วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2557

บทสนทนาว่าด้วยความเชื่อของนักวิทยาศาสตร์

บทสนทนาว่าด้วยความเชื่อของนักวิทยาศาสตร์
ศาสตราจารย์ : เธอเป็นชาวคริสต์ใช่มั้ย อัลเบิร์ต     นักศึกษา : ใช่ครับ 
ศาสตราจารย์ : แล้วเธอเชื่อใน พระเจ้ารึเปล่า       นักศึกษา :  แน่นอนครับ 
ศาสตราจารย์ : พระเจ้าเป็นผู้ดีงามใช่หรือไม่           นักศึกษา : แน่สิครับ 
ศาสตราจารย์ : พระเจ้าทรงอำนาจที่สุดใช่มั้ย           นักศึกษา : ครับ 
ศาสตราจารย์ : น้องชายของอาจารย์เสียชีวิตไปด้วยโรคมะเร็ง ทั้งที่เขาวิงวอนขอให้พระเจ้าช่วยรักษาเขา มนุษย์เราล้วนพยายามช่วยเหลือผู้อื่นที่ป่วยไข้ แต่พระองค์ท่านกลับไม่ช่วยอะไร เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วพระเจ้าจะเป็นผู้ดีงามได้อย่างไรล่ะ?      (นักศึกษาเงียบ...) 
ศาสตราจารย์ : ตอบไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ? งั้นใครคือผู้สร้างความชั่วร้ายขึ้นมา?    (นักศึกษาไม่ตอบอะไรออกมา...) 
ศาสตราจารย์ : ความป่วยไข้ ไร้มนุษยธรรม ความชิงชัง ความน่ารังเกียจ โลกนี้เต็มไปด้วยสิ่งที่เลวร้ายเหล่านี้ใช่มั้ย         นักศึกษา :  ใช่ครับ 
ศาสตราจารย์ : งั้นใครสร้างสิ่งเหล่านั้นขึ้นมา?    (นักศึกษาไม่มีคำตอบให้) 
ศาสตราจารย์ : ในทางวิทยาศาสตร์นั้น คนเรามีประสาทสัมผัสทั้ง 5 เอาไว้สังเกตและเรียนรู้สิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวเรา ไหนลองบอกอาจารย์สิว่า เธอเคยเห็นพระเจ้ารึเปล่า  
นักศึกษา : ไม่เคยครับ 
ศาสตราจารย์ : เธอเคยได้สัมผัสของพระเจ้าด้วยประสาททั้ง 5 รึเปล่า    
นักศึกษา : ก็ไม่เคยครับ 
ศาสตราจารย์ : แล้วเธอยังจะเชื่อในพระองค์ท่านอีกงั้นรึ   
นักศึกษา : ใช่ เพียงเพราะผมมีความเชื่อ 
ศาสตราจารย์ : ช่าย... ความเชื่อนี่แหละที่เป็นตัวปัญหาของวิทยาศาสตร์       
นักศึกษา : อาจารย์ครับ โลกนี้มีความร้อนอยู่มั้ย     ศาสตราจารย์ :  มีสิ 
นักศึกษา : แล้วโลกนี้มีความเย็นอยู่มั้ย           ศาสตราจารย์ : แน่นอน 
นักศึกษา : ผิดครับ ความเย็นไม่มีอยู่จริง.....  (ห้องเรียนถึงกับเงียบสงัดเมื่ออาจารย์โดนนักศึกษาคนนี้ดักเข้าให้) 

นักศึกษา : อาจารย์ครับ เราสามารถมีความร้อนเท่าใดก็ได้ ยิ่งร้อน โคตรร้อน ร้อนสุดๆ ร้อนจนสูญสลาย หรือจะมีความร้อนเล็กน้อย จนกระทั่งไม่มีความร้อนเลย แต่เราไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความเย็นอยู่ครับ เราสามารถสร้างสภาวะติดลบ 458 องศาฟาเรนไฮต์ที่ไร้ซึ่งความร้อนอยู่เลยได้ แต่เราไม่สามารถลบไปได้มากกว่านั้น ความเย็นไม่มีอยู่จริงครับ มันก็แค่คำที่เราใช้เรียกภาวะที่มีความร้อนน้อย เราไม่สามารถวัดค่าความเย็นได้ ความร้อนเป็นพลังงานครับ แต่ความเย็นไม่ใช่สิ่งที่ตรงกันข้ามกับความร้อนหรอกครับ มันก็แค่การปราศจากความร้อนเท่านั้นเอง 
(เสียงหมุดเล่มหนึ่งตกลงท่ามกลางความเงียบงันของห้องเรียนรวม) 
นักศึกษา : แล้วความมืดล่ะครับอาจารย์? ความมืดมีอยู่จริงมั้ย  
ศาสตราจารย์ :  จริงสิ ถ้าไม่มีความมืด แล้วจะเกิดกลางคืนได้อย่างไร
นักศึกษา : ผิดอีกครับ ความมืดก็คือภาวะที่ปราศจากบางสิ่งบางอย่าง เราสามารถหรี่แสง ทำแสงปกติ ทำแสงจ้า ทำแสงสว่างวาบ แต่ถ้าไม่มีแสงอยู่เลย ก็จะไม่มีสิ่งใด และเราก็เรียกมันว่าความมืดไม่ใช่เหรอครับ? ความมืดน่ะไม่มีอยู่ในความเป็นจริง เพราะหากมันมีอยู่จริงแล้ว เราก็ต้องสร้างภาวะที่มืดมิดขึ้นไปเรื่อยๆ ได้สิครับ
ศาสตราจารย์ : ประเด็นของเธอคืออะไรกันแน่            นักศึกษา :  อาจารย์ครับ ประเด็นของผมคือแนวคิดในสมมติฐานของอาจารย์บกพร่อง 
ศาสตราจารย์ : บกพร่อง? ไหนลองว่ามาสิ       นักศึกษา :  อาจารย์คิดอยู่บนแนวคิดคู่ขนาน อาจารย์อภิปรายว่าเมื่อมีชีวิตแล้วก็ย่อมมีความตาย มีพระเจ้าที่ดีและพระเจ้าที่ร้าย อาจารย์มีมโนคติสำหรับพระเจ้าในฐานะสิ่งที่มีขอบเขตจำกัดตายตัว สิ่งที่เราสามารถวัดได้ อาจารย์ครับ วิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายความคิดได้ด้วยซ้ำ มันมีกระแสไฟฟ้าและอำนาจแม่เหล็ก แต่เราก็ไม่เคยเห็นมัน เราแทบไม่เข้าใจมันเลยด้วยซ้ำ การมองว่าความตายคือด้านตรงข้ามของการมีชีวิต ก็คือการมองข้ามข้อเท็จจริงที่ว่าความตายไม่สามารถดำรงอยู่อย่างเป็นเอกเทศได้ครับ ความตายไม่ใช่ด้านตรงข้ามของการมีชีวิต ก็แค่ภาวะปราศจากชีวิตเท่านั้น ตอนนี้บอกผมหน่อยสิครับอาจารย์ คุณสอนพวกผมว่ามนุษย์วิวัฒนาการมาจากลิงใช่มั้ย
ศาสตราจารย์ : ถ้าเธอกำลังพูดถึงในแง่วิวัฒนาการตามธรรมชาติ มันก็ใช่แน่นอน ฉันสอนแบบนั้น         นักศึกษา : อาจารย์เคยเห็นวิวัฒนาการที่ว่านั้น กับตาตัวเองรึเปล่าครับ
(ศาสตราจารย์ส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม เขาเริ่มรู้ตัวว่ากระแสการสนทนาจะไปในทิศทางใด) 
นักศึกษา : ทั้งที่ไม่มีใครเคยเห็นขั้นตอนการวิวัฒนาการ และพิสูจน์ไม่ได้ด้วยซ้ำว่าขั้นตอนเหล่านี้มันยังคงดำเนินไปเรื่อยๆ หรือไม่  (ความเงียบเข้าปกคลุมห้องเรียนอีกครั้ง แล้วอาจารย์ก็จ้องมองไปยังนักศึกษาคนนั้น ด้วยสีหน้าที่ไม่อาจเข้าใจความนึกคิดได้) 
ศาสตราจารย์ : อาจารย์ว่า ก็คงต้องทำให้พวกเขาเชื่อถือให้ได้ล่ะ   
นักศึกษา : ใช่แล้วครับ.... ถูกต้องแล้ว! สิ่งที่เชื่อมระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า ก็คือความเชื่อ และนั่นก็คือสิ่งที่ทำให้ทุกชีวิต ดำเนินต่อไปได้ 
นักศึกษาคนนั้นชื่อเต็มๆ ว่า อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

คงได้รับสิ่งดีๆ จากหลักคิดของนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังของโลก ที่เชื่อในพระเจ้าอย่างสุดจิตสุดใจ วิทยาศาสตร์เป็นเพียงความรู้แขนงหนึ่งซึ่งไม่อาจจะเปรียบกับความยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้สร้างได้เลย

ไม่มีความคิดเห็น: