วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เพียงพอเพราะเพียรพอ

เพียงพอเพราะเพียรพอ
ประเทศไทยเราเป็นดินแดนที่แสนจะวิเศษ ถึงจะมีความขัดแย้งทางด้านอุดมการณ์ ทางด้านความคิด จนกลายเป็นฝั่ง เป็นขั้ว เป็นข้าง ทำให้คนที่เคยรู้จักมักคุ้นมีอันต้องเหินห่าง เพราะเพียงแค่คิดต่าง ใช่หรือไม่ กรอบความคิด สภาพแวดล้อมของแต่ละคนย่อมแตกต่างกัน ทุกคนต่างศรัทธาและเชื่อในพื้นฐานที่ตัวเองได้รับการปลูกฝังมา ยิ่งพอเรามีเทคโนโลยีการสื่อสารที่ทันสมัย เราก็เสพสื่อที่เรามีเราชอบ จนแยกแยะไม่ออก สื่อจึงกลายเป็นเครื่องปลูกฝังฝั่งความคิดชั้นยอด ที่นักการตลาดนำมาใช้เพื่อหาพวก เพื่อเชิญชวน แล้วยิ่งคนเรามักทะนงตัวในสิ่งที่ตัวเองเลือก เลือกเสพติดของที่ชอบฝ่ายเดียว มิได้เปิดใจรับสิ่งอื่นเพื่อนำมาพิเคราะห์ ให้เกิดปัญญาอย่างถ่องแท้ นี่จึงเป็นความเปราะบางของสังคมไทย
แต่โดยพื้นฐานลักษณะของคนไทยแล้ว ถึงเวลาหนึ่งเราก็สามัคคีกัน รักกัน กอดคอร่วมทุกข์ร่วมสุขกันได้ สิ่งที่ทำให้เกิดลักษณะเหล่านี้ได้นั้นมีเพียงสิ่งเดียวที่มิอาจจะปฏิเสธได้ นั่นคือ พ่อหลวงของเรา ด้วยความรักในพระองค์ท่าน เรายอมแม้จะหยุดความขัดแย้งขั้นรุนแรงลงได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครสักคนบนโลกนี้ ในยุคนี้ ที่จะมีบารมีสามารถจะหยุด เหนี่ยวรั้งหัวใจทุกดวงไว้ได้ คนผู้นั้นย่อมต้องสะสมความดีงามที่นำมาซึ่งบารมีอันยิ่งใหญ่ คนผู้นั้นต้องเป็นนักปฏิบัติให้เห็นเป็นพยานในคุณธรรมความดีพร้อมโดยมิต้องโอ้อวด คนผู้นั้นต้องเพียรทนอย่างยิ่งที่จะเป็นผู้ ให้ โดยมิหวังสิ่งใดตอบแทน ใครต้องการอะไร เพียงแค่บอกก็พร้อมที่จะทำให้ คนผู้นั้นไม่ใคร่สนใจใยดีทรัพย์สมบัติภายนอก ใช้สิ่งของอย่างคุ้มค่า และรู้จักเพียงพอในสิ่งที่ตัวเองครอบครอง
ถ่ายบนรถสองแถวเซนต์หลุยส์
คนไทยรักในหลวง แต่จะมีสักกี่คนรักในวิถีการดำเนินชีวิตของพระองค์ท่าน จะมีสักกี่คนที่ได้รับรู้เรื่องราวความดีงามที่พระองค์ท่านปฏิบัติอย่างงดงามแม้ในเรื่องเล็กๆน้อยๆ สิ่งเหล่านี้เป็นบทเรียนที่พระองค์ท่านมอบไว้เป็นสมบัติล้ำค่าให้แผ่นดินไทย แต่เรากลับไปไขว่คว้าวิ่งไล่ล่าหาความร่ำรวยทางตัวเลขเศรษฐกิจ และความกินดีอยู่ดีด้วยการวัดค่าจากเครื่องใช้ไม้สอยที่เป็นเพียงสิ่งอำนวยความสะดวก มีตัวอย่างของพระองค์ท่านที่ได้เล่าผ่านทางช่างทำรองเท้าคนหนึ่ง ชี้ให้เห็นตัวอย่างการดำเนินชีวิตของพระองค์มาเล่าสู่กันฟัง
คุณศรไกร แน่นสีนิล หรือ ช่างไก่   เจ้าของร้าน ก.เปรมศิลป์ ย่านสี่แยกพิชัย เล่าถึงงานซ่อมฉลองพระบาทถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า
เมื่อปี 2545 เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังท่านหนึ่งได้ถือพานใส่รองเท้าเดินเข้ามาในร้าน ก่อนที่จะยื่นให้ผม เจ้าหน้าที่คนนั้นค่อยๆก้มลงกราบพาน ผมก็ตกใจ ถามว่าเอาอะไรมาให้ เขาบอกว่า เป็นฉลองพระบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่โปรดมาก แต่เก่าแล้ว ไม่รู้จะเอาไปซ่อมที่ไหน โอ้โห...ผมขนลุกซู่ ไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกอย่างไร ไม่เคยคิดว่าชีวิตจะมีโอกาสดีๆแบบนี้ เพราะร้านดังๆมีเยอะแยะ แต่กลายเป็นเราที่ได้รับโอกาสสำคัญทำงานนี้ จำได้ว่าบนพานนั้นเป็นฉลองพระบาทหนังสีดำ สภาพชำรุดทรุดโทรมจากการใช้งานมาหลายสิบปี หนังข้างนอกหลุดลุ่ย ส่วนภายในก็ผุกร่อนหลุดลอกหลายแห่ง ถ้าเป็นคนทั่วไปคงทิ้งไปแล้ว แต่พระองค์ท่านกลับให้เจ้าหน้าที่นำมาซ่อมเพื่อใช้งานต่อ
ผมใช้เวลาซ่อมเกือบเดือน ทั้งที่จริงแล้วทำไม่ถึงชั่วโมงก็เสร็จ แต่เพราะอยากให้อยู่บ้านเรานานๆ (หัวเราะ) ที่ประทับใจสุด คือ   ตอนที่เลาะพื้นด้านในออกมาแล้วเห็นรอยพระบาท ตื่นเต้นมาก เคยเห็นภาพข่าวพระราชกรณียกิจในทีวีมีคนไปรับเสด็จฯแล้วเอาผ้าเช็ดหน้าปูให้ทรงเหยียบ  แต่นี่เราเห็นรอยพระบาทปรากฏชัด จะทิ้งได้อย่างไร
ผมก็เลยเอาใส่กรอบแล้วตั้งเอาไว้บนหิ้งสูงสุด ตกแต่งอย่างดี มีพานและผ้าคลุมพานสีเหลือง ลูกค้าเห็นเข้าก็ถามว่าอะไร พอรู้ว่าเป็นฉลองพระบาทของพระองค์ท่าน ก็ขออนุญาตเอามาเทินหัวกันใหญ่ หลังจากนั้น ผมมีโอกาสซ่อมฉลองพระบาทให้พระองค์ท่านอีก 4 คู่ คู่แรกเป็นฉลองพระบาทลำลองซ้ายที่ถูกคุณทองแดงกัดขาด ผมก็ปะตรงรอยที่ขาด คู่ที่สองเป็นฉลองพระบาทแคชชูส์ผูกเชือกสีดำ ส่งมาแปะแผ่นกันลื่น คู่ที่สามเป็นฉลองพระบาทบู๊ต ส่งมาเปลี่ยนยางยืดด้านข้างและจัดทรงใหม่ และคู่ที่สี่เป็นฉลองพระบาทบู๊ตสั้น ส่งมาเปลี่ยนพื้นด้านล่างทั้งสองข้าง

ฉลองพระบาทของพระองค์ท่านเป็นตัวอย่างหนึ่งของความพอเพียงที่พสกนิกรของพระองค์ควรดำเนินรอยตาม สารภาพก็ได้ว่า ก่อนหน้านี้ผมเองก็เคยอยากมีอยากได้ อยากรวย แต่ตอนนี้ใจเบาขึ้นเยอะ เพราะรู้จักพอ ไม่ปรารถนามากกว่านี้ ถึงปัจจุบันร้านจะมีชื่อเสียง ผู้คนรู้จัก แต่ผมก็ไม่คิดจะขยายให้ใหญ่โต เปิดสาขา เพราะมีเท่านี้ก็พอแล้วเงินมีไม่มาก แต่มีความสุข เพราะผมมีสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตอยู่ในบ้าน นั่นคือรอยพระบาทของพระองค์ท่าน ซึ่งผมถือว่าสูงสุดในชีวิตเราแล้ว
การดำเนินชีวิตของพระองค์ท่านสมถะ ใช้เท่าที่มี ใช้เพื่อคนอื่น เราผ่านพ้นวันเฉลิมพระชนมพรรษามาแล้ว เราได้เห็นและนำตัวอย่างของพระองค์ท่านมาใช้บ้างหรือเปล่า ความเพียรทน ความอดทน เป็นความเพียงพอทางด้านจิตใจอย่างหนึ่ง ที่กำลังขาดหายไปในสังคม หากเราเพียรทนเราย่อมให้อภัยกันได้ หากเราขยันหมั่นเพียรในการหาเลี้ยงชีพ ไม่หวังรวยทางลัด การคดโกงย่อมเป็นสิ่งที่ไกลเกิน หากเราเพียรพยายามประกอบความดี ความดีจะเป็นบารมีนำความร่มเย็นมาสู่ตัวเราและคนรอบข้างตลอดไป....

ไม่มีความคิดเห็น: