วันศุกร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2557

โลก โรค โลภ

โลก โรค โลภ
ในช่วงนี้อากาศเริ่มร้อนขึ้นมากเรื่อยๆ ต้องอาศัยหลบหลีกซุกตัวอยู่แต่ในสถานที่ที่มีร่มเงา มีแอร์เย็นๆ  เมื่อร่างกายเจอสภาพเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว ทำให้ปรับตัวไม่ทัน เจอไข้หวัดเล่นงานจนงอมพระราม คงเป็นเพราะเราประมาทในการใช้ร่างกายเกินไป คิดว่าตัวเองแข็งแรงดี เกิดโลภในการใช้ร่างกายโดยไม่ระมัดระวัง คิดจะออกแดดก็ลุยเปลวแดดไป ไม่คิดหากำบัง พอเวลาคิดจะหลบร้อนก็รีบพึ่งเย็น หาที่ที่เย็นฉ่ำจิต โดยไม่ได้คิดเลยว่าในสภาพภูมิอากาศในเมืองใหญ่เช่นนี้ เต็มไปด้วยมลภาวะพิษ เชื้อโรคยึดครอง อาการภูมิแพ้เมืองหลวงจึงกำเริบได้ไม่ยากนัก 
ภาพ : อินเตอร์เน็ต

ในโลกที่เต็มไปด้วยการพัฒนาในทุกๆทาง รวมทั้งทางการแพทย์อย่างทุกวันนี้ โรคร้ายต่างๆที่สมัยก่อนใครเป็นต้องตายสถานเดียว ก็สามารถรักษาให้หายได้ แต่ที่แปลก คือ โลกเรากลับมีโรคภัยใหม่ๆเกิดขึ้นได้เสมอๆ  ซึ่งคงเป็นผลเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือเรียกกันว่า ภาวะโลกร้อน!! ไม่ได้นำพามาแต่ความร้อนเท่านั้น แต่ยังนำภัยอันตรายมาอย่างมากมาย โดยเฉพาะอันตรายจากโรคร้ายที่มีต่อสุขภาพอนามัยของมนุษย์ เพราะสภาพอากาศที่ร้อน จะทำให้เชื้อโรคต่าง ๆ สามารถฟักตัวและเติบโตได้ดี นอกจากจะมีโรคแปลกๆ ใหม่ๆ เกิดขึ้นแล้ว เชื้อโรคอาจมีการกลายพันธุ์ โรคที่เคยหายไปจากเมืองไทยจะเกิดขึ้นใหม่อีกนับสิบชนิด การติดเชื้อโรคและการระบาดของโรคต่างๆ จะขยายวงกว้างและรุนแรงมากขึ้น  
แม้ว่าเรามีการพัฒนาทางด้านสาธารณะสุขได้ก้าวหน้าขึ้น จนทำให้คนเรามีอายุยืนยาวขึ้น แต่เราไม่อาจจะทำให้โลกนี้หมดสิ้นจากโรคภัยไข้เจ็บได้เลย
สรุปรวม กลุ่มคนแต่ละช่วงวัยต่างก็มีสมรรถภาพร่างกายและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันออกไปกับโรคภัยไข้เจ็บโดยสรุปดังนี้..
คนกลุ่มนี้อายุจะอยู่ราว 50-66 ปี ถือว่าอยู่ในวัยผู้สูงอายุ ดังนั้น คนกลุ่มนี้มักเจอ 4 โรคยอดฮิต คือ ความดันโลหิตสูง มะเร็ง หลอดเลือดสมอง (stroke) และโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน (หัวใจขาดเลือด)
กลุ่มคนต่อมาเป็นกลุ่มวัยฉกรรจ์ที่กำลังอยู่ในช่วงการทำงาน อายุราวๆ 34-47 ปี จึงมักเสี่ยงกับการเป็น โรคเบาหวาน ปวดหลัง และโรคกระเพาะ  โรคออฟฟิศซินโดรม (OfficeSyndrome)
ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง ทั้งจากค่านิยมที่แตกต่างจากรุ่นปู่ย่าตายายกับรุ่นพ่อแม่ ขณะเดียวกันคนกลุ่มนี้ก็ก้าวไปพร้อมๆกับเทคโนโลยีที่เจริญรุดหน้า ทั้งคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต และไอที แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน ด้วยความสับสนและซับซ้อนที่คนกลุ่มนี้ต้องได้รับ จึงมักงงๆกับตัวเอง ชอบตั้งคำถามแปลกๆ คนกลุ่มนี้จะเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ชอบมีเงื่อนไข และไม่อยู่ในกรอบ ชอบการสื่อสารแบบไม่เผชิญหน้า ขณะเดียวกันก็ชอบความชัดเจนในเป้าหมาย คนกลุ่มนี้อยู่ในวัยที่สดใสที่กำลังจะก้าวเข้าสู่การทำงาน อายุราวๆ 20-33 ปี มักจะเป็น ไมเกรน กรดไหลย้อน และกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
กลุ่มคนอายุน้อยที่สุดในปัจจุบัน เป็นผู้ที่เกิดในช่วง พ.ศ. 2537 จนถึงปัจจุบัน ในรุ่นนี้จะเป็นช่วงที่คนเกิดใหม่น้อยลง ขณะเดียวกันก็จะเติบโตขึ้นท่ามกลางการเลี้ยงดูที่มีคุณภาพมากขึ้น และมีค่าใช้จ่ายสูงมากขึ้นเช่นกัน คนในกลุ่มล่าสุดนี้ พบว่ามักมีปัญหาเรื่องสมาธิสั้น ภูมิแพ้ที่ผิวหนัง และไข้หวัด
นอกจากนี้ยังมีโรคที่มาจากเชื้อไวรัสสารพัดชนิด โรคภัยไข้เจ็บดูเหมือนเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับชีวิตของเรา มองในอีกด้านหนึ่ง การที่มีโรคภัยและการเกิดโรคขึ้นมาใหม่ ในสังคมโลกนี้ ก็เพื่อย้ำเตือนให้เรามนุษย์ไม่หลงระเริงไปกับชีวิตมากนัก ให้คำนึงถึงความอนิจจังของสังขาร ไม่หลงลืมพระเจ้า ใช่หรือไม่ ยามเราเจ็บป่วย เรามักต้องการใกล้ชิดกับพระเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆที่นับถือมากขึ้น นี่เป็นการสร้างความสมดุลให้มนุษย์เราไม่หลุดโลกกันเกินไป
 โรคนี้มิได้เกิดขึ้นเพื่อความตาย แต่เพื่อพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า เพราะโรคนี้ พระบุตรของพระเจ้าจะได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ คำสอนของพระเยซูเจ้าที่ทำให้เรามองโรคร้ายอย่างมนุษย์ที่เตรียมพร้อมเสมอ
ภาพ : อินเตอร์เน็ต
แต่มีโรคหนึ่งที่กำลังระบาดและทำให้คนเราถอยห่างจากจิตวิญญาณที่แท้จริง ถอยห่างออกจากพระเจ้า นั่นคือ โรคโลภ
โลภที่จะครอบครองทุกสรรพสิ่งไว้กับตัวเอง เห็นทุกสิ่งเป็นของเราเพียงคนเดียว และก็เที่ยวระราน รุกล้ำ ยึดครองด้วยอำนาจ ด้วยกำลัง โดยไม่สนใจแบ่งปัน เผื่อแผ่ให้แก่ผู้ใดทั้งสิ้น โรคโลภแบบนี้ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้สักอย่าง
โลภที่จะเก็บความรู้ไว้เพื่ออวดรู้ โลกที่มุ่งเน้นยกย่องความเก่ง ความพิเศษ คนเราจึงสะสมความรู้เพื่อตัวเอง มีความรู้ท่วมท้นแต่ไม่มีความดีงามในจิตใจก็เท่านั้น เป็นบัณฑิตมหาบัณฑิตในคราบมหาโจร ความรู้นั้นก็ไร้ค่า ยิ่งรู้เรากลับต้องรักและเมตตาต่อผู้อื่นมากขึ้น ความรู้จึงเป็นปัญญาที่งดงาม

โลภที่ใช้เวลาเพื่อปัจจัยเสพสุขความสะดวก โดยมิพักสนใจต่อสิ่งที่เรียกว่าจิตวิญญาณ มองผ่านความงดงามในวันเวลา มิได้หยุดพักทักทายชื่นชมความดีของคนรอบๆข้าง มุ่งไปข้างหน้า มุ่งไปเพื่อจะได้นอนบนเตียงคนไข้ รอคนมาเยี่ยมเยียน นั่นแหละจึงจะระลึกถึงสิ่งเยี่ยวยาทางจิตวิญญาณ หรือ....เราจะปล่อยให้โรคร้ายนี้ทำร้ายความเป็นคน เป็นลูกพระของเรา

ไม่มีความคิดเห็น: