สังคมในฝันฉันเธอที่แตกต่าง
เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ชีพจรลงเท้าให้เดินทางมายังเชียงใหม่
ในฐานะผู้แบ่งปันในหัวข้อเรื่อง “การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการพัฒนาเครือข่าย” ให้กับบรรดาคุณครู กศน. ( การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย) ภาคเหนือจำนวนร้อยกว่าท่าน และเพื่อให้ทันสมัย
เข้าใจง่ายๆ จึงได้พยายามจัดเตรียมเนื้อหา
ย่อยสรุปให้สั้นๆกระชับๆเพื่อทำให้บรรดาคุณครูได้เข้าใจ ถึงอิทธิพลและการนำเทคโนโลยีสื่อสารไปใช้ให้เกิดประโยชน์
ให้คุ้มค่ากับราคาและพลังงานที่ต้องสูญเสียไป
ภาพ:อินเตอร์เน็ต |
ด้วยความห่วงใยส่วนตัวที่เห็นว่าในทุกวันนี้เราใช้เทคโนโลยีสื่อสารกันในนามของสังคมเครือข่ายนั้น
ล้วนมีแต่ความคิดเห็นที่เต็มไปด้วยจริตส่วนตนมากกว่าการให้ความรู้ ตามที่ขงจื้อกล่าวไว้ว่า
“การเรียนที่ไม่รู้จักคิดนั้นไร้ประโยชน์
แต่ว่าการคิดโดยไม่มีการเรียนรู้นำหน้ามาก่อน นับเป็นสิ่งอันตราย”
กลายเป็นสังคมความคิดเห็นที่แสดงออกมาซึ่งความเห็นแก่ตัว การโอ้อวดกัน
ไร้การแบ่งปันความรู้ มีแต่แบ่งปันความโกรธ เกลียด โกง กลัว ให้แก่กัน ทำไปทำมาสังคมเสมือนจริงนี้อันตรายมากกว่าสังคมจริงๆ
เสียอีก และเป็นที่มาของการไล่ล่าฆ่ากันในสังคมจริงอย่างที่กำลังเกิดขึ้นในวันนี้
เป็นการปลูกความโหดเหี้ยมไว้ในหัวใจของคนหลายดวง หากเรารู้จักใช้ รู้เท่าทัน
รู้รอบรู้คิดตรึกตรอง กลั่นกรองข้อมูล ให้งดงามก่อนที่จะเข้าไปฝังอยู่ในสมอง
สิ่งนี้จึงเป็นวัตถุประสงค์หลักที่จะนำไปแบ่งปัน
ในขณะที่เตรียมเนื้อหา
เตรียมการแบ่งปันพลันสิ่งหนึ่งก็เกิดขึ้น ข้อมูล ความคิดเห็นในเหตุการณ์นั้นก็ไหลหลั่งมาดั่งห่าฝน ภาพของการฆ่ากัน
ด้วยความคิดต่างทางอุดมการณ์ ทางความคิดเห็น มีให้เห็นศพแล้วศพเล่า
นำความเศร้ามาให้เห็นจนไม่อยากจะอ่านจะเห็นข่าวประเภทนี้เลย ไม่อยากจะเห็นความคิดเห็นที่ฝังแฝงความแค้นให้กันเลย
ยิ่งฆ่ากันยิ่งเพิ่มความเคียดแค้น
ยิ่งเพิ่มขยะโมหะในสังคมออนไลน์จนเต็มล้นหน้าจอ มีแต่ความรุนแรงต่อชีวิตกันและกัน
วันนี้หัวใจไทยเป็นอะไรกันไปแล้ว “การเอาชีวิตเพื่อนมนุษย์
คือ บาป และความอธรรมที่ไม่อาจยอมรับได้” (คุณพ่อสมเกียรติ ตรีนิกร )
ความรักและเมตตาธรรมห่างหายไปจากหัวใจหลายๆคน ที่ถูกความโกรธเคือง
และประเทืองด้วยข้อมูลของฝ่ายตนประดังมาเสริมให้เหิมเกิม มือถือปืนเล็งใส่มนุษย์ที่มีชีวิตและวิถีที่ต่างกันเพียงเรื่องปลีกย่อยเท่านี้เองหรือ
อุดมการณ์ทางการเมืองเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตหรือ จึงต้องเอาชีวิตคนอื่นเซ่นสังเวยกัน
สังคมในฝันต้องเป็นอย่างฉันคิดเท่านั้นหรือ
ทุกวันนี้อะไรคือสิ่งที่ “เลวร้าย” ที่สุดในโลก สิ่งนั้น คือ “ความคิดเห็น” โลกเราเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
เต็มไปด้วยข้อมูลต่างๆมากมาย ทำให้เราใช้ความสามารถในการ “วิเคราะห์” น้อยลง แต่ “เชื่อ” มากขึ้น โลกเรามีผู้เชี่ยวชาญในทุกๆด้านมากขึ้น เราเลย “ตัดสินใจ” เชื่อคนจาก “สิ่งที่เค้าเป็น” แต่ไม่ใช่ “ตัวตนที่แท้จริง” โลกเรามีความแตกต่างระหว่างผู้คนมากขึ้นและความคิดที่แตกต่างกันนี้เอง
ทำให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้นตามไปด้วย
ภาพ:อินเตอร์เน็ต |
แล้วอะไรคือสิ่งที่ “ดี” ที่สุดในโลก “ความคิดเห็น”
อีกนั่นแหละ โลกเราเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เต็มไปด้วยข้อมูลต่างๆมากมาย ทำให้คนหลายคน “คิด” นวัตกรรมใหม่ๆขึ้นมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ โลกเรามีผู้เชี่ยวชาญในทุกๆด้านมากขึ้น
ทำให้เรา “ตัดสินใจ” ได้สะดวก และ “รวดเร็ว” ขึ้นมาก โลกเรามีความแตกต่างระหว่างผู้คนมากขึ้นและ
“ความคิดเห็น” ที่คล้ายคลึงกัน
ทำให้เกิดพลังที่แสนจะยิ่งใหญ่
ในกิจกรรมแรกที่ให้ผู้รับการแบ่งปันร่วมกันคิดร่วมกันทำ
และนำมาแบ่งปันนั้นเป็นกิจกรรมสร้างบ้านในฝันที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี ต่างกลุ่มต่างล้วนแต่สร้างเครื่องอำนวยความสะดวกเพื่อเอื้อให้ชีวิตที่ฝันไว้นั้นเต็มไปด้วยความสะดวกสบาย
แต่มีกลุ่มหนึ่งที่นำเสนอได้อย่างน่าสนใจ คือ เครื่องที่สร้างให้คนในบ้านมีความคิดดีงาม
มีจริยธรรม มีสำนึกดีติดตัวตลอด ถ้าเครื่องนี้เป็นจริงได้อยากจะขอนำมาใช้ในสังคมไทยในวันนี้จริงๆ
แต่ใช่หรือไม่ เราไม่จำเป็นต้องอาศัยเครื่องที่จะช่วยทำให้เราเป็นคนดี
ไม่ต้องใช้เครื่องเพื่อปลุกจิตสำนึก เรามีสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว
เพียงแต่ต้องฝึกฝนให้มันเกิดขึ้น
และสนองตอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและแม่นยำ
ไม่ปล่อยให้จิตสำนึกดีงามถูกข้ามไปด้วยการแทนที่ของความคิดเห็นในอคติส่วนตัว
เราพูดคุยกันได้ในความต่าง
เราอยู่กันได้มาอย่างยาวนานด้วยความต่าง
แล้วใยจึงต้องบังคับขู่เข็ญข่มขืนให้คิดเหมือนด้วยกระสุนปืน ระเบิด
และความรุนแรงด้วยเล่า ยอมรับความจริงไม่อิงแอบความยึดมั่นถือมั่นกันบ้างเถอะ คนเราทุกคนล้วนแล้วแต่มีดีมีชั่วในตัวทั้งนั้น
จะเอาชัยชนะบนซากความตายและซากปรักหักพังของความเป็นมนุษย์เช่นนี้หรือ
เครือข่ายความดีงาม
เครือข่ายแห่งสังคมที่สร้างสรรค์ จึงต้องเร่งรีบสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้นมา
ความคิดเห็นที่เต็มไปด้วยความรักและความรู้ ย่อมน่าฟังกว่าความคิดเห็นที่ออกมาจากอารมณ์เพื่อระบายความเป็นตัวตนเป็นไหนๆ
สังคมในฝันของเราเป็นแบบไหนกัน ลองสร้างมันขึ้นมาให้เป็นจริง
ด้วยการใส่ความจริงใจลงไป สังคมที่ไม่เคารพต่อการโกงกิน สังคมที่แยกแยะออกระหว่างความซื่อสัตย์กับพวกพ้อง
สังคมที่รักและให้อภัยต่อคนที่สำนึกผิด สังคมที่ไม่ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา
และเป็นสังคมที่คนไม่ติดยึดกับอำนาจจอมปลอมนี่เป็นความฝันของเราใช่หรือไม่...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น