยได้ทำอะไรที่สำคัญกว่านี้มาบ้างหรือเปล่าในชีวิต
เราถูกทำให้เชื่อว่าชีวิตของเราได้รับอิทธิพลจากเหตุการณ์สำคัญที่ยิ่งใหญ่ แต่บ่อยครั้งเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ที่ว่านั้น
มันกลับมาปรากฏต่อหน้าเราอย่างที่เราไม่ทันตั้งตัว และมาปรากฏตัวในรูปที่ถูกห่อไว้อย่างหมดจดงดงามโดยที่คนอื่น
ๆ อาจไม่คิดว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่อะไรเลย (แปลโดย :โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์)
อ่านจบแล้วอย่าลืมให้เวลาทุกนาทีเป็นเวลาแห่งความสุข คืนความสุขให้ทั้งต่อตัวเองและกับผู้อื่นด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น