โคมลอย
ท่ามกลางมวลมหาประชาชนบนหาดพัทยาตลอดแนวเหนือ กลาง ใต้ ต่างถูกจับจองให้เป็นพื้นที่ส่วนตัวด้วยเสื่อ ผ้าปู เก้าอี้ เตียงผ้าใบ (ที่มีบริการขายส่งถึงที่
ยิ่งดึกราคายิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ) เพื่อรอดูพลุต้อนรับสู่ปีใหม่ เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ
และเป็นสิ่งที่ไม่ได้วางแผนไว้ว่าจะต้องตกเป็นส่วนหนึ่งของมวลมหาประชาชน ณ ที่แห่งนี้
เนื่องด้วยเพราะมีภารกิจการงานที่ต้องมาทำตอนหัวค่ำที่โรงแรมหรูแถวๆพัทยาเหนือ
เมื่อเสร็จงานผลปรากฏว่ารถราติดเหยียดยาว และถนนเส้นที่ผ่านโรงแรมนั้นเป็นการเดินรถแบบทางเดียวที่คู่ขนานไปกับชายหาด
คะเนการณ์ได้ว่า ถ้าจะกลับกรุงเทพฯ ในค่ำคืนนี้ท่าทางจะเหนื่อยเปล่าๆ ไหนๆก็ไหนๆแล้วจอดรถไว้ในที่ทำงาน
แล้วออกเดินย่ำปะปนไปกับฝูงชนพร้อมๆกับคนรู้ใจ จากแถวชายหาดพัทยาเหนือล่วงเลยมาจนถึงพัทยากลาง
ได้ที่เหมาะๆกับคนคุ้นชินที่รู้ว่ามาอยู่ในที่นี่เหมือนกัน
จึงนัดหมายปักหลักรอชมพลุเมืองพัทยา นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ต้องมาต้อนรับปีใหม่ริมชายขอบทะเล
และกว่าจะถึงซึ่งเวลาข้ามขอบเขตวันเขตปี
ในหมู่มวลชนคนเหล่านั้นก็มีกิจกรรมทำกันหลากหลาย แต่สิ่งที่เห็นมากหน่อย คือ การจุดและปล่อยโคมลอย
ซึ่งแต่ก่อนนั้นเราเห็นประเพณีนี้จะมีอยู่แถวๆภาคเหนือ ทางลำพูน เชียงใหม่ ที่เรียกกันว่า
“ยี่เป็ง”
ซึ่งเป็นประเพณีเก่าแก่มาก จากข้อมูล ประเพณียี่เป็ง คือ ประเพณีลอยกระทงแบบล้านนา
โดยคำว่า ยี่ แปลว่า สอง ส่วน เป็ง แปลว่า เพ็ญ หรือ คืนพระจันทร์เต็มดวง
ซึ่งหมายถึงประเพณีในวันเพ็ญเดือนสองของชาวล้านนา ซึ่งตรงกับเดือนสิบสองของไทย งานประเพณีจะมีสามวันคือ
วันขึ้นสิบสามค่ำ หรือ วันดา
เป็นวันซื้อของเตรียมไปทำบุญที่วัด
วันขึ้นสิบสี่ค่ำ จะไปทำบุญกันที่วัด
พร้อมทำกระทงใหญ่ไว้ที่วัดและนำของกินมาใส่กระทงเพื่อทำทานให้แก่คนยากจน
วันขึ้นสิบห้าค่ำ
จะนำกระทงใหญ่ที่วัดและกระทงเล็กส่วนตัวไปลอยในลำน้ำ
ในช่วงวันยี่เป็งจะมีการประดับตกแต่งวัด
บ้านเรือน ทำประตูป่า ด้วยต้นกล้วย ต้นอ้อย ทางมะพร้าว ดอกไม้ ตุง ช่อประทีป
และชักโคมยี่เป็งแบบต่าง ๆ ขึ้นเป็นพุทธบูชา และมีการจุดถ้วยประทีป
(การจุดผางปะตี๊บ) เพื่อบูชาพระรัตนตรัย
และมีการจุดโคมลอยปล่อยขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อบูชาพระเกตุแก้วจุฬามณีบนสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ (วิกิพีเดีย)
แต่วันนี้ประเพณีนี้ได้ถูกนำมาใช้ในทุกภาคของคนไทย
และมีการจุดปล่อยกันในทุกๆเทศกาล จนอาจทำให้คุณค่าดั้งเดิมและความหมายที่แท้จริงสูญหายไปกับการเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย
ในการปล่อยนั้นต้องมีการตั้งโคมที่ทำมาจากกระดาษว่าว และต้องรอไฟที่จุดเผาเพื่อก่อให้เกิดก๊าซให้ได้ที่ได้จังหวะ
จึงปล่อยให้โคมลอยขึ้น หลายคนรีบร้อน หลายคนไม่เข้าใจ จุดปุ๊บปล่อยปั๊บ
เล่นเอาโคมนั้นพัดไปตกในกลางมวลชนคนใกล้เคียงแถวนั้นให้แตกฮือ
บางโคมก็ไหม้ลุกเป็นไฟต้องไล่ดับกันจ้าละหวั่น บางโคมเขียนคำอวยพรให้ “มั่งมีศรีสุข” “ให้เฮงๆเจริญๆ”
ใครปล่อยโคมขึ้นลอยเด่นบนท้องฟ้าได้ ใจก็คงพองโต
แต่อันที่เขียนและปล่อยไม่เป็นปล่อยไม่ขึ้นนี่สิ คนปล่อยใจคงแฟบไปเลย
นั่งมองไปมองมาใจก็คิดว่า
คนเราจะลอยสูงขึ้น ประสบความสำเร็จได้นั้น มันต้องถูกที่ถูกทาง ต้องมีจังหวะ
รอจังหวะ รอความพร้อม รอทิศทางลม ใครที่รีบร้อนมักจะหล่นล่วงลงมาไม่เป็นท่า
โคมลอยขึ้นฟ้าและก็ลอยลับหายไป หายไปไหน ตกลงที่ใด ไม่มีใครทราบและตามเก็บ
คนที่ลอยสูงเด่นบางครั้งก็เป็นเช่นนั้นโดดเดียวเดี่ยวดาย
หมายยิ่งใหญ่แต่ต้องเงียบเหงาไร้คนคบหา จะมีประโยชน์ใดเล่า
คิดไปอีกว่า
โคมลอยในอีกความหมายหนึ่ง คือ การปล่อยข่าวลือข่าวลวง
ยิ่งในสถานการณ์บ้านเมืองเราจะเดินไปทางไหนสู่หนทางใดยังไม่มีใครรู้
ต่างฝ่ายต่างเต้าข่าว ปล่อยข่าวลอยๆมาลวง เพื่อให้มวลชนคนของฝ่ายตัวเองเชื่อและศรัทธา
ความจริงเป็นสิ่งที่หายากในยุคนี้ อ่านข่าวติดตามข่าวต้องตั้งสติวิเคราะห์ให้ดีๆ
ต้องเตือนตนด้วยมโนธรรม ไม่ใช่ใช้แต่อคติและจริตของตนฝ่ายเดียว อะไรดีอะไรไม่ดี จิตพิเคราะห์ได้
หากเราหลงไปกับข่าวโคมลอยที่ถูกปล่อยออกมาในทุกนาที ชีวิตเราจะไร้ซึ่งความจริง
เราจะจมอยู่กับโทสะและโมหะ ข่าวโคมลอยมาและหายไปอย่างไร้เยื่อใย แต่มันจะทำให้ใจเราไปปักจมกับข้อมูลเหล่านั้นตลอดไป
ข่าวทุกวันนี้พูดตามความจริงล้วนแล้วแต่มาตามกระแสทั้งสิ้น ข่าวที่เราอ่านๆกันเป็นข่าวมือสามมือสี่
ฉะนั้น เวลาอ่านข่าว อ่านบทวิเคราะห์อะไรก็ต้องคิดให้ดีๆพิจารณาให้รอบด้าน
เราจะได้ไม่ถูกข่าวโคมลอยครอบงำเอา
วันเดือนเริ่มต้นปีแบบนี้เราได้เห็น
ได้มีเวลาหยุดนิ่งเพื่อพิจารณาไตร่ตรองชีวิตของเรา แล้วมองดูว่า “จังหวะ” ในการก้าวย่างเปลี่ยนผ่านนั้นเราพร้อมพอหรือยัง
เราเรียนรู้ทิศทางความน่าจะเป็นในการดำรงอยู่บนหนทางใด
ยอมรับการจะขึ้นสูงเหนือกว่าคนอื่นโดยเสียสละมากกว่าคนอื่นได้หรือไม่
และที่สุดเรายืนอยู่ ยึดมั่น ในความถูกต้องมากน้อยเพียงใด โดยปราศจากความชอบไม่ชอบ
ถูกใจหรือไม่ถูกใจ หากสิ่งใดถูกต้องเราต้องเลือกโดยยอมสละจริต อคติส่วนตนลงให้ได้
โคมลอยนี้ก็จะขึ้นไปเป็นสิ่งงดงามเพื่อขึ้นไปบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้เป็นข่าวดีที่ไม่ใช่ข่าวโคมลอย
เราพร้อมหรือยังที่จะถูกปล่อยเพื่อให้ลอยสู่ฝากฟ้า เป็นดวงดาวน้อยประดับในท้องนภาอันมืดมน...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น