วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2557

มาสร้างแลนด์มาร์คกัน

มาสร้างแลนด์มาร์คกัน
ถ้าพูดถึงการใช้สมาร์ทโฟนในการติดต่อกัน App หนึ่งที่นิยมกันมากสำหรับประเทศไทยคงหนีไม่พ้น Line นอกจากจะเป็นการใช้เพื่อแชทพูดคุยผ่านตัวอักษร ผ่านทางสติ๊กเกอร์แล้ว ยังมีการนำเกมต่างๆมาเชื่อมโยง เล่นร่วมกันได้ในกลุ่มเพื่อน เช่น เกมคุกกี้รัน ที่วิ่งกันเต็มบ้านเต็มเมือง สุขภาพ (นิ้ว) ดีกันทั่วหล้ามหานคร พอวิ่งกันเยอะมากเข้า เที่ยววิ่งไปรบกวน ขอให้คนนั้นคนนี้ช่วย เด้ง ดัง กันทั้งวันทั้งคืน ทำให้เพื่อนฝูงเหนื่อยหน่าย ยกเลิกการเป็นเพื่อนกันก็มากมี
ภาพ : อินเตอร์เน็ต
ต่อมาก็มีคำว่า สร้างแลนด์มาร์ค คำนี้ฮิต เพราะเกม LINE Let’s Get Rich (เกมเศรษฐี) ที่ให้ผู้เล่นทอยลูกเต๋าและซื้อบ้าน ที่ดิน สำหรับการสร้างแลนด์มาร์คในเกมก็คือการแสดงความเป็นเจ้าของ หากเราสร้างแลนด์มาร์คแล้ว ฝ่ายตรงข้ามจะไม่สามารถซื้อขายเมืองของเราได้ ถือว่าเป็นการครอบครองเมืองโดยสมบูรณ์แบบ
ต่อมามีการนำคำว่า สร้างแลนด์มาร์คไปใช้ในความหมายอื่นๆ เพื่อใช้แสดงการจับจองเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ แม้แต่เรื่องการแสดงความรัก ฉันอยากจะสร้างแลนด์มาร์คกับเธอ หรือ เคยเห็นเด็กหนุ่มบางคนที่แอบอู้งานด้วยการบอกเพื่อนๆว่าขอตัวไปสร้างแลนด์มาร์คสักงีบนะ แลนด์มาร์คที่ถูกสร้างเพื่อตัวเอง สร้างสุขให้ตัวเอง แต่เป็นสุขที่ไม่จีรังยั่งยืนเลย และความสุขที่แท้จริงที่ยั่งยืนนั้นควรเป็นเช่นไร วันนี้จึงขอนำคำแนะนำของสมเด็จพระสันตะปาปา ฟรังซิส ที่ทรงเผยเคล็ดลับ 10 ข้อที่จะดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข 
1. ใช้ชีวิตและปล่อยวางกับชีวิต มีคำกล่าวของชาวโรม พูดไว้ว่า แค่ดำเนินชีวิตต่อไปก็เท่านั้น ทุกคนควรจะได้รับการชี้แนะด้วยแนวคิดนี้ แนวคิดที่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็ใช้ชีวิตต่อไป จงดำเนินชีวิตต่อไปข้างหน้า 
2. จงอุทิศตนเพื่อผู้อื่น คนเราจำเป็นต้องเปิดตัวเองและมีความใจกว้างให้กับคนอื่น เพราะถ้าเราถอนตัวจากผู้อื่นและหมกมุ่นกับตัวเอง เราก็มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นพวกอีโก้จัด และน้ำนิ่งก็จะกลายเป็นน้ำเน่าทันที
3. จงดำเนินชีวิตด้วยความสุขุมรอบคอบ มีนิยายเรื่องหนึ่งของอาร์เจนตินา เขียนโดย ริการ์โด้ กุยรัลเดส เขาได้ถ่ายทอดการใช้ชีวิตวัยเด็กของตัวเองว่าเป็นเหมือนสายน้ำที่เชี่ยวกราด พุ่งชนโขดหินทุกอย่างที่ขวางหน้า แต่เมื่อโตขึ้น สายน้ำนี้เปลี่ยนเป็นสายน้ำที่ไหลไปเรื่อยๆ แต่ยังไหลเร็ว พอแก่ตัวลง สายน้ำนี้กลายเป็นน้ำในสระ นิ่ง เฉื่อยๆ  เขาสะท้อนข้อคิดว่า ชีวิตเราก็เหมือนสายน้ำ เราต้องพร้อมเสมอที่จะก้าวไปข้างหน้า แต่มันต้องเป็นการก้าวแบบสุภาพ เอื้อเฟื้อผู้อื่น และใช้ชีวิตแบบสุขุม
4. รู้จักหยุดพักหาเวลาว่างบ้าง จงรู้จักมีอารมณ์ศิลป์ เพลิดเพลินกับวรรณกรรม ที่สำคัญ หาเวลาเล่นกับลูกๆของตัวเองบ้าง เพราะพ่อสังเกตเห็นว่า พ่อแม่หลายคนเริ่มไม่สนใจการเล่นกับลูกๆแล้ว ที่สุดแล้ว เขาก็จะไม่รู้เลยว่า วิธีการเล่นกับลูกต้องทำอย่างไร ดังนั้น พ่อแม่ที่ทำงานมาทั้งวัน ควรหาเวลาเล่นกับลูกๆบ้าง ทุกวันนี้ ลัทธิบริโภคนิยมมีแต่จะนำความกระวนกระวายมาให้เรา มันนำพาความเครียดและทำให้ผู้คนต้องสูญเสียวัฒนธรรมแห่งการหยุดพักไป เวลากินข้าวในครอบครัว ควรจะปิดโทรทัศน์และหันหน้ามาพูดจากัน แม้ว่าโทรทัศน์จะนำเสนอข่าวสารและมีประโยชน์ต่อเราเวลาเรากินข้าว แต่อย่าลืมว่า นี่คือเวลาสำคัญ ฉะนั้น อย่าให้ใครมาแย่งการพูดคุยสื่อสารในครอบครัวไปจากเราเด็ดขาด
ภาพ : อินเตอร์เน็ต
5. วันอาทิตย์คือวันหยุด คนทำงานควรหยุดงานในวันอาทิตย์ เพราะนี่คือวันครอบครัว
6. ค้นหาวิธีการใหม่ๆที่จะสร้างงานที่มีเกียรติให้กับเยาวชน เราจำเป็นต้องสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆให้กับเยาวชน ถ้าพวกเขาขาดโอกาส พวกเขาก็จะหันไปหายาเสพติดและมีสิทธิ์จะฆ่าตัวตาย มันไม่เพียงพอนะที่จะให้อาหารแก่เขาเท่านั้น เพราะงานที่มีเกียรติที่ท่านจะให้เขาต่างหาก ที่จะช่วยเขาให้หาอาหารประจำวันได้
7. จงเคารพและดูแลธรรมชาติ ตอนนี้ ธรรมชาติถูกทำลายและลดคุณค่าลงไปมาก นี่คือความท้าทายสำคัญของเรา
8. หยุดคิดร้าย หยุดให้ร้าย มันจำเป็นมากๆที่จะต้องหยุดนิสัยพวกนี้ การทำแบบนี้คือการแสดงให้เห็นว่าเราไม่ให้เกียรติตัวเองเลย มันสะท้อนว่า เราดูแย่มากๆ เราจึงต้องยกตัวเองให้สูงขึ้นด้วยการกดคนอื่นให้ต่ำลง
9. อย่าบังคับคนอื่นเปลี่ยนศาสนา แต่จงเคารพความเชื่อของผู้อื่น เราสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นได้โดยผ่านทางการเป็นประจักษ์พยาน เมื่อมีการเป็นตัวอย่างที่ดี การพูดคุยสื่อสารก็จะเกิดขึ้น สิ่งเลวร้ายที่สุดคือการบังคับคนอื่นเปลี่ยนศาสนา จำไว้ว่า พระศาสนจักรไม่ได้เติบโตด้วยการบังคับคนอื่นเปลี่ยนศาสนา แต่เราโตด้วยการเป็นประจักษ์พยาน
10. จงทำงานเพื่อสันติภาพ ตอนนี้ เราอยู่ในยุคของสงครามมากมาย เสียงเรียกเพื่อสันติภาพต้องถูกตะโกนออกมา! สงครามมีแต่ทำลาย มันควรพอได้แล้ว (จาก Pope Report)

ภาพ : อินเตอร์เน็ต
นี่เป็นวิธีที่จะช่วยกันสร้างแลนด์มาร์คให้เป็นแฮปปี้แลนด์ ดินแดนที่เราต้องร่วมมือกันสร้างขึ้น อย่ามัวแต่สร้างแลนด์มาร์คของตัวเอง เพราะหากต่างคนต่างยึด จ้อง จอง ที่จะมีพื้นที่ของตัวเองมากขึ้นเท่าใดพื้นที่เพื่อส่วนรวมก็จะลดน้อยลงไปเรื่อยๆ แล้วแลนด์มาร์คที่เรายึดครองก็จะหายไป เหลือไว้แต่แดนทุกข์ทรมาน เรามีชีวิตอยู่ก็เพื่อสร้างพื้นที่ดินแดนแห่งโลกให้น่าอยู่ และสงบสุข หากผู้ใดไม่ทำภารกิจนี้ผู้นั้นก็เป็นคนที่ไม่คู่ควรกับความสวยงามของโลกนี้ 

ไม่มีความคิดเห็น: