วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2557

กินเพื่อ...

กินเพื่อ...
ฟุตบอลโลก 2014 ที่ประเทศบราซิล เริ่มต้นแข่งขันมาได้ 2 สัปดาห์แล้ว และก่อนหน้าที่จะเริ่มแข่งขัน ดูเหมือนไม่ค่อยจะคึกคักเหมือนกับในทุกๆครั้งที่ผ่านมา อาจจะเป็นเพราะสถานการณ์บ้านเมืองช่วงนั้นไม่เอื้ออำนวย อาจจะเป็นเพราะเรื่องของลิขสิทธิ์ว่าจะถ่ายทอดกันอย่างไง ช่องไหน จะดูจะชมกันอย่างไร หรือเป็นเพราะการประท้วงของชาวบราซิลหลายหมื่นคนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่นำเงินก้อนมหาศาลไปลงทุนในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันครั้งนี้  แต่เมื่อวันเวลาเปิดการแข่งขันมาถึง ทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มคลี่คลาย แม้จะยังไม่เรียบร้อยหมดสิ้นเสียเลยทีเดียว

ภาพ : อินเตอร์เน็ต


ฟุตบอล คือ กีฬาที่คน 22 คนวิ่งแย่งลูกกลมใบเดียว เป็นสิ่งที่สร้างสีสันให้กับโลกขึ้นมาได้บ้างในช่วงเวลานี้ และเนื่องจากเวลาในประเทศไทยต่างกันกับประเทศบราซิลมาก การถ่ายทอดสดจึงตรงกับช่วงดึกๆ เลยไปจนถึงรุ่งเช้า ทำให้หลายคนอดหลับอดนอนเพื่อตื่นมาดูกีฬาแห่งมนุษยชาตินี้ นำมาซึ่งข่าวเศร้า มีชายชาวจีนอย่างน้อย 3 คนเสียชีวิตอันเนื่องจากอดนอนจากการดูฟุตบอลโลกตลอดคืนเป็นเวลาหลายๆวันติดต่อกัน เป็นสิ่งที่ย้ำเตือนคอกีฬาให้เลือกคู่ที่ใช่ดูคู่ที่ชอบที่เชียร์ก็คงพอกระมัง แล้วที่สำคัญ อย่าทำให้เกมแย่งลูกกลมๆนี้มีผลทำให้เสียการเสียงานกันนะครับ
เมื่อพูดถึงการดูฟุตบอลโลกในช่วงเวลาดึกๆ ทำให้คิดถึงคำพูดของหลายคนที่บอกว่า “เพื่อไม่ให้หลับในการรอชมนั้น ต้องเตรียมหาของกินเอาไว้ด้วย” เรียกได้ว่าดูบอลไปกินขนม กินน้ำอัดลม กินเบียร์ กินอะไรต่อมิอะไรไป พอจบเทศกาลบอลโลก สู่เทศกาลบวมโรคแทน ถ้าเป็นแบบนี้เราต้องพึงระมัดระวังเอาไว้ เพราะความจริงในเวลากลางคืนกระเพาะอาหารก็ต้องการเวลาหยุดพัก ลำไส้ อวัยวะต่างๆที่ใช้ย่อยอาหารก็ควรจะพัก ใช่หรือไม่ พอเรากินเข้าไปในช่วงดึกๆเหมือนเป็นการบังคับให้อวัยวะเหล่านั้นตื่นมาทำ OT เมื่อทำแล้วก็ทำต่อเนื่องทั้งวันทั้งคืนย่อมมีผลเสียต่อร่างกาย 
ภาพ : อินเตอร์เน็ต
การกินของเราแต่ละคนโดยปกติแล้วก็จะเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเราเป็นคนอย่างไร ดังมีสำนวนว่า You Are What You Eat ที่นิยมพูดติดปากของคนทั่วโลกมานานกว่าทศวรรษ แต่เหมือนรู้ทั้งรู้ว่าการกินดีช่วยสร้างประโยชน์ให้มีสุขภาพแข็งแรงได้อย่างไร แต่คนทั่วไปก็ยังกินตามใจปากอยู่นั่นเอง นับเป็นอันตราย เป็นผลร้ายต่อสุขภาพ ที่ทำให้ยอดผู้ป่วยด้วยโรคความดันโลหิต โรคหัวใจ โรคไขมันในเลือด เบาหวาน ฯลฯไม่ลดลงเสียที 
“You are what you eat” หรือแปลเป็นไทยแบบง่ายๆ ว่า คุณกินอะไรเข้าไป คุณก็เป็นอย่างนั้น เมื่อสังคมมนุษย์ให้ความสำคัญกับการกินเป็นอย่างมาก การตลาดเพื่อส่งเสริมการกินจึงตามมา มีประโยคใหม่ที่ว่า “You eat what you see!” มีความหมายว่า คุณ เห็น แค่ไหน คุณก็กินเข้าไปเท่าที่คุณเห็นนั่นแหละ!มีการทำห่อผลิตภัณฑ์ให้สวยงาม เพิ่มปริมาณให้เยอะขึ้นแต่ลดคุณภาพลง พวกขนมขบเคี้ยวและน้ำอัดลมที่วางขายกันทั่วๆไป ที่ตอนนี้ต่างก็มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เรียกว่าใหญ่ไปพร้อมๆ กับคนกิน (พุงใหญ่) โดยคนกินไม่รู้ตัว!
สำหรับในประเทศไทยแล้ว กระทรวงสาธารณสุขเผยผลสำรวจมาว่า ปัจจุบันประชากรไทย 1 ใน 4 คนเป็นโรคอ้วน และส่วนมากคนเหล่านี้มักจะอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร และหัวเมืองใหญ่ๆมากกว่าในชนบท ทั้งนี้ ความอ้วนดังกล่าวมีสาเหตุหลักมาจากการเลือกรับประทาน โดยคำนึงถึงความอร่อยมากกว่าคุณค่าทางโภชนาการ เรียกว่าดูที่หน้าตามากกว่าคุณค่าทางโภชนาการ
การกินอาหารของแต่ละคนก็มีวัตถุประสงค์แตกต่างกันไป บางคนกินเพื่อมีชีวิตอยู่ กินเพื่อประทังความหิว กินเพื่อต่อลมหายใจ มีไม่น้อยอยู่เพื่อกิน กินแบบโลภ กินเพื่อความเอร็ดอร่อย กินบ่อยๆเพราะสนุกปาก เราไม่ได้คำนึงถึงแล้วว่ากินอะไรเข้าไปก็เป็นอย่างนั้น เรากินเพื่อกิน กินเพื่อเสพ โดยหลงลืมเป้าหมายหลักของการกิน
เราต้องลองหันกลับมาให้ความสำคัญว่าเรากินอะไร และมีสำนึกคิดว่าสิ่งที่กินนี้เพื่ออะไร เรากินสิ่งดีๆเพื่อตัวเองมากเกินไปมั๊ย เราควรเลือกกินสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เราควรกินเพื่อดูแลร่างกายให้แข็งแรงสมบูรณ์ เพื่อจะได้มีพละกำลังในการทำหน้าที่การงาน การกินจึงมีความหมายต่อเราทุกคน
การปลูกฝังการกินอย่างเน้นคุณค่า เป็นการพัฒนาชีวิตอีกรูปแบบหนึ่ง เป็นการเคารพต่อร่างกาย อันเป็นที่ประทับของพระเจ้า หากเราบ่มเพาะนิสัยการกินไม่เลือก กินไม่รู้เวลา เราก็จะกลายเป็นคนไร้วินัยในหลายๆเรื่อง

ภาพ : อินเตอร์เน็ต
วันนี้พระเยซูคริสตเจ้าเชื้อเชิญเรา ให้เข้ามารับพระวรกายและพระโลหิตของพระองค์ เพื่อให้สองสิ่งนี้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา เพื่อเราจะได้ดำเนินชีวิตตามแบบอย่างพระองค์ผู้สละเลือดเนื้อเพื่อผู้อื่น ในสังคมที่ทุกคนกินเพื่อตัวเอง เสพสุขเพียงลำพังฝ่ายเดียว ไร้การเหลียวแลผู้อื่น บริโภคจนอ้วนจนล้นเช่นนี้ การมารับศีลมหาสนิทอันเป็นเครื่องหมายถึงการรับพระคริสตเจ้าให้สนิทอยู่กับเรานั้นก็น่าจะทำให้เราได้ข้อคิดว่า ศีลแผ่นเล็กๆนี้มีพลังก่อให้ใจเราเข้มแข็ง เมื่อเรารับประทานเข้าไปแล้ว เราต้องแสดงพระคริสตเจ้าในตัวเราออกมาด้วย ก่อให้เกิดประโยชน์กับตัวเรา ทำประโยชน์แก่ผู้คนรอบข้าง “จงรับเอานี่ไปกินให้ทั่วกัน” คำนี้ควรจะสะท้อนอยู่ในชีวิตจริงของเรา “จงรับไปแบ่งปันให้ทั่วๆกัน” เป็นการบ่งชี้ให้เห็นถึงพระวรกายของพระคริสตเจ้าผ่านทางตัวเรา อย่าได้คิด “รับ” และ “เก็บ” ไว้เพียงคนเดียวเลย โลกยังกระหายการแบ่งปันอยู่เสมอๆ

ไม่มีความคิดเห็น: