วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ภาคต่อ “คุณชาย”


ภาคต่อ คุณชาย
ละครชุดเรื่อง คุณชาย สุภาพบุรุษจุฑาเทพ เป็นละครที่ได้รับความนิยมอย่างสูงยิ่ง หญิงสาวหลายคนฝันหวานว่าในชีวิตจริงปรารถนาที่จะพบเจอผู้ชายอย่างคุณชายทั้งหลายในละคร จินตนาการว่าตัวเองเป็นนางเอกที่มีพระเอกอย่างคุณชายเข้ามาช่วยเหลือและเกิดเป็นความรัก จนได้ใช้ชีวิตร่วมกันโดยไม่สนใจเรื่องของฐานะ ชนชั้น และความมีชื่อเสียง ส่วนฝ่ายชายหลายๆคนที่ติดตามละครก็ฝันบรรเจิดคิดไปว่า วันไหนที่ได้เจอหญิงงามนามเพราะ กำลังตกระกำลำบาก เราจะเป็นคุณชายสุภาพบุรุษเข้าไปช่วยโอบอุ้มคุ้มครองสุภาพสตรีเช่นนั้น ทุกคนต่างใฝ่ต่างฝันหาพระเอกนางเอกในจินตนาการ แต่ในความเป็นจริงเป็นเรื่องวิถีทางของใครของมันต่างต้องสร้างกันขึ้นมาเอง พระเอกนางเอกในชีวิต เราล้วนเป็นผู้กำกับเอง สิ่งสำคัญ คือ จะมีสักกี่คนที่ยังคงเป็นสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีได้ตลอดกาล
ภาพ : อินเตอร์เน็ต
ใช่หรือไม่ หลายคนที่ได้มีครอบครัว ดูละครเรื่องนี้แล้วหันมามองคนข้างๆ เอ๊ะ...ทำไมคุณชายในสมัยเริ่มรักกันกลายร่างเป็นคุณเฉื่อย เป็นชายโหด ชายเห็นแก่ตัวไปเสียแล้วหล่ะ ส่วนหญิงงามเมื่อเก่าก่อน บัดนี้ความเป็นสุภาพสตรีหนีหายไปไหนหนอ ต่างคนต่างเริ่มเห็นแต่สิ่งไม่ดีไม่งามต่อกัน ต่างคนต่างมีนิสัยที่ดีและไม่ดีด้วยกันทั้งนั้น แต่ยิ่งนานวันเรากลับรับไม่ได้ในสิ่งที่ไม่ดีของกันและกัน นี่ก็เป็นความเห็นแก่ตัวชนิดหนึ่งในชีวิตคู่ วันวานวันหวานจึงเปลี่ยนเป็นขม ประกอบกับความเป็นจริงของคนในยุคนี้ ที่เบื่อหน่ายง่าย แล้วสร้างเหตุผลเข้าข้างตัวเองโดยโยนความผิดให้อีกฝ่ายเป็นคนรับผิดชอบ ชีวิตมีแต่เร่งรีบและไขว่คว้า ไม่มีเวลาว่างๆเพื่อเปิดลิ้นชักความทรงจำอันงดงามออกมาทบทวน ปล่อยชีวิตหลงใหลได้ปลื้มกับสิ่งภายนอก เสาะหาชื่อเสียง เงินทอง ความชื่นชม อยู่ร่ำไป แล้วก็ปล่อยให้ปัญหาอยู่กับภาคต่อมาของคุณชายกลายร่าง 
นั่นก็คือ ลูกๆหลานๆที่สืบสานต่อความเป็นคุณชายคุณหญิงของเรานั่นเอง ปัญหาผลกระทบจากการใช้ชีวิตด้วยวัตถุนิยมอย่างสุดโต่งเมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา เริ่มออกผลพิษให้เราเห็น แต่หลายคนคงยังไม่ทันสังเกต เราถูกสร้างภาพให้เป็นคุณชายคุณหญิงด้วยสิ่งภายนอก ในการสร้างชีวิตครอบครัว ชีวิตคู่ เมื่อมีลูกหลานออกมาเราก็ยังคงเลี้ยงดูด้วยการใช้วัตถุนำ ละเลยการบ่มเพาะจิตใจ หลงลืมการสั่งสอนเรื่องคุณธรรม สั่งสอนเพียงเรื่องภายนอก ปล่อยให้เครื่องอำนวยความสะดวกและสังคมเสมือนจริงในโลกไซเบอร์ชี้นำ โยนการอบรมไปไว้ที่โรงเรียน สถาบันการศึกษาเพียงอย่างเดียว หลายคนอาจจะเห็นตรงข้ามว่า ไม่จริง เด็กสมัยนี้ฉลาดจะตาย ใช่...ไม่เถียง เด็กสมัยนี้ฉลาดมากแต่ไม่ค่อยเฉลียว และมีแนวโน้มว่านิยมความรุนแรงมากกว่ารักสันติ ไม่เหลือความเป็นสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี
เมื่อช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา มีธุระต้องไปทำภารกิจแถวย่านบางแค ตอนกลางวันแสกๆบ่ายแก่ๆ ขณะขับรถอยู่บนถนนเพชรเกษม เห็นเด็กผู้ชายในชุดนักเรียนขาสั้น วิ่งไล่ล่ากันบนสะพานลอย ในมือบางคนมีมีดยาว ไม่นานเสียงปืนดังสนั่นสี่นัด เป็นระยะๆ สักพักรถเริ่มติด เพราะเด็กกลุ่มนั้นใช้ถนนส่วนรวม เป็นถนนส่วนตัวเพื่อสะสางความแค้น เด็กขาสั้นกลุ่มนั้นคงประมาณชั้นมัธยมต้น ในใจคิดว่า ทำไมเด็กๆพวกนี้จิตใจโหดร้ายจัง อีกไม่กี่วันถัดมา เดินทางไปบ้านพี่สาวแถวดอนเมือง บ้านอยู่ซอยสุดท้ายของหมู่บ้าน ใกล้ๆสนามเด็กเล่น ในขณะเดินเข้าไปเห็นรถตำรวจกำลังควบคุมเด็กกลุ่มหนึ่งไปโรงพัก ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนหญิง สอบถามได้ใจความว่า เด็กนักเรียนผู้หญิง มักนัดมาตบตีกันตรงนี้เป็นประจำ บางครั้งมีมาพร้อมกัน 50 คนขึ้นไป ตบตีกันแล้ว ร้องโวยวายเหมือนนกกระจอกแตกรัง รุมกันแล้วก็ถ่ายเป็นคลิปวีดีโอ นำไปโพสต์ขึ้น FaceBook อัพขึ้น YouTube กลายเป็นแฟชั่นสมัยใหม่ ถามแล้วตบตีกันด้วยเรื่องอะไร? คนแถวนั้นบอกว่าเรื่องแย่งชิงผู้ชาย สงสัยคงเป็นคุณชายแห่งวังจุฑาเทพเป็นแน่แท้ถึงได้แย่งกันยกใหญ่...แล้วเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สดๆร้อนๆบนสถานีรถไฟฟ้าตากสิน เด็กนักเรียนมัธยม 3 นัดเคลียร์กับเด็กต่างโรงเรียน เรื่องผู้หญิง แต่ไม่กล้ามาคนเดียว เอาพวกมารุมชกต่อยกัน จนกลายเป็นความแค้นที่ต้องชำระ แล้วลามถึงสถาบันต่อสถาบัน ปัญหานี้กำลังกลายเป็นปัญหาใหญ่ จากที่เคยเห็นเด็กระดับอาชีวะตีกัน เดี๋ยวนี้กลายเป็นระดับขาสั้นคอซองไปเสียแล้ว ทำยังไง เราจึงจะลดความรุนแรงของปัญหานี้ได้ เราต้องกลับไปปลุกสร้างร่างคุณชายสุภาพบุรุษให้เกิดขึ้นในตัวของเรา
สิ่งสำคัญในความเป็นสุภาพบุรุษที่เราเห็นในละคร คือ ความอ่อนโยน การเคารพในศักดิ์ศรีของกันและกัน การแย่งชิงแก้แค้นกันไม่เคยนำความสุขมาให้ใครเลย เราอ่อนโยนต่อใครบ้าง หัวใจอันอ่อนโยนนั้นมีไว้เพื่อคลี่คลายความรุนแรง หัวใจอ่อนโยนนั้นแสดงด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส หัวใจอันอ่อนโยนนั้นย่อมเข้าใจผู้อื่น หัวใจที่อ่อนโยนนั้นไม่ได้หวังเพื่อความเด่นโด่งดัง หัวใจอ่อนโยนนั้นต้องไม่สร้างความทุกข์ให้ใคร 
การเคารพศักดิ์ศรีนั้นต้องเริ่มต้นเคารพตัวเองก่อน อย่าดูถูกและตีค่าตัวเองว่าไร้คุณค่า อย่าประเมินด้วยการวัดค่าตามมาตรฐานทางตรรกะตัวเลข เคารพคนใกล้ชิด รับฟังเข้าใจคนข้างกาย พูดคุยด้วยหัวใจที่ไร้ข้ออ้างที่เข้าข้างตัวเอง รู้จักเงียบ นิ่ง เอาใจเขามาใส่ใจเรา และที่สุด ต้องฝึกสงสารคนอื่นบ้าง คิดก่อนทำว่า การกระทำของเราถ้าทำไปแล้ว คนที่ได้รับผลกระทบมีใครบ้าง บางครั้งเราไปตั้งความหวังของเราบนความทุกข์ของคนใกล้ชิด ชีวิตแบบนี้จะมีความหมายเช่นไร สุภาพบุรุษที่แท้จริงอาจจะต้องรับความเจ็บปวดไว้กับตัวเองเพื่อให้คนรอบกายมีความสุข สุดท้ายแล้ว ลองมองหน้าลูกๆหลานๆของเรา ใช่หรือไม่ พวกเขา คือ ภาคต่อของเรา แล้ววันนี้เราได้ปลูกฝังอะไรลงไปในตัวของพวกเขาบ้าง สุภาพบุรุษชนคือคนที่สังคมโลกต้องการ อย่าให้มีอยู่แต่ในละครภาคค่ำ...

ไม่มีความคิดเห็น: