อะไรเล่าที่สำคัญกว่า
“ที่บ้านไม่เคร่งเรื่องมารยาท
คุณธรรมสำคัญกว่า” วลียอดฮิตในช่วงสัปดาห์นี้เกิดขึ้นจากรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง
ที่มีการแข่งขันโชว์พรสวรรค์พิเศษของแต่ละคน โดยใช้คำว่า “แค่กล้า ก็ชนะแล้ว” และได้มีการนำเด็กวัย 24 ที่มีลักษณะพิเศษมาร่วมแข่งขัน ซึ่งตามหลักจรรยาบรรณแล้วไม่ควรอย่างยิ่งที่จะนำมาออกอากาศ
เพราะนี่เป็นรายการที่บันทึกไว้ก่อน มีการคัดเลือก คัดกรองก่อนเป็นแรมเดือน
แต่ดูเหมือนรายการมีเจตนานำมาออกเพื่อสร้างกระแส
จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม ก็ไม่รู้ว่าเป็นการสมยอม
สมรู้ร่วมคิดเพื่อให้รายการฮิตเป็นที่พูดถึงในสังคมหรือเปล่า
ยุคนี้เป็นยุคที่ใครหรือรายการใดอยากโด่งดัง ก็สร้างเรื่องอะไรๆ
ที่มันขัดแย้งต่อความรู้สึกของคนทั่วไปก็ดังได้ในชั่วข้ามคืนแล้ว เอาเข้าจริง
ใช่หรือไม่... มารยาทนั่นเป็นปลีกย่อยอย่างหนึ่งที่สำคัญของคุณธรรม การแต่งคำ
สรรคำเพื่อให้ดูดี แต่ดูให้ดีๆแล้วอาจจะไม่ใช่ความหมายในคำพูดนั้นเลยก็ได้
เรียกว่าพูดให้เท่เข้าไว้
ในแง่หนึ่งหลายคนบอกว่านี่เป็นการดูถูกศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างที่สุด
มีการพูดดูถูกของพิธีกรและกรรมการตัดสิน ใช่หรือไม่ การทำรายการลักษณะนี้เป็นการ “ฆ่าคน” ทางอ้อม มันบาปนะครับ
ภาพจากอินเตอร์เน็ต |
เมื่อพูดถึงการ “ฆ่าคน” ทางอ้อมแล้ว ก็ให้คิดถึงการฆ่าตัวตายในสังคมที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะที่เราเห็นเรื่องราวร้ายๆเกิดขึ้นมาให้พูดถึงไม่เว้นในแต่ละวัน
จนจะกลายเป็นความเคยชิน ชินชาไปแล้วกระมัง
สิ่งที่เกิดขึ้นมันก็สะท้อนถึงคนเราในยุคนี้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเมื่อราวๆ 2-3
สัปดาห์ที่ผ่านมา
มีข่าวหนึ่งเห็นแล้วมีสิ่งที่น่าจะนำมาเป็นบทเรียนในสังคมแห่งวัตถุนิยม
ในสังคมที่แยกแยะมารยาทกับคุณธรรม ความอวดดีกับความดีงามไม่ออก
เป็นข่าวของนักวิชาการอบรมและฝึกวิชาชีพ ชำนาญการ เรือนจำกลางนครราชสีมา หรือผู้คุม
ระดับซี 7 ยิงตัวตายพร้อมลูกๆอีกสองคน ในที่เกิดเหตุเป็นบ้านหรูหราขนาด 2 ชั้นมีรั้วรอบขอบชิด บนเนื้อที่ 80 ตารางวา ภายในหมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่ มีรถยนต์เก๋งจอดอยู่ภายในบ้าน 2
คัน
ที่บริเวณห้องรับแขกและห้องนั่งเล่นชั้นล่าง นอกจากนี้
ยังพบแท็บเล็ต 3 เครื่อง
พวงกุญแจ ตุ๊กตาหมี หนังสือแจ้งให้ชำระหนี้ และจดหมายลาตายใจความระบุทำนองว่า “รักลูกมากอยากเอาลูกไปอยู่ด้วย ไม่อยากให้เป็นภาระใคร กลัวลูกจะลำบาก”
ภรรยาผู้เสียชีวิตให้การทั้งน้ำตาว่า
เมื่อเช้าก่อนที่จะออกไปทำงานสามีบอกว่าจะไม่ไปทำงาน และขอเงิน 500 บาท แต่ตนไม่มีให้ กระทั่งเวลา 09.00 น.ตนถึงโทรศัพท์เข้ามือถือสามีแต่ไม่รับ
และโทรฯไปที่ทำงานได้รับแจ้งจากเพื่อนร่วมงานว่าสามีไม่ได้มาทำงาน
รู้สึกแปลกใจจึงขับรถมาดูที่บ้านและพบศพสามีพร้อมลูกสาวทั้ง 2 คน
ภาพจากอินเตอร์เน็ต |
จริงๆไม่ได้ตั้งใจจะนำมาเสนอเพื่อซ้ำเติมความเศร้าของใครทั้งสิ้น
แต่สิ่งที่น่าคิดมีมุมมองให้พิเคราะห์เป็นบทเรียนในชีวิตของเราๆท่านๆได้เป็นอย่างดี
ทรัพย์สินที่สะสมไว้มากมาย แต่เงินเพียง 500 บาทกลับไม่มีติดตัว
สิ่งของส่วนเกินความจำเป็นก็เยอะมีเพื่ออะไร คำถามมากมายผุดขึ้น...
แต่ก็นั่นแหละเรามิได้อยู่ในสถานการณ์ความกดดันแบบนั้นก็ยากยิ่งจะเข้าใจในการกระทำของผู้เสียชีวิต
ได้แต่นำมาสอนใจว่าชีวิตเราอย่าได้ก้าวไปสู่จุดนั้นเด็ดขาด
เพราะสิ่งสำคัญสุดคือการมีลมหายใจ ที่พระเจ้าเป่าปันมาให้เรานั้นประเสริฐสุด
เราควรต้องรักษาไว้จนสิ้นลมหายใจ สิ่งอื่นนั้นเป็นเพียงส่วนประกอบ เสริมให้ชีวิตดำเนินไปด้วยความสะดวก
ท่ามกลางทรัพย์สินมากมาย แต่หาได้มีความหมาย นำพาความสุขมาสู่ชีวิตแต่อย่างใด
บทเรียนบทนี้สอนเราว่า สิ่งที่เรากำลังทุ่มทุนสร้าง
ทุ่มชีวิตเสาะหานั้นมันมากเกินไปหรือเปล่า
มีแล้วแค่นำมาซึ่งความสะดวกสบายหรือนำความทุกข์มาเพิ่ม ยิ่งเราส่งเสริมมาเพิ่มเติมด้วยสื่อที่ยัดเยียดความอยากได้ใคร่มีเข้าไปอีก
การกระทำแบบนี้ก็จะยิ่งมีมากขึ้นในสังคม แล้วเราเล่าควรจะเตรียมตัวอย่างไร ?
ชีวิตทุกชีวิต ต้องการความสุข
และหลีกเลี่ยงความทุกข์ เป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าใจและตั้งใจเช่นนั้น
แต่เพื่อไปให้ถึงจุดนั้น เราต้องเป็นคนมีสติปัญญา มีความดีงาม
นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวว่า “เป็นชีวิตที่ประเสริฐ เป็นชีวิตที่ประกอบด้วยสติปัญญา” สติปัญญาจะเกิดได้ก็ต้องอาศัยการอบรมปลูกฝังและพัฒนาไปสู่จิตวิญญาณ
การศึกษาเพื่อเพิ่มพูนปัญญาเป็นสิ่งจำเป็นก็จริง
แต่ยังไม่เพียงพอเพื่อการพัฒนาสู่ความเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์
ยิ่งระบบการศึกษาสมัยใหม่ที่ไม่ใคร่ใส่ใจเรื่องคุณธรรม
เรื่องคุณค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เราจึงมีคนที่เติบโตแต่สติปัญญาแต่ไร้คุณธรรม
ภาพจากอินเตอร์เน็ต |
ความขึ้นลงของชีวิตเป็นเรื่องปกติ
ความสุขความทุกข์นั้น เป็นสิ่งที่เคียงคู่กับชีวิตโดยตลอด ไม่มีชีวิตใดไม่ประสบกับความสุขหรือความทุกข์
ความทุกข์ยากเป็นสิ่งที่ต้องผ่านเข้ามาในชีวิต
เป็นประสบการณ์อันสำคัญที่ทำให้เข้าใจและพัฒนาชีวิตให้สูงขึ้นได้
ในชีวิตของคนทุกคน ถ้ามีแต่ความสุขก็อ่อนแอ ไม่รู้จักชีวิต ถ้ามีแต่ความทุกข์
ก็คงทนไม่ไหว ชีวิตจึงต้องผ่านทั้งทุกข์และสุข เพื่อความเข้มแข็งสมบูรณ์ของชีวิต
ชีวิตมีค่าเสมอ
และชีวิตที่มีค่านั้นต้องประกอบด้วยคุณธรรม หาใช่วัตถุแวดล้อมประกอบภายนอก
สิ่งที่เราจะต้องเสริมสร้าง สะสม ควรเป็นสิ่งที่อยู่ภายในมากกว่า เพียงแค่กล้า
ก็ชนะแล้ว และชัยชนะที่ยิ่งใหญ่สุดคือการชนะตัวเอง ไม่หลงใหลไปกับสิ่งปรุงแต่ง
กับเปลือกภายนอก แล้วเรากล้าพอหรือเปล่าที่จะเอาชนะตัวเอง
กล้าลุกขึ้นจากความตายด้านทางจิตวิญญาณในวันที่พระเยซูเจ้าบอกให้เราลุกขึ้นหรือเปล่า..อย่าปล่อยให้สิ่งของในโลกครอบงำเราจนแยกไม่ออกว่าอะไรเล่าสำคัญที่สุดในชีวิต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น