วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2557

เวลาที่หายากที่สุด

เวลาที่หายากที่สุด
ภาพ : อินเตอร์เน็ต
หากจะตั้งคำถามว่า ในวันนี้ชีวิตเราเวลาอะไรที่หายากที่สุด? หลายคนคงมีคำตอบว่า “ก็เวลาแห่งความสุขไง” เพราะโลกวันนี้มีแต่เรื่องร้าย ๆ เกิดขึ้นแถบทุกนาที เรื่องดี ๆ ไม่รู้หายไปไหนหมด ยิ่งเรามีสื่อเทคโนโลยีทันสมัยเรื่องราวหลากหลายหลั่งไหล และเรื่องราวประเภทไหนเล่าที่คนเราจะสนใจ จะพูดถึง คงเป็นเรื่องของคนอื่น เรื่องของคนดัง โดยเฉพาะเรื่องในด้านมืดในด้านไม่ดี เพราะในความเป็นจริงแล้ว คนเราก็ชอบที่จะนินทา กล่าวร้ายกันอยู่แล้ว ความทันสมัยจึงเข้าทางพอดีกับจริตของคนส่วนใหญ่ แล้วเราจำเป็นหรือไม่ ที่จะตกไปอยู่ในกระแสข่าว กระแสเรื่องร้ายเหล่านั้น เรื่องดี ๆ ไม่ใช่ว่าไม่มี มี แต่คนเราไม่ชอบที่จะพูดถึงกล่าวถึง ทั้ง ๆ ที่เรื่องดีก็เกิดขึ้นในแทบทุกนาทีเช่นกัน ฉะนั้นแล้วเรามาปลูกฝังคุณลักษณะในด้านดีงาม ด้วยการแบ่งปันกันด้วยเรื่องราวอันงดงาม เช่นเรื่องของคนขับแท็กซี่ที่นำมาแบ่งปันในวันนี้

เป็นเวลาเกือบจะหมดกะรถแท็กซี่ของผมแล้ว แต่ผมก็รับคำสั่งที่ให้ไปรับผู้โดยสารรายหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่ผมก็เหนื่อยล้ามาทั้งวันและใจก็คิดอยากกลับบ้านไปพักผ่อนเหลือเกิน ผมขับแท็กซี่คู่ใจไปถึงที่อยู่ของผู้โดยสาร ที่โทรเรียกบริการ และบีบแตรรถส่งสัญญาณให้ผู้โดยสารทราบว่าผมมาถึงแล้ว สองสามนาทีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีใครออกมา ผมไม่รอช้ารีบบีบแตรซ้ำเพื่อเร่งผู้โดยสาร ผมเกือบจะขับรถหนีไปโดยไม่รับผู้โดยสารที่ชักช้าคนนี้ แต่ผมกลับจอดรถ เดินลงไปที่ประตูบ้านและเคาะประตูเรียก
ภาพ : อินเตอร์เน็ต
รอสักครู่นะคะมันเป็นเสียงสั่นเครือ ของหญิงชรา ผมแอบได้ยินเสียงอะไรบางอย่างถูกลากมากับพื้น เสียงเงียบไปพักใหญ่ ประตูบานนั้นก็เปิดออก หญิงร่างเล็กวัยกว่า 90 ปี ยืนอยู่ตรงหน้าผม ข้างตัวเธอมีกระเป๋าเดินทางที่กรุด้วยผ้าไนล่อนใบหนึ่ง อพาร์ตเม้นท์ของเธอดูราวกับไม่มีใครอาศัยอยู่มาเป็นแรมปี เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดถูกคลุมไว้ด้วยผ้าใบ แต่ที่มุมห้องกลับมีกล่องกระดาษหลายใบที่มีภาพถ่ายเก่าและเครื่องแก้วบรรจุอยู่เต็ม
พ่อหนุ่ม เธอจะช่วยยกกระเป๋าของฉันไปที่รถหน่อยได้ไหม?” หญิงชราถาม ผมยกกระเป๋าของเธอไปแล้วเดินกลับมาช่วยประคองเธอเดินไปขึ้นรถ หญิงชราจับมือของผมและเราทั้งสองก็เดินช้า ๆ ไปที่ทางเท้า เธอเฝ้าแต่กล่าวคำขอบคุณในความกรุณาของผม มันไม่ใช่เรื่องอะไรใหญ่โตเลยครับ ผมบอกเธอ... ผมก็แค่ปฏิบัติกับผู้โดยสารของผมเหมือนกับที่ผมอยากจะให้ผู้คนปฏิบัติกับแม่ผมเท่านั้นเองครับ
โอ้ เธอช่างเป็นเด็กที่ดีจริง ๆ หญิงชราตอบ พอเราไปถึงที่รถแท็กซี่ เธอก็เอาที่อยู่ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่เธอต้องการไปมาให้ผมและถามผมว่า เธอจะช่วยขับรถผ่านเข้าไปกลางเมืองสักหน่อยได้ไหมจ๊ะ พ่อหนุ่ม
แต่นั่นไม่ใช่ทางที่สั้นที่สุดนะครับผมรีบตอบ ไม่เป็นไรหรอกเธอตอบ ฉันไม่ได้รีบร้อนอะไร ฉันกำลังจะไปบ้านพักคนชรา” ผมแอบมองหน้าเธอทางกระจกมองหลัง ดวงตาหญิงชราเป็นประกาย ฉันไม่มีญาติพี่น้องหรือครอบครัวเหลืออยู่แล้วเธอพูดต่อด้วยเสียงเบาบาง หมอบอกว่าฉันคงอยู่ได้อีกไม่นานนัก ผมค่อย ๆ เอื้อมมือไปปิดมิเตอร์ค่าแท็กซี่ทิ้ง คุณอยากให้ผมขับพาคุณไปตามถนนสายไหนหรือครับผมถาม
จากนั้น เรานั่งรถผ่านกลางเมือง เธอชี้ให้ผมดูอาคารที่ครั้งหนึ่งเธอเคยทำงานเป็นคนคุมลิฟต์ เราขับผ่านละแวกบ้านที่เธอและสามีเคยอยู่อาศัยเมื่อทั้งคู่พบรักและแต่งงานกันใหม่ๆ และเธอก็ขอให้ผมจอดรถสักครู่ ที่หน้าโกดังโรงงานเฟอร์นิเจอร์ ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานลีลาศที่เธอเคยมาเต้นรำเมื่อครั้งที่ยังเป็นเด็กสาว บางครั้งเธอก็ขอให้ผมขับชะลอรถลงช้า ๆ เมื่อผ่านหน้าอาคารหรือมุมถนน เธอจะนั่งนิ่ง ๆ มองผ่านหน้าต่างรถออกไปยังความมืดอันว่างเปล่า โดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ เมื่อแสงตะวันอ่อนแรงลงที่ตรงปลายฟ้า เธอก็พูดขึ้นทันทีว่า ฉันเหนื่อยแล้วหล่ะ เราไปกันเถอะ” เราขับรถเงียบ ๆ ไปยังจุดหมายปลายทางที่เธอให้ไว้กับผม พนักงานบ้านพักคนชราสองคนออกมาต้อนรับเรา พวกเขาดูใส่ใจกับเธอมาก พวกเขาคงรอการมาถึงของเธออยู่ก่อนแล้ว ผมเปิดท้ายรถและเอากระเป๋าเดินทางของเธอไปที่ประตู หญิงชราได้นั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นแล้ว ฉันค้างจ่ายค่ารถเธอเท่าไรหญิงชราถามพร้อม ๆ กับเอื้อมมือเปิดกระเป๋าสตางค์ของเธอ
ภาพ : อินเตอร์เน็ต
ไม่ต้องจ่ายอะไรเลยครับผมตอบ แต่เธอก็ต้องอยู่ต้องกินนะหญิงชรากล่าว ผมยังมีผู้โดยสารรายอื่น ๆ อีกครับผมตอบ โดยแทบไม่ได้คิดอะไรเลย ผมก้มตัวลงและกอดเธอไว้ในอ้อมแขน หญิงชรากอดผมไว้แน่น เธอได้มอบเวลาแห่งความสุขเล็ก ๆ  ให้กับคนแก่คนหนึ่ง เธอพูด ขอบใจมากนะ ผมบีบมือเธอแน่นเป็นการร่ำลาและเดินกลับออกไป เสียงประตูถูกปิดลง มันเป็นเสียงปิดลงของชีวิตชีวิตหนึ่ง ผมไม่ได้รับผู้โดยสารอื่นอีกเลยในกะนั้น ผมขับแท็กซี่ของผมไปอย่างไร้เป้าหมาย ล่องลอยอยู่ในความคิดของตัวเอง วันนั้นทั้งวันผมแทบพูดอะไรไม่ถูก มันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหญิงชราคนนั้นต้องพบกับคนขับรถแท็กซี่ขี้โมโห หรือคนขับที่คิดแต่จะส่งรถให้ทันกะ อะไรจะเกิดขึ้น ถ้าผมปฏิเสธที่จะรับงานนั้น เพราะมันเกือบจะหมดกะของผมเหมือนกัน หรือถ้าผมแค่กดแตรเรียกเพียงครั้งเดียว พอไม่มีใครขานตอบผมก็ขับหนีออกไปทันที ผมทบทวนเรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมา ผมคิดไม่ออกว่าผมเคยได้ทำอะไรที่สำคัญกว่านี้มาบ้างหรือเปล่าในชีวิต เราถูกทำให้เชื่อว่าชีวิตของเราได้รับอิทธิพลจากเหตุการณ์สำคัญที่ยิ่งใหญ่ แต่บ่อยครั้งเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ที่ว่านั้น มันกลับมาปรากฏต่อหน้าเราอย่างที่เราไม่ทันตั้งตัว และมาปรากฏตัวในรูปที่ถูกห่อไว้อย่างหมดจดงดงามโดยที่คนอื่น ๆ อาจไม่คิดว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่อะไรเลย   (แปลโดย :โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์)

อ่านจบแล้วอย่าลืมให้เวลาทุกนาทีเป็นเวลาแห่งความสุข คืนความสุขให้ทั้งต่อตัวเองและกับผู้อื่นด้วย

ไม่มีความคิดเห็น: