วันศุกร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2557

โคมลอย

โคมลอย
ท่ามกลางมวลมหาประชาชนบนหาดพัทยาตลอดแนวเหนือ กลาง ใต้ ต่างถูกจับจองให้เป็นพื้นที่ส่วนตัวด้วยเสื่อ ผ้าปู เก้าอี้ เตียงผ้าใบ (ที่มีบริการขายส่งถึงที่ ยิ่งดึกราคายิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ) เพื่อรอดูพลุต้อนรับสู่ปีใหม่ เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ และเป็นสิ่งที่ไม่ได้วางแผนไว้ว่าจะต้องตกเป็นส่วนหนึ่งของมวลมหาประชาชน ณ ที่แห่งนี้ เนื่องด้วยเพราะมีภารกิจการงานที่ต้องมาทำตอนหัวค่ำที่โรงแรมหรูแถวๆพัทยาเหนือ เมื่อเสร็จงานผลปรากฏว่ารถราติดเหยียดยาว และถนนเส้นที่ผ่านโรงแรมนั้นเป็นการเดินรถแบบทางเดียวที่คู่ขนานไปกับชายหาด คะเนการณ์ได้ว่า ถ้าจะกลับกรุงเทพฯ ในค่ำคืนนี้ท่าทางจะเหนื่อยเปล่าๆ ไหนๆก็ไหนๆแล้วจอดรถไว้ในที่ทำงาน แล้วออกเดินย่ำปะปนไปกับฝูงชนพร้อมๆกับคนรู้ใจ จากแถวชายหาดพัทยาเหนือล่วงเลยมาจนถึงพัทยากลาง ได้ที่เหมาะๆกับคนคุ้นชินที่รู้ว่ามาอยู่ในที่นี่เหมือนกัน จึงนัดหมายปักหลักรอชมพลุเมืองพัทยา นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ต้องมาต้อนรับปีใหม่ริมชายขอบทะเล
และกว่าจะถึงซึ่งเวลาข้ามขอบเขตวันเขตปี ในหมู่มวลชนคนเหล่านั้นก็มีกิจกรรมทำกันหลากหลาย แต่สิ่งที่เห็นมากหน่อย คือ การจุดและปล่อยโคมลอย ซึ่งแต่ก่อนนั้นเราเห็นประเพณีนี้จะมีอยู่แถวๆภาคเหนือ ทางลำพูน เชียงใหม่ ที่เรียกกันว่า ยี่เป็ง ซึ่งเป็นประเพณีเก่าแก่มาก จากข้อมูล ประเพณียี่เป็ง คือ ประเพณีลอยกระทงแบบล้านนา โดยคำว่า ยี่ แปลว่า สอง ส่วน เป็ง แปลว่า เพ็ญ หรือ คืนพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งหมายถึงประเพณีในวันเพ็ญเดือนสองของชาวล้านนา ซึ่งตรงกับเดือนสิบสองของไทย งานประเพณีจะมีสามวันคือ
วันขึ้นสิบสามค่ำ หรือ วันดา เป็นวันซื้อของเตรียมไปทำบุญที่วัด
วันขึ้นสิบสี่ค่ำ จะไปทำบุญกันที่วัด พร้อมทำกระทงใหญ่ไว้ที่วัดและนำของกินมาใส่กระทงเพื่อทำทานให้แก่คนยากจน
วันขึ้นสิบห้าค่ำ จะนำกระทงใหญ่ที่วัดและกระทงเล็กส่วนตัวไปลอยในลำน้ำ
ในช่วงวันยี่เป็งจะมีการประดับตกแต่งวัด บ้านเรือน ทำประตูป่า ด้วยต้นกล้วย ต้นอ้อย ทางมะพร้าว ดอกไม้ ตุง ช่อประทีป และชักโคมยี่เป็งแบบต่าง ๆ ขึ้นเป็นพุทธบูชา และมีการจุดถ้วยประทีป (การจุดผางปะตี๊บ) เพื่อบูชาพระรัตนตรัย และมีการจุดโคมลอยปล่อยขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อบูชาพระเกตุแก้วจุฬามณีบนสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ (วิกิพีเดีย)
แต่วันนี้ประเพณีนี้ได้ถูกนำมาใช้ในทุกภาคของคนไทย และมีการจุดปล่อยกันในทุกๆเทศกาล จนอาจทำให้คุณค่าดั้งเดิมและความหมายที่แท้จริงสูญหายไปกับการเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย ในการปล่อยนั้นต้องมีการตั้งโคมที่ทำมาจากกระดาษว่าว และต้องรอไฟที่จุดเผาเพื่อก่อให้เกิดก๊าซให้ได้ที่ได้จังหวะ จึงปล่อยให้โคมลอยขึ้น หลายคนรีบร้อน หลายคนไม่เข้าใจ จุดปุ๊บปล่อยปั๊บ เล่นเอาโคมนั้นพัดไปตกในกลางมวลชนคนใกล้เคียงแถวนั้นให้แตกฮือ บางโคมก็ไหม้ลุกเป็นไฟต้องไล่ดับกันจ้าละหวั่น บางโคมเขียนคำอวยพรให้ มั่งมีศรีสุข ให้เฮงๆเจริญๆ ใครปล่อยโคมขึ้นลอยเด่นบนท้องฟ้าได้ ใจก็คงพองโต แต่อันที่เขียนและปล่อยไม่เป็นปล่อยไม่ขึ้นนี่สิ คนปล่อยใจคงแฟบไปเลย 
นั่งมองไปมองมาใจก็คิดว่า คนเราจะลอยสูงขึ้น ประสบความสำเร็จได้นั้น มันต้องถูกที่ถูกทาง ต้องมีจังหวะ รอจังหวะ รอความพร้อม รอทิศทางลม ใครที่รีบร้อนมักจะหล่นล่วงลงมาไม่เป็นท่า โคมลอยขึ้นฟ้าและก็ลอยลับหายไป หายไปไหน ตกลงที่ใด ไม่มีใครทราบและตามเก็บ คนที่ลอยสูงเด่นบางครั้งก็เป็นเช่นนั้นโดดเดียวเดี่ยวดาย หมายยิ่งใหญ่แต่ต้องเงียบเหงาไร้คนคบหา จะมีประโยชน์ใดเล่า 
คิดไปอีกว่า โคมลอยในอีกความหมายหนึ่ง คือ การปล่อยข่าวลือข่าวลวง ยิ่งในสถานการณ์บ้านเมืองเราจะเดินไปทางไหนสู่หนทางใดยังไม่มีใครรู้ ต่างฝ่ายต่างเต้าข่าว ปล่อยข่าวลอยๆมาลวง เพื่อให้มวลชนคนของฝ่ายตัวเองเชื่อและศรัทธา ความจริงเป็นสิ่งที่หายากในยุคนี้ อ่านข่าวติดตามข่าวต้องตั้งสติวิเคราะห์ให้ดีๆ ต้องเตือนตนด้วยมโนธรรม ไม่ใช่ใช้แต่อคติและจริตของตนฝ่ายเดียว อะไรดีอะไรไม่ดี จิตพิเคราะห์ได้ หากเราหลงไปกับข่าวโคมลอยที่ถูกปล่อยออกมาในทุกนาที ชีวิตเราจะไร้ซึ่งความจริง เราจะจมอยู่กับโทสะและโมหะ ข่าวโคมลอยมาและหายไปอย่างไร้เยื่อใย แต่มันจะทำให้ใจเราไปปักจมกับข้อมูลเหล่านั้นตลอดไป ข่าวทุกวันนี้พูดตามความจริงล้วนแล้วแต่มาตามกระแสทั้งสิ้น ข่าวที่เราอ่านๆกันเป็นข่าวมือสามมือสี่ ฉะนั้น เวลาอ่านข่าว อ่านบทวิเคราะห์อะไรก็ต้องคิดให้ดีๆพิจารณาให้รอบด้าน เราจะได้ไม่ถูกข่าวโคมลอยครอบงำเอา

วันเดือนเริ่มต้นปีแบบนี้เราได้เห็น ได้มีเวลาหยุดนิ่งเพื่อพิจารณาไตร่ตรองชีวิตของเรา แล้วมองดูว่า จังหวะ ในการก้าวย่างเปลี่ยนผ่านนั้นเราพร้อมพอหรือยัง เราเรียนรู้ทิศทางความน่าจะเป็นในการดำรงอยู่บนหนทางใด ยอมรับการจะขึ้นสูงเหนือกว่าคนอื่นโดยเสียสละมากกว่าคนอื่นได้หรือไม่ และที่สุดเรายืนอยู่ ยึดมั่น ในความถูกต้องมากน้อยเพียงใด โดยปราศจากความชอบไม่ชอบ ถูกใจหรือไม่ถูกใจ หากสิ่งใดถูกต้องเราต้องเลือกโดยยอมสละจริต อคติส่วนตนลงให้ได้ โคมลอยนี้ก็จะขึ้นไปเป็นสิ่งงดงามเพื่อขึ้นไปบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้เป็นข่าวดีที่ไม่ใช่ข่าวโคมลอย เราพร้อมหรือยังที่จะถูกปล่อยเพื่อให้ลอยสู่ฝากฟ้า เป็นดวงดาวน้อยประดับในท้องนภาอันมืดมน...

ไม่มีความคิดเห็น: