วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2557

หนึ่งเดียวคือคำตอบ

หนึ่งเดียวคือคำตอบ
ในทุกย่างก้าวของชีวิต มีสิ่งต่างๆให้เจอะเจอมากมาย จนบางครั้งกลายเป็นความวุ่นวายสับสน บางครั้งดิ้นรนจนแทบตัวมลายหายใจไม่ออก ก็ยังไม่พบหนทางแก้ ทางออกกลับมืดมน เหมือนยิ่งดิ้นก็ยิ่งติด ยิ่งแก้ก็ยิ่งเจ็บยิ่งทุกข์
ภาพ : อินเตอร์เน็ต
หลายคนคงเคยพบเจอเรื่องที่ทำให้น่าแปลกใจมิใช่น้อย ในบางช่วงเวลาเดียวกันเราต้องพบกับสิ่งแย่ๆหลายๆเรื่องมารุมเร้าพร้อมๆกัน เดี๋ยวเรื่องนั้น เดี๋ยวเรื่องนี้  คล้ายกับพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกจนมึนงงทำอะไรไม่ถูก ใจที่นิ่งเท่านั้นจึงจะสามารถพ้นผ่านไปได้ แน่ล่ะ!!! ใครที่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้อย่างน้อยต้องมีท้อ มีบ่น มีทุกข์กันบ้าง หรือหากใครเชื่อเรื่องของดวง โชคลาง คงบอกว่าดวงไม่ดี ต้องไปทำบุญ ทำกุศล ไปสะเดาะเคราะห์ล้างซวย แท้จริง นั่นก็เป็นกุศโลบายอย่างหนึ่ง เพื่อทำให้ใจของเราได้สงบลง เพื่อจะได้มีช่องว่าง ช่องพัก ให้สมองและจิตวิญญาณปรับสมดุลเข้าหากัน   เพื่อให้เกิดความเป็นหนึ่งของชีวิตในการดำรงอยู่อย่างสมบูรณ์
บางครั้งบางช่วงในชีวิตเรารู้สึกตระหงิดๆอย่างบอกไม่ถูก พยายามหาคำตอบในสิ่งที่เราทำ ซึ่งคิดดีแล้ว ใช่แล้ว แต่...พอเมื่อทำไปทำมา เกิดมีอุปสรรค มีความขัดแย้งในจริตตนเอง ก็เกิดคำถาม เกิดความไม่เข้าใจในชีวิต ละเลยในการหาคำตอบและการปรับสมดุลให้เกิดความเป็นเอกภาพ ให้เกิดความเป็นหนึ่งของชีวิต จนสมองไปทาง ร่างกายไปทาง จิตใจเตลิด จิตวิญญาณสูญหาย แล้วก็เที่ยวตั้งคำถามอยู่ร่ำไป มีคำถามในทุกเรื่อง ในทุกเหตุการณ์ ส่วนใหญ่เป็นคำถามที่ต้องการโยนความผิดให้คนอื่นเสียด้วย ประเภทว่ามีแต่บ่น ต่อว่าโน่นนั่นนี่ตลอด ไม่เคยมีคำตอบ คำแนะนำให้ใคร ไม่สนใจความคิดเห็นของผู้อื่น ชอบคิดเองเออเอง แล้วยึดมั่นในสิ่งนั้นคิดว่านั่นเป็นคำตอบ แต่ที่ไหนได้มันเป็นเพียงเหตุผลที่แอบอ้างเพื่อเลี่ยงหลีกมโนสำนึกของเราต่างหาก 
ในสังคมที่มีความสันสบ เนื่องเพราะมีแต่คนไร้หลักยึดเหนี่ยว ยึดแต่สิ่งภายนอก ยึดตำแหน่ง ยศฐาบรรดาศักดิ์ แต่หาได้เข้าใจในภารกิจของตำแหน่งนั้นไม่ เหมือนกับเรื่องเล่าของแพทย์สงครามคนนี้...
       ยังมีแพทย์สงครามผู้หนึ่ง ทำหน้าที่รักษาเหล่าทหารที่บาดเจ็บในสมรภูมิรบมานับไม่ถ้วน ทหารหลายรายได้รับการรักษาจากแพทย์สงครามจนหายดี แต่กลับไปเสียชีวิตกลางสนามรบก็มีไม่น้อย
เหตุการณ์เหล่านี้วนเวียนไป จนกระทั่งนานวันเข้าแพทย์สงครามค่อยๆ สั่งสมความทุกข์ขึ้นในจิตใจจนถึงที่สุด เขาเอาแต่ครุ่นคิดว่า
“หากทหารที่ตายในสนามรบเหล่านั้นชะตาขาดอยู่แล้ว เหตุใดต้องมาให้ข้ารักษาจนหายก่อนค่อยไปตายอีก และหากข้ารักษาคนเจ็บจนหายดีแต่สุดท้ายเขาต้องกลับไปตายในสงคราม เช่นนั้นวิชาแพทย์ของข้าจะมีความหมายอันใด”
เมื่อคิดถึงตอนนี้ เขาจึงรู้สึกว่าการเป็นแพทย์สงครามนั้นช่างไร้ค่าสิ้นดี
แพทย์สงครามไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ จึงตัดสินใจออกเดินทางขึ้นเขาไปพบอาจารย์เซน และบอกเล่าถึงความทุกข์ใจของตนเอง ทั้งยังถามอาจารย์เซนว่า หากเหตุการณ์ยังวนเวียนอยู่เช่นนี้ต่อไปเขายังจะดำรงอาชีพเป็นแพทย์สงครามไปทำไม?
เขารั้งอยู่บนยอดเขากับอาจารย์เซน ผ่านวันเวลาเนิ่นนานในการหาคำตอบ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาจึงได้กลับลงเขามาเป็นแพทย์สงครามเช่นเดิม เนื่องจากเขาค้นพบคำตอบของคำถามนี้แล้ว
แพทย์สงครามกล่าวกับตนเองว่า
“ที่ข้าต้องทำหน้าที่ต่อไป เนื่องเพราะข้าคือแพทย์ผู้หนึ่งอย่างไรเล่า” (จากนิทานเซนคติสอนใจของจีน)
หากเราเข้าใจในภารกิจที่เรามี เราเป็น เราย่อมไม่มีความสงสัย และหากวันใดที่เราเกิดความสงสัย ตั้งคำถามแล้ว ต้องพยายามพบกับคำตอบให้ได้ อย่าปล่อยให้ชีวิตมีแต่คำถามอยู่ร่ำไปโดยมิเคยแสวงหาคำตอบ
ในวันนี้ที่สังคมมักยึดโยงวัตถุเป็นสรณะในชีวิต ความเป็นหนึ่งในชีวิตผู้คนขาดหาย เพราะวันๆ ล้วนแต่มีชีวิตอยู่บนความอยากได้ใคร่มีอย่างมิมีที่สิ้นสุด แล้วยังเที่ยวละลานใช้ความอยากไปบังคับให้คนอื่นต้องเป็นเหมือนดั่งเราด้วย และที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ เรากำลังสร้างค่านิยม ขอบ่นไปทุกเรื่อง ติไปทุกด้าน เห็นอะไรนิดที่ผิดจริตตนก็ติ ก็ว่า มีแต่ติไม่เคยมีทางออกให้ใคร อยากได้นั่นได้นี่อยากให้สังคมเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ แต่ไม่เคยคิดสร้างสรรค์ หรือทำตัวเองเป็นอย่างที่ใจต้องการ การกระทำลักษณะนี้รังแต่นำความแตกแยก ขัดแย้ง มาสู่ตนเองและสังคมโดยรวม

ความเป็นหนึ่งเดียวกัน ความสามัคคีของคนในสังคมจะมีได้ ต้องเป็นสังคมที่มีคำตอบบ้าง อย่าได้แต่เฝ้าถามอย่างเดียว น้ำแต่ละหยดต่างที่ต่างถิ่นเมื่อไหลมารวมกัน ย่อมเป็นลำธาร สายน้ำใหญ่ เป็นต้นธารสู่มหาสมุทรสุดไพศาลฉันใด ความเป็นหนึ่งในตัวตนคนดีของเรา เมื่อหลอมรวมกัน ย่อมนำไปสู่สังคมที่เข้มแข็งฉันนั้น ใช่หรือไม่ ในวันที่ประเทศชาติเราต้องการความเป็นหนึ่งเดียว ต้องการความสามัคคี ต้องการเริ่มต้นเดินออกจากความขัดแย้ง สลายสีสลายขั้ว ไม่มัวเมาจมอยู่กับอุดมการณ์ทางการเมืองเพียงอย่างเดียวนี้นั้น เราแต่ละผู้คนต้องเข้าใจในภารกิจหน้าที่ที่เราทำอยู่ แล้วทำมันให้สุดกำลังความสามารถ เอาเวลาที่เฝ้าถามคำถามต่อคนนั้นต่อคนนี้ มาทำให้เกิดประโยชน์จะดีกว่า ร่วมกันสร้าง คืนความเป็นหนึ่งเดียวในชาติบ้านเมืองให้ได้ นี่ คือ คำตอบของเราทุกคน ณ เวลานี้...

ไม่มีความคิดเห็น: