วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ระหว่างความเป็นกับความตาย ความหมายของการบังเกิด

ระหว่างความเป็นกับความตาย
ความหมายของการบังเกิด
ในระหว่างเข้ามาในวัดเพื่อร่วมมิสซาวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ท่ามกลางความหนาวเย็นของอากาศและบรรยากาศภายนอกวัด รวบรวมสมาธินั่งสงบๆก่อนเริ่มพิธีมิสซา ทันใดนั้น...มีคนมาสะกิดจากด้านหลัง หันไปในใจนึกว่ามีคนรู้จักทักทาย แต่ที่ไหนได้ผู้หญิงคนหนึ่งบอกให้ช่วยพยุงคุณลุงคนหนึ่งที่นั่งอยู่หัวโต๊ะหน่อย เพราะร่างของคุณลุงเอนกำลังจะตกลงพื้น เห็นดังนั้นแล้ว จึงรีบเข้าไปประคองไว้ เห็นว่าคุณลุงหลับสะลืมสะลือ จึงปลุกเรียก คุณลุงก็ลืมตามาแล้วก็หลับอีก และดูเหมือนจะค่อยๆไร้เรี่ยวแรง ค่อยๆหล่นลงสู่พื้นอีก สังเกตเห็นน้ำตาไหลนองเต็มสองข้าง พูดคุยไม่รู้เรื่อง ถามไถ่คนด้านหลังว่า เห็นคุณลุงมาวัดกับใครหรือป่าว คำตอบคือ มาคนเดียว มีเสียงบอกว่าต้องรีบส่งโรงพยาบาล เพราะสภาพคุณลุงดูแย่ลงเรื่อยๆ จึงรีบติดต่อโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ให้มารับ หลายคนที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็เข้ามาช่วยกัน ระหว่างรอเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจึงช่วยกันยกตัวคุณลุงให้นอนยาวลงบนเก้าอี้ คุณลุงอาเจียนออกมาพร้อมกับเตียงโรงพยาบาลมาถึงพอดี เจ้าหน้าที่นำคุณลุงขึ้นเตียง ภาพสุดท้ายที่เห็น คุณลุงยิ้มให้ก่อนที่เตียงจะถูกเคลื่อนไปสู่โรงพยาบาล จากนั้นก็ให้คนรู้จักช่วยโทรติดต่อญาติเพื่อแจ้งข่าวเรื่องของคุณลุงอยู่โรงพยาบาล และภายหลังญาติก็มาจัดการเรื่องที่โรงพยาบาลเรียบร้อย
เมื่อเหตุการณ์สิ้นสุดลงในใจเรารู้สึกว่า ระหว่างความเป็นกับความตายของคนเรานี้อยู่ใกล้แค่เอื้อมจริงๆ เพียงแค่นิดเดียว หากคุณลุงคนนั้นไปอยู่ในที่ที่ไม่มีใครเห็นจะเป็นเช่นไร พลันนึกถึงตัวเองเหมือนกัน เสียวสันหลังเล็กน้อย ชีวิตเราไม่แน่ไม่นอนจริงๆใครจะรู้บ้างเล่าว่า วันสุดท้ายของเราจะเดินทางไปในรูปแบบใด ใช่หรือไม่ ในขณะที่เรากำลังร่วมเฉลิมฉลองการบังเกิดมาขององค์พระกุมาร เรากลับเจอเหตุการณ์แบบนี้ เหมือนต้องการจะบอกเราว่า ในขณะที่มีการฉลองวันเกิด ในอีกหลายๆที่ก็มีการจากลา ในขณะที่ที่หนึ่งกำลังเปรมปรีดิ์ อีกหลายที่ที่ต้องเจอกับความโศกเศร้า ในขณะที่ที่หนึ่งสว่าง ในอีกหลายที่กำลังมืดมน ชีวิตคนเรานั้นอยู่ระหว่างความเป็นกับความตาย แต่ในระหว่างทางนั้นเราใช้ชีวิตเช่นไรเพื่อให้ใกล้เส้นสุดท้ายอย่างมีค่า
ใช่หรือไม่ การเกิดมานั้นเป็นจุดเริ่มต้นสู่ความตาย เราเริ่มต้นปีใหม่ก็เพื่อก้าวสู่การส่งท้ายปีเก่า แล้วในระหว่างทางนั้นมีสิ่งใดบ้างเล่าที่ทำให้ชีวิตเรามีคุณค่า คุณค่าต่อตัวเอง คุณค่าเพื่อก่อเกิดสิ่งงดงามแก่คนอื่นๆ ชีวิตเกิดมาเพื่อตัวเองอย่างเดียวหรือ แท้จริงแล้วเราเป็นอยู่ก็เพื่อคนอื่นทั้งสิ้น แต่ในวันนี้เรามักใช้วันเวลาหมดไปกับตัวเอง และไม่ใส่ใจด้วยว่า วันสุดท้ายของเราจะเป็นเยี่ยงใด หาความสุขเสพติดให้กับตัวเอง อย่างไม่ลืมหูลืมตา
ในบรรดาความสุขที่เราเสาะเสพนั้น สิ่งที่มาก่อนอื่นใด คือความสุขทางวัตถุหรือทางร่างกาย ซึ่งควบคู่กับการแสวงหาวัตถุ การหลงใหลในร่างกาย เพราะร่างกายไม่เพียงเป็นอุปกรณ์แสวงหาความสุข (ด้วยการกิน เที่ยว และมีเซ็กส์) เท่านั้น หากยังเป็นเครื่องมือแสวงหาปัจจัยแห่งความสุข  (คืองานและเงิน) รวมทั้งเป็นที่มาแห่งความสุขด้วย เป็นสุขเพราะมีรูปร่างที่สวยงาม ได้มาตรฐาน จึงหมกมุ่นกับการตกแต่งและเปิดเผยทรวดทรงให้มากที่สุด ซ้ำเติมด้วยค่านิยมชมชอบเรือนร่าง จึงใช้เป็นหนทางหางานสร้างเงิน ถึงขั้นลงทุน ทำใหม่ศัลยกรรมเรือนร่างให้ดูงาม เพื่อเป็นสะพานโยงไปสู่การได้มาซึ่งเงินทอง
เมื่อมีทัศนคติและค่านิยมเช่นนี้ คนส่วนใหญ่จึงกลัวแก่ เพราะจะทำให้ไม่สามารถเสพสุขจากร่างกายอย่างเต็มที่ ยิ่งพูดถึงความตายทุกคนต่างไม่ต้องการกล่าวถึง เพราะนั่นหมายถึงการไม่ได้เสพสุข จึงทำทุกอย่างเพื่อเอาชนะความแก่และความตาย การเป็นอมตะจึงเป็นสุดยอดปรารถนาของคนปัจจุบัน (อาหารเสริมขายดิบ ขายดี และมีการตลาดให้ซื้อไปให้คนที่คุณรัก) แต่เมื่อถึงที่สุดรู้ว่าหลีกความตายไม่พ้น ก็ขอให้มีชื่อเสียงดำรงคงอยู่ต่อไปหรือมีอนุสาวรีย์เป็นเครื่องสืบทอดตัวตน นี่คือยอดปรารถนาของคนยุคดิจิทัล
แล้วในวันเวลาช่วงการฉลองพระคริสตสมภพ เราได้นำวิถีการบังเกิดของพระองค์มาใช้เป็นแนวทางให้กับชีวิตเราอย่างใดบ้าง ประการแรกพระองค์ใช้เพียง 33 ปี ในการสร้างคุณค่าและบทสอนที่ยิ่งใหญ่กับเรา ให้เห็นความจริงว่า ชีวิตของมนุษย์นั้น นอก จากจะสั้น ไม่ยืนยาวแล้ว จะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ที่ ทำให้เราเห็นคุณค่าของเวลา กระตือรือร้นเร่งทำกิจหน้าที่ สร้างสมคุณความดี และฝึกฝนพัฒนาตนในทุกทาง ให้ชีวิตเป็นอยู่อย่างมีค่า และเข้าถึงจุดหมายปลายทางอย่างศักดิ์สิทธิ์
ประการต่อมา พระองค์บังเกิดอย่างยากจน ไร้สมบัติพัสถาน ไม่เคยสะสมอะไรสิ่งใดทั้งสิ้น ออกจากครอบครัวตัวเอง เพื่อสร้างครอบครัวที่ใหญ่กว่า เป็นครอบครัวแห่งรักและสันติ ทำให้เราเห็นความจริงว่า ทรัพย์สินเงินทองสมบัติ ตลอดจนบุคคลที่รักใคร่ที่ยึดถือครอบครองอยู่นั้น หาใช่เป็นของตนแท้จริงไม่ และไม่สามารถป้องกันจากความตายได้เลย พอตายแล้วก็นำไปไม่ได้  สิ่งเหล่านั้นมีไว้สำหรับใช้บริโภคหรือสัมพันธ์กันในโลกนี้เท่านั้น จึงอย่ายึดโยงอย่าเหนี่ยวแน่นนัก

ปีใหม่เวียนมาอีกคำรบหนึ่ง เป็นสัญญาณเตือนเราว่าเรากำลังเดินทางไปสู่ปลายทาง แล้ววันเวลาที่ล่วงเลยผ่านมานั้นมีสิ่งใดบ้างที่เราทำแล้วเป็นเครื่องรองรับว่าชีวิตเราใกล้สู่ความสมบูรณ์แล้ว ถ้ายังไม่ได้คิด เริ่มคิดถึงบ้างก็ดีนะ ปีใหม่นี้และตลอดไปเราจะได้มีจุดหมายชีวิตที่ชัดเจนมากขึ้น.....สุขสันต์วันปีใหม่ครับ...

ไม่มีความคิดเห็น: