วันเสาร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2557

เราเป็นใครในครั้งนั้น

เราเป็นใครในครั้งนั้น
ในเส้นทางสู่ปัสกา ชัยชนะเหนือความตายของพระเยซูเจ้านั้น มีผู้คนมากมายเข้ามาเกี่ยวข้อง เข้ามาร่วมอยู่ในเหตุการณ์ ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ หลายคนจงใจทำร้ายทำลายพระองค์ หลายคนมิได้มีเจตนา บางคนทำไปเพราะหน้าที่ บางคนทำไปเพราะสัญชาตญาณ บางคนแค่เพียงผ่านมาพบเห็น บางคนมีอารมณ์ร่วมสาธารณะ ในรอบปีหนึ่งๆที่ผ่านมาแล้วผ่านไป หากมองย้อนกลับไปเราก็คงเหมือนใครหลายๆคนที่ได้ร่วมในเส้นทางแห่งความตาย แห่งความทุกข์ของบุคคลอื่น

ปิลาโต : ผู้ตัดสินประหารชีวิตพระเยซูเจ้า โดยมอบให้พวกชาวยิวไปจัดการตรึงกางเขนกันเอง หลังจากตัดสินแล้ว เป็นความเชี่ยวทางการเมืองอีกชนิดหนึ่ง ที่เอาใจฝูงชนผู้กำลังบ้าคลั่งทำตามคำยุยง แล้วหาทางออกพ้นผิดด้วยการโยนภาระมัดมือคนอื่นแทนตนเอง ใช่หรือไม่ บ่อยครั้งเราก็มักเป็นเช่นปิลาโตที่ตัดสินผู้อื่นด้วยความรู้สึก เพื่อปกป้องตัวเอง ตัดสินแล้วก็ไม่สนใจถึงความถูก - ผิด ไม่รับผิดชอบในคำตัดสิน และโยนให้คนอื่นรับผิดชอบต่อแบบหน้าตาเฉย คนเราทุกคนมีสัญชาตญาณในการป้องกันตัวเองอยู่แล้ว จึงมักไม่ยอมให้ตัวเองต้องเป็นคนผิดหรือเมื่อทำผิดก็พยายามหาเหตุหาผลมาลบล้าง และทางที่ดีที่สุดนั่นคือ การชิงความได้เปรียบด้วยการรีบตัดสินคนอื่นก่อนที่จะถูกคนอื่นตัดสิน
บรรดาสมณะ : ผู้อิจฉาพระเยซูเจ้า จึงจ้องจับผิด จ้องที่จะทำร้ายชื่อเสียงพระองค์ในทุกรูปแบบ จนกระทั่งทำให้ตายไปข้างหนึ่ง ความเจ็บปวดของโลกมนุษย์เรานั้น ส่วนหนึ่งเกิดมาจากความอิจฉาตาร้อน เห็นคนอื่นดีกว่าตนไม่ได้ เมื่ออิจฉาแล้วไฟที่รุ่มร้อนก็จะลุกโชกโชนเผาไหม้กลายเป็นความเกลียดชัง ใครเล่าเกิดมาไม่เคยอิจฉา แต่มีคนไม่น้อยที่ปล่อยให้ความอิจฉาเป็นเครื่องนำพาไปสู่ความโหดร้าย หากเราใช้ความใจเย็นราดรดไฟเพลิงแห่งความอิจฉา ความแก่งแย่งแข่งขันก็จะน้อยลง เรายังเป็นเช่นพวกสมณะในครั้งนั้นในวันนี้อยู่หรือเปล่า
ฝูงชน : ผู้ไหลตามกระแส กลุ่มคนที่ตะโกนให้ตรึงกางเขนพระเยซูเจ้า คงมีไม่น้อย คือคนที่ไปแห่แหนต้อนรับพระองค์ในวันที่พระองค์เสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็ม คนเราถ้าได้รวมกลุ่มกัน มีความเชื่อความศรัทธาคล้ายๆกัน ย่อมง่ายมากที่จะถูกโน้มนำให้ทำตามๆกันไป พอได้ยินใครพูดอะไรนิดอะไรหน่อยก็พลอยคล้อยเชื่อตามไป และก็กลายเป็นหนึ่งที่ถูกนำไปแอบอ้างเพื่อผลประโยชน์ของฝ่ายผู้นำเสมอๆ ในยุคที่เรามีโลกกว้าง กระแสธารแห่งข่าวสารที่ใหญ่โต มีเครื่องมือชั้นเลิศที่จะเข้าถึงข้อมูล แต่เรามักจะถูกกระแสแรกรับจู่โจมโหมให้เชื่อและทำตามก่อนเสมอๆ เมื่อเชื่อและก็พร้อมทำตามใครว่าอะไรก็ว่าด้วย มีไม่น้อยที่เราเป็นเหยื่อแห่งการตัดสินลงโทษคนอื่นโดยมิได้รับข้อมูลตามความจริงมาไตร่ตรองอย่างรอบคอบ เพราะอารมณ์ในกระแสแรงกว่าเหตุผลทางคุณธรรม
คนใจงามหลายคน : ในระหว่างทางกางเขนที่ต้องทนแบกรับ พระเยซูเจ้าได้พบเจอหลายคนที่แทบไม่ได้มักคุ้นกันมาก่อน แต่มีน้ำใจ มีความสงสาร ให้ความบรรเทา ช่วยแบกกางเขน และร่วมเดินเคียงข้างเป็นกำลังใจอย่างเงียบๆ เราคงเคยได้รับสิ่งเหล่านี้มาบ้าง และในบางครั้งเราก็อาจจะเป็นคนทำอย่างนั้นให้ใครมาบ้างตามเส้นทางการดำเนินชีวิต มันเป็นความรู้สึกสุขที่เราได้ทำให้ใครบางคนได้บรรเทาทุกข์ลงบ้าง ไม่จำเป็นต้องมาคุ้นเคย มาสนิทเป็นเพื่อนมิตรสหายกัน การช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆอาจจะสร้างรอยสุขได้มากกว่าคนสนิทที่ทำรอยทุกข์เล็กๆให้เกิดขึ้นเป็นไหนๆ ในโลกที่เต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว แต่ในตัวเราแต่ละคนนั้นมีซอกเล็กๆแห่งความเมตตาอยู่เสมอ นำออกมาใช้บ้าง เพื่อลบรอยความเห็นแก่ตัวให้หดหายไปบ้าง
แทบเชิงกางเขนเหลือเพียงไม่กี่คนที่อยู่กับพระองค์ โยเซฟ ชาวอริมาเทีย : ผู้ที่ชื่นชอบพระองค์แต่แสดงออกมาไม่ได้ อันเนื่องเพราะหน้าที่การงานที่ไม่เอื้ออำนวย ได้ช่วยเหลือจัดการเรื่องหลุมฝังศพให้พระองค์อย่างเรียบร้อย ในชีวิตจริงของคนเรามักเจอคนหลากหลายประเภท เพื่อนฝูง เพื่อนกิน เพื่อนเที่ยวนั้นมีเยอะ พอเอาเข้าจริง เจอทุกข์จริง เจ็บตัวจริง เพื่อนฝูงก็คงเหลือไม่มาก ในมุมกลับกันเราเป็นเพื่อนร่วมทุกข์กับใครบ้างเล่า และถึงแม้มิได้สนิทถึงขั้นเป็นเพื่อน เราเคยทำอะไรให้กับคนที่เราชื่นชอบบ้างไหม เราไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นก็ได้ ทำอย่างเงียบๆช่วยจัดการความทุกข์ให้กับผู้อื่นโดยมิต้องโอ้อวด เราผ่านสิ่งเหล่านี้มาบ้างหรือยัง
ในรุ่งเช้า ทหารยาม : ผู้ที่ยืนเฝ้าหน้าอุโมงค์หลุมศพพระเยซูเจ้า ที่ยืนอยู่ดีๆหลุมศพเปิดออกเอง แผ่นหินใหญ่ขนาดนั้นจะเคลื่อนได้ง่ายๆคงเป็นไปไม่ได้ เห็นแล้วถึงกับตกใจวิ่งหนี ในชีวิตจริงเราบางครั้งมีอัศจรรย์เกิดขึ้นมากมายอย่างที่เราไม่ทันได้ตั้งตัว แทนที่จะดีใจ ขอบคุณที่ได้พบเห็น เรากลับหันหลังให้ มีบ้างบางครั้งถึงกับหนีหายไป เรามักจะสวดอ้อนวอนขออัศจรรย์ ให้เห็นจะๆไป พระเจ้าอาจจะบอกกับเรามาว่า “เราทำให้แล้วไง ทำไมท่านมองไม่เห็นล่ะ”  อัศจรรย์ที่เกิดขึ้นจากคำพูดน่ารักๆของลูกๆหลานๆ อัศจรรย์ของวันเวลาที่แสงแห่งวันเกิดขึ้นเสมอๆ และอื่นๆอีกมากมายในนามความงดงาม
มารีย์วิ่งนำหน้าเปโตร : มาที่หลุมฝังพระศพ เปโตรผู้ปฏิเสธพระเยซูเจ้า สำนึกผิดมาเฝ้ารอพระองค์พร้อมกับเหล่าอัครสาวกและคนใกล้ชิดพระเยซูเจ้า เมื่อรู้ว่าพระองค์กลับคืนชีพจริงเปโตรถึงกับเข่าอ่อน วิ่งแทบไม่ไหว คนที่เราปฏิเสธ คือ พระเจ้าจริงๆ เราอยู่กับพระองค์ตลอดแต่กลับไม่เชื่อ ชีวิตเรามักเป็นเช่นนั้น อยู่กับสิ่งที่มีแต่กลับไปหวังสิ่งที่ไม่มี บางครั้งเราก็ไม่กล้าที่จะขอโทษ เพราะรู้สึกผิดมากเกินกว่าจะให้อภัย เราจึงไม่กล้าก้าวออกไป เราจึงจมอยู่กับอดีตที่ผิดมหันต์ของเรา แต่พระเจ้าให้อภัยเราเสมอ

เส้นทางชีวิตเรามักเป็นอะไรได้หลากหลาย วันนี้เราอาจจะเป็นคนอย่างนั้น เป็นคนเช่นนี้ สิ่งที่เราต้องก้าวข้ามผ่านให้ได้ คือ การผ่านจากการทำผิดซ้ำๆซากๆ ก้าวผ่านจากความเป็นคนเก่า เพื่อเราจะได้กลายเป็นคนใหม่ที่ดีขึ้นเสมอๆ สุขสันต์วันปัสกาแด่ทุกๆท่านครับ

ไม่มีความคิดเห็น: