ขบวนรถโดดเดี่ยว
สถานการณ์ประเทศไทยเดินมาถึงจุดเสี่ยงอีกครั้ง
และยังไม่สามารถหาความสมดุลได้อย่างลงตัว ในบรรยากาศเช่นนี้ ต่างคนต่างรู้สึกโดดเดี่ยวและเงียบเหงา
เวลาที่ขึ้นรถเมล์ BRT BTS MRT
เดินเข้าไปในขบวนที่เต็มล้นไปด้วยผู้คนร่วมเส้นทาง
แต่มันดูเงียบวังเวงอย่างบอกไม่ถูก ต่างคนต่างก้มหน้าอยู่กับมือถือของตัวเอง ไม่มีเสียงพูดคุย
ต่างคนต่างเฝ้าติดเกาะข่าว บ้างก็ส่งข้อความ ส่งสติ๊กเกอร์
แลกเปลี่ยนความเงียบให้แก่กัน บ้างก็ส่งรูปที่ตัวเองถ่าย
แล้วตบแต่งส่งให้เพื่อนชื่นชมความงามแบบปลอมๆ บ้างก็แต่งจนต่างจากความจริง
สังคมเรากำลังก้าวสู่โลกส่วนตัว ท่ามกลางโลกส่วนรวม
เราอยู่ใกล้กันเพียงผนังห้องกั้น เป็นเพื่อนคุยกันในห้องสนทนา สนุกสนาน แต่เงียบ...เมื่อเจอหน้า
ร่าเริงเมื่อนิ้วจิ้มๆส่งๆ
หรือว่าเรากำลังก้าวสู่โลกแบบนี้เหมือนในนิทานล้านบรรทัด ของ ประภาส ชลศรานนท์ ที่เขียนไว้ในเรื่อง “วันที่ไฟฟ้าดับ”
จุ๋มกับจ้อยเป็นสามีภรรยากัน
จ้อยเป็นชายหนุ่มที่ทำงานอยู่กับบ้าน รับจ้างเขียนโปรแกรม
ส่วนจุ๋มทำงานเป็นดีไซเนอร์อยู่บริษัทเล็กๆที่รับจ้างออกแบบอาร์ตเวิร์คทั้งสิ่งพิมพ์และเว็บไซท์
เวลาส่วนใหญ่ของทั้งสองจึงอยู่หน้าจอ ถึงแม้กลางวันทั้งสองจะไม่ได้เจอหน้ากัน
แต่ทั้งสองก็ยังคงส่งข้อความถึงกัน ถ่ายรูปอาหารการกิน ผู้คนและสิ่งที่เขาพบเจอผ่านสมาร์ทโฟนถึงกัน
ใครๆก็รู้ว่าสามีภรรยาคู่นี้หลงใหลในโซเชียลเน็ตเวิร์คเพียงใด ในยามค่ำคืน
เมื่อสาวจุ๋มกลับมาบ้านก็มักนั่งกินข้าวเพียงลำพัง ค่าที่สาวจุ๋มกลับบ้านดึกดื่น
หนุ่มจ้อยจึงซื้ออาหารสำเร็จรูปมาเตรียมไว้ แล้วตัวเขาก็กินให้อิ่มแต่หัวค่ำ
แล้วก็นั่งทำงานเขียนโปรแกรมต่อในตอนที่สาวจุ๋มกลับถึงบ้าน
“วันนี้แกงไตปลาอร่อยมาก ซื้อร้านไหน” สาวจุ๋มส่งข้อความผ่านไลน์ให้สามี
ทั้งๆที่ทั้งสองอยู่ห่างกันแค่ผนังห้องกั้น
“ร้านนี้” หนุ่มจ้อยส่งรูปภาพหน้าร้านที่เขาถ่ายมาเมื่อตอนเย็น
“ขอบใจนะที่รัก” สาวจุ๋มส่งรูปตัวเองทำหน้าทะเล้นให้สามี
และแน่นอนที่สุดมืออาร์ตเวิร์คอย่างเธอไม่มีทางลืมที่จะตบแต่งรูปตัวเองให้ดูดีก่อนส่ง
“เดี๋ยวอิ่มแล้ว ขออาบน้ำนอนเลยนะ พรุ่งนี้มีประชุมเช้า ฝันดีนะคะ”
เหตุการณ์ซ้ำๆอย่างนี้เกิดขึ้นแทบทุกวัน
จุ๋มกับจ้อยแต่งงานกันมาห้าหกปีแล้ว ทั้งสองใช้ชีวิตแทบทั้งหมดอยู่บนจอมอนิเตอร์ ทั้งการงานและงานอดิเรก
ทั้งเรื่องความรู้และการพบปะสังคม
ไม่น่าเชื่อว่าในบางสัปดาห์ทั้งสองคุยกันผ่านตัวหนังสืออย่างเดียว
ทั้งจอเล็กและจอใหญ่
ทั้งสองยังเจอเพื่อนๆผ่านทางจอ
พวกเขาไม่รู้สึกเลยว่าพวกเขาไม่ได้เจอกัน เพราะการอัพเดทสเตตัส
การอ่านข้อความที่ทวีตบอกข่าว
และการเห็นรูปของเพื่อนๆที่ถ่ายมาตามสถานที่ต่างๆในอินสตาแกรม ทำให้พวกเขาคุ้นชินว่าพวกเขาได้เจอเพื่อนอยู่เนืองๆ
ทั้งที่บางคนพวกเขาไม่ได้เจอกันเกือบสิบปีแล้ว
แล้ววันนั้นก็มาถึง
วันที่ไฟฟ้าดับทั้งเมือง จ้อยเดินออกมาจากห้องทำงานเดินมาที่ห้องนอน
จุ๋มงัวเงียตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกว่าอากาศอึดอัด
เสียงแอร์คอดิชั่นที่คุ้นหูเงียบไป“คุณเป็นใคร” สาวจุ๋มเพ่งมองหนุ่มจ้อยที่เพิ่งเดินมาถึงปลายเตียง
มีแสงจันทร์ส่องเข้ามากระทบหน้าจ้อยรำไร “คุณนั่นแหละเป็นใคร”
หนุ่มจ้อยย้อน “คุณเข้ามาในห้องผมทำไม แล้วเอาชุดนอนของเมียผมมาใส่ทำไม”
หนุ่มจ้อยจำภรรยาตัวเองไม่ได้ ทั้งหน้าตาและเสียง “แกนั่นแหละถอยไป อย่าเข้ามานะ แกทำอะไรสามีฉันแล้วเอาเสื้อผ้าเขามาใส่”
สาวจุ๋มขว้างหมอนใส่หนุ่มจ้อย
จะว่าไปทั้งสองไม่ได้คุยกันแบบคนปรกติมาเป็นปีแล้ว
หนุ่มจ้อยเดินเข้าไปใกล้ๆเตียง สาวจุ๋มเห็นท่าไม่ได้การ จึงวิ่งออกไปที่นอกบ้าน
ถนนข้างนอกมืดมิดเพราะไฟถนนดับหมด มีแต่แสงจันทร์ที่ช่วยส่องสว่าง
ก่อนออกมาสาวจุ๋มไม่ลืมที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมาด้วย สาวจุ๋มรีบส่งข้อความหาสามีของตัวเองทันที
“ช่วยด้วย” เธอพิมพ์เสร็จแล้วก็หาสติกเกอร์การ์ตูนรูปคนตกใจแถมส่งไป
สาวจุ๋มคงไม่รู้ว่าไฟฟ้าดับครั้งนี้ มันเป็นการขัดข้องเรื่องไฟฟ้าครั้งใหญ่
นั่นคือมันดับทั้งเมือง ดับแม้กระทั่งเครือข่ายผู้ให้บริการทางโทรศัพท์ ก็ไม่มีพลังงานไฟฟ้าที่จะรับส่งสัญญาณ
ให้
หนุ่มจ้อยวิ่งตามมาถึงที่ตรงสาวจุ๋มยืนหอบอยู่
มือขวาเขาหยิบท่อแป๊บ ส่วนมือซ้ายเขาถือโทรศัพท์มือถือ
“แกเป็นใคร”
หนุ่มจ้อยจ้องเขม็ง “ฉันชื่อจุ๋ม” สาวจุ๋มพูดตะกุกตะกัก เธอถอยหลังช้าๆด้วยความกลัว คราวนี้แสงจันทร์ที่ส่องมาทำให้เขาเห็นหน้าผู้หญิงที่ยืนตัวสั่นอยู่ข้างหน้าได้ชัดเจนขึ้น
“อย่ามาเล่นลูกไม้นี้ ฉันรู้จักจุ๋มเมียฉันดี”
หนุ่มจ้อยมองโทรศัพท์ เขาเปิดไปที่รูปภรรยาตัวเอง แล้วก็เงยหน้าตวาด
“หน้าเธอไม่เหมือนจุ๋มเลย ไม่เหมือนเลยสักนิด
จุ๋มของฉันสวยกว่านี้ตั้งเยอะ”
ใครจะไปคาดคิดว่า
วันหนึ่งในอนาคตเราจะเห็นแต่หน้าคนรู้จักผ่านทางจอ และก็จำแต่ใบหน้านั้นไว้ในความทรงจำ
ใครจะไปคิดว่าเราจะจำหน้าจริงๆของคนที่เรารู้จักไม่ได้ในวันหนึ่ง
เพราะฤทธิ์ของแอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟนได้ช่วยแต่งหน้าให้ผู้คนเปลี่ยนไป หนุ่มจ้อยกระชับท่อแป๊บในมือแน่น
แล้วก็เดินย่างสามขุมเข้าหาภรรยาตัวเอง
สังคมแบบนี้อาจจะเป็นจริง
เรากำลังร่วมอยู่ในขบวนรถนี้ หากเราไม่ก้าวออกมาสู่ความจริง ความจริงที่พูดคุยต่อหน้าต่อตา
ด้วยใจสัมผัสใจ ไม่ใช่มือ นิ้ว สัมผัส แป้นจอ ใส่ใจกัน ดูแลกัน
ความรักแสดงออกด้วยการกระทำให้เห็น หาใช่ส่งผ่านทางเครื่องมือสื่อสาร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น