วันศุกร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2557

สูงสุดคือเมตตา

สูงสุดคือเมตตา
ท่ามกลางความขัดแย้งขององค์กรกำกับสื่อกับสื่อช่องหนึ่ง ที่ต่างชิงไหวชิงพริบกันแบบไม่มีใครยอมใคร ฝ่ายหนึ่งซึ่งเป็นผู้กำกับ กำหนดกฎเกณฑ์ แต่ไม่รอบคอบและไร้ความเป็นหนึ่งเดียว ฝ่ายหนึ่งหวังเพียงผลกำไรในทางด้านธุรกิจและมีชั้นเชิงแย่งชิงพื้นที่ สร้างความชอบธรรมให้ตัวเอง ยิ่งสำรวจตรวจข้อเท็จจริง พูดได้เลยว่าต่างฝ่ายต่างก็มีส่วนถูกส่วนผิดด้วยกันทั้งนั้น แต่สิ่งสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องตระหนักถึง อะไรเล่า คือ สิ่งสำคัญสูงสุด เป็นประโยชน์ต่อประชาชนสูงสุด ก็ควรจะกระทำ และทุกฝ่ายควรจะต้องลดราวาศอกกันบ้าง ไม่ใช่ต่างคิดต่างยึดติดพื้นที่ของตน ยืนบนยอดสูงสุดแล้วเที่ยวกวักมือเรียกให้ผู้อื่นมายืนอยู่บนพื้นที่ตน และประกาศว่านี่คือ การทำเพื่อพื้นที่ส่วนใหญ่ของสังคม พูดให้ฟังดูง่ายขึ้นสักหน่อย วันนี้ทุกคนต่างสร้างพื้นที่ของตัวเองให้แข็งแกร่งบนพื้นที่ส่วนรวม เป็นความเห็นแก่ตัวที่เกิดจากจริตที่คิดว่าสิ่งนี้ คือ การทำเพื่อผู้อื่น
ในขณะที่กำลังติดตามข่าวและความเคลื่อนไหวของเรื่องดังกล่าวอยู่ ทำให้นึกถึงเรื่องราวในหนังสือ สามก๊ก ที่แต่ละก๊กต่างตั้งตัวเป็นใหญ่ ภายในก๊กก็มีการทรยศหักหลังกันไปกันมา รบราฆ่าฟันกัน ตายซ้ำตายซ้อน ดูๆแล้วโลกนี้ช่างโหดร้ายเหลือเกิน และดูเหมือนว่าความขัดแย้งนี้มีระบาดทั่วไปยิ่งกว่าเชื้อ อีโบล่า เสียอีก  
และเป็นจังหวะเวลาเดียวกันที่ได้รับ DVD เรื่อง Son of God (บุตรพระเจ้า) เป็นภาพยนตร์ที่ยาวเรื่องหนึ่ง ที่สร้างขึ้นจากมินิซีรี่ย์ชื่อดังอย่าง The Bible ที่เคยถูกเสนอเข้าชิงรางวัล Emmy Award ถึง 3 ปีซ้อน จากผลงานการกำกับของ Christopher Spencer นอกจากนี้ยังได้พระเอกชาวโปรตุเกสชื่อ Diogo Morgado มารับบทเป็นพระเยซู ซึ่งในมินิซีรีย์ The Bible Diogo Morgado ก็รับบทเป็นพระเยซูเช่นกัน  Son of God เข้าฉายในอเมริกาเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2014 แต่ไม่แน่ใจว่าในเมืองไทยเราได้มีการฉายหรือเปล่า ซึ่งเป็นเรื่องราวของพระเยซูเจ้า ตามพระวรสารของนักบุญยอห์น อัครสาวก ที่ได้เสียชีวิตเป็นคนสุดท้ายในบรรดาอัครสาวก  และได้เขียนบันทึกนี้ไว้ในระหว่างถูกเนรเทศ
ภาพยนตร์เรื่องนี้ แม้จะยาวสักหน่อยแต่ก็เป็นการเล่าเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ของพระเยซูเจ้าแบบย่อๆ สิ่งสำคัญที่สุดอยู่ตรงที่พระเยซูเจ้าทรงย้ำเสมอๆว่าพระองค์คือ บุตรของพระเจ้า ซึ่งคำนี้เองทำให้พวกฟาริสี ที่อิจฉาที่เห็นประชาชนมาติดตามพระองค์มากขึ้นเรื่อยๆจึงหาช่องทางตามกฎหมาย กฎศาสนา เมื่อได้ยินคำนี้ พวกเขาจึงนำมากล่าวหา และใส่ความพระองค์ว่าจะตั้งตัวเป็นใหญ่เทียบเท่าพระเจ้า คนมันจะหาเรื่องก็ต้องหาเรื่องจนได้ ซึ่งเป็นธรรมดาของมนุษย์ผู้มีอคติ ขนาดชนชาติเดียวกันแท้ๆยังยอมที่จะให้คนชาติอื่นมาบงการกล่าวโทษ เพียงเพื่อหวังยึดครองพื้นที่เล็กๆของตัวเอง
ในขณะที่ปิลาต คนของโรมันที่ถูกส่งมาปกครองแคว้นยูเดียนี้ ก็มิใคร่เต็มใจที่จะเป็นผู้สั่งการลงโทษประหารพระเยซู ด้วยว่าภรรยาของปิลาตเอง ขอร้องเอาไว้ ด้วยนางฝันถึงความยิ่งใหญ่ ความเป็นผู้ชอบธรรมของพระองค์ แต่ก็อีกนั่นแหละ เพื่อความมั่นคงในอำนาจ ปิลาตจำใจต้องทำตามเสียงเรียกของมวลมหาชนผู้ถูกชักจูงด้วยคำโฆษณาชวนเชื่อ 
เป็นอีกครั้งหนึ่งที่นั่งดูหนังแล้วน้ำตาไหล ทั้งๆที่เรารับรู้มาตลอดถึงความทุกข์ทรมานของพระเยซูเจ้า ที่ทรงเลือกรับผิดเพียงผู้เดียว เพื่อไม่ให้เกิดสงครามกลางเมือง ความเป็นมนุษย์ของพระเยซูผู้น่าสงสาร ที่ถูกทรยศหักหลัง ที่ไม่ยอมสู้ตามวิถีทางการเมืองและการใช้กำลัง แต่เลือกทางแห่ง รักและเมตตา ยิ่งเห็นความเหี้ยมโหดที่คนเราทำต่อกันในทุกยุคทุกสมัย ยิ่งเพิ่มความหดหู่ต่อสันติภาพในโลกนี้ ยิ่งเห็นหัวใจอันยิ่งใหญ่ของแม่พระที่ต้องระทมทุกข์ตั้งแต่แรกที่รู้ว่าจุดจบของลูกชาย บุตรของพระคนนี้จะเป็นเยี่ยงไร เป็นความทรมานอย่างแสนสาหัส แม้จะมีเวลาให้ทำใจอย่างยาวนาน มันก็มิอาจจะทำใจต่อภาพที่เห็นต่อหน้าต่อตาได้เลย
ยิ่งความทรมานใจของพระเยซูเจ้า ในภาพยนตร์ฉายให้เห็นหลายครั้งหลายหน ในขณะที่พระเยซูเจ้าอยู่ท่ามกลางความชื่นชมยินดีของผู้คน พระองค์ก็ทรงเห็นภาพที่อีกไม่นานพระองค์ต้องถูกทรมาน ยิ่งทำให้พระองค์เจ็บปวดมากขึ้น และไม่หลงระเริงไปกับการเป็นที่ชื่นชอบของมหาชน ใช่หรือไม่ บางครั้งการได้มองเห็นอนาคตของตัวเอง รังแต่จะนำความเจ็บปวดมาให้ แต่ทำไมคนเราหลายคนยังต้องการจะเห็นอนาคตของตัวเอง โดยผ่านทางหมอดูดวง หรือเชื่อคำทำนายแบบลมๆแล้งๆ สู้เราทำวันนี้ ทุกเวลาด้วยความมีเมตตาต่อกันจะไม่ดีกว่าหรือ
จากเหตุการณ์ในปัจจุบัน ย้อนกลับไปในอดีต สิ่งที่มนุษย์เรายังคงมีเสมอมา คือ ความโลภ ความเห็นแก่ตัว ความอิจฉา มนุษย์คนหนึ่งที่ถูกทรมานเพียงเพื่อจะประกาศว่า หนทางแห่งรักและสันติ นั้นมิใช่ได้มาด้วยการทำสงครามต่อกัน หากแต่ คือ ความมี เมตตา ต่อกัน ใช่หรือไม่ บางคนต้องการให้พระเยซูต่อสู้กับอำนาจที่กดขี่ แต่พระองค์บอกนั่นไม่ใช่หนทาง อีกฝ่ายหนึ่งมีจิตอคติ คิดกลัวว่าผู้อื่นจะมาแย่งชิงพื้นที่ตน จึงแอบอ้าง กฎเกณฑ์เข้ากดขี่ เอาเปรียบ เพื่อเอาชัย แต่หารู้ไม่ผลของความเห็นแก่ตัวเพื่อครองพื้นที่แบบนั้นเป็นชัยชนะแบบชั่วคราว ไม่เหมือนกับคนที่มีสันติในใจ มีความรักและเมตตาเป็นสิ่งนำชีวิต ชัยชนะแม้จะไม่เห็นทันทีทันใด แต่ผลลัพธ์นั้นกว้างไกลและยาวนาน  เฉกเช่น กางเขน เครื่องทรมานและประหาร วันหนึ่งความชอบธรรมและความเมตตาถูกแขวนถูกตรึงอยู่บนนั้น บัดนี้ กลับกลายเป็นสิ่งที่ช่วยให้โลกนี้บรรเทาทุกข์มากว่าสองพันปี ใช่หรือไม่ บนกางเขน พระเยซูเจ้าถูกตรึงรับความตายเพื่อกางแขนแผ่เมตตามาสู่โลกของเรา นี่คือ ความสูงสุดแห่งชัยชนะ 

ไม่มีความคิดเห็น: