เมื่อความเซ็ง-เหงาเข้ายึดโลก
อาการหนึ่งของคนยุคใหม่ที่ใช้โซเชี่ยลมีเดียเป็นเพื่อน
และเครื่องมือ คือการบ่นรำพันให้คนทั้งโลกได้รับรู้ เรื่องที่บ่นกันมากติดอันดับต้นๆคือ
เซ็ง เหงา เบื่อ น่าแปลกใจไม่ใช่น้อย
ในโลกเสมือนจริงนี้ที่เพียงโพสต์ข้อความที่บ่งบอกถึงการที่ว่ามาก็มีคนเข้ามาให้กำลังใจ
แต่ทำไมต้องเหงากันมากมายขนาดนั้นด้วย
ดูเหมือนว่าโลกกำลังถูกคุกคาม ถูกยึดด้วยความเหงา ความเซ็งของคนหนุ่มสาวไปเสียแล้ว
การแก้เหงาหงอยซึมเศร้า ไม่ใช่เรื่องยากเพียงแค่ก้าวออกมาเผชิญหน้าความจริง
มาพบปะสนทนากันแบบหน้าต่อหน้า ตาจ้องตา ออกท่องเที่ยวหาความรู้ใหม่ๆ
สัมผัสชีวิตของคนอื่นดูบ้าง แล้วลดการพร่ำบ่น
สร้างแรงบันดาลใจให้เกิดขึ้นกับชีวิต จากนั้นก็นำสิ่งที่ได้รับรู้ รับฟัง รับเห็น
มาแบ่งปันในโซเชี่ยลมีเดีย เพื่อให้เพื่อนๆได้รับสิ่งที่งดงาม
เรื่องราวสะท้อนความรักของพระเจ้า
เราทุกคนนั้นมีคุณค่าเสมอ
การที่เรามีลมหายใจ มีอวัยวะครบถ้วนสมบูรณ์นี่ถือว่าสุดยอดแล้ว
เราใช้พระพรเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์คุ้มค่าหรือยัง เราโชคดีแค่ไหนแล้ว
แต่อยู่ดีๆกลับไปให้ความเหงา
ความเปลี้ยเสียหายทางอารมณ์มาทำให้ความมีชีวิตชีวาหล่นหายไป มานั่งหมดแรง
หมดกำลังใจ เฝ้าบ่นท้อต่อสิ่งรอบตัว
เมื่อเห็นความเหงาความเซ็ง
กำลังเข้าครอบงำโลกของคนหนุ่มสาวแล้ว
ก็คิดถึงคนๆหนึ่งซึ่งก็ได้เคยเขียนเรื่องราวของเขาในบทความที่ผ่านมาบ้างแล้ว
แต่ชีวิตของเขาไม่ได้หยุดลงเลย เขายังคงมีพัฒนาการเพื่อผู้อื่นอย่างต่อเนื่อง
เขาท่องไปทั่วโลกเพื่อบอกให้โลกเลิกเหงา เลิกเบื่อ เลิกเซ็ง ทำตัวให้มีประโยชน์
ด้วยการใช้ชีวิตของเขาเป็นต้นแบบ ในช่วงเวลานี้เขาได้เดินทางมาบรรยายทั่วเอเชีย
และเพิ่งได้ทราบข่าวน่ายินดีว่าจะมาสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยในช่วงเดือนกันยายนนี้ด้วย
เขาผู้นี้คือ “นิค วูจิซิค (Nick
Vujicic)” หนุ่มออสเตรเลีย วัย 29 ปี
ชายพิการไม่มีแขนขาผู้หนึ่ง ที่ซึ่งเขาไม่เคยย่อท้อ
แต่กลับเป็นแรงบันดาลใจให้แก่คนมากมายให้ลุกขึ้นมาต่อสู้กับชีวิต ซึ่งเรื่องราวของเขาโด่งดังไปทั่วโลก
ในฐานะหนุ่มพิการหัวใจแกร่ง
ย่างก้าวชีวิตของเราแต่ละคนล้วนมีอุปสรรคและสิ่งท้าทายเข้ามาอยู่เสมอๆ
บางคนก็สามารถก้าวพ้นความลำบากนั้นไปได้
แต่สำหรับคนพิการยิ่งต้องมีความลำบากยากยิ่งขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว “นิค” เป็นคนมองโลกในแง่ดี
เขาคิดเสมอว่า ความบกพร่องทางร่างกายของเขา คือ การทดลองที่พระเจ้ามอบให้
แม้ว่าคนในครอบครัวของเขาต่างเสียใจที่เขาเกิดมาพิการ
แต่...เขากลับทำให้ทุกคนได้เห็นว่า เขาเป็นเหมือนคนปกติ มีร่างกายแข็งแรง
เพียงแต่ไม่มีแขนและขาเท่านั้น
“นิค” บอกพ่อแม่ว่า เขาอยากใช้ชีวิตตามปกติ เหมือนคนธรรมดาๆทั่วไป
และไม่ต้องการให้ใครมาดูแลเป็นพิเศษ เขาสามารถต่อสู้กับกฎหมายที่ระบุไว้ว่า
ห้ามคนพิการเข้าเรียนในโรงเรียนชั้นนำได้สำเร็จ ทำให้เขากลายเป็นคนพิการรุ่นแรกๆ
ที่ได้รับการศึกษาจากโรงเรียนระดับแถวหน้า แม้เขาจะต้องเผชิญกับสายตาของคนอื่นที่มองมา
และสื่อให้เห็นว่าเขาเป็นคนแปลกแยก แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาท้อถอยแต่อย่างใด
ในที่สุด “นิค” ก็ฝ่าฟันอุปสรรคก้าวแรกไปได้อย่างสวยงาม เขาสำเร็จการศึกษา
คว้าปริญญาตรีด้านการค้า เอกการวางแผนด้านการเงินและบัญชี มาได้สำเร็จ
และเป็นการลบคำสบประมาทของใครหลายๆคน ที่มองว่าเขาไม่น่าจะทำได้ เขารู้ดีว่า
ความสำเร็จของเขาเกิดขึ้นได้ เพราะมีกำลังใจที่ดี และไม่ท้อแท้
นั่นทำให้เขามีความปรารถนาที่จะแบ่งปันและส่งต่อกำลังใจเหล่านั้น
ให้กับเพื่อนมนุษย์ที่กำลังท้อแท้ สิ้นหวัง อย่างที่เขาเคยประสบมาก่อน
ด้วยเหตุนี้ทำให้ “นิค” ได้เดินทางไปบรรยายสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วโลก
เขาพยายามปลุกให้ทุกคนลุกขึ้นมาต่อสู้ได้อีกครั้งหนึ่ง โดยเขามักพูดเสมอว่า หากวันหนึ่งใครก็ตามที่ล้มและไม่มีกำลังจะลุกขึ้น
ไม่มีความหวังเกิดขึ้นอีกแล้ว ขอให้หันกลับมามองชีวิตของเขาที่ไม่มีแขน ไม่มีขา
ก่อนหน้านี้ไม่มีใครคิดว่าเขาจะลุกขึ้นมาได้ แต่เขาก็พยายามที่จะลุกขึ้นมา
ครั้งแรก ครั้งที่สอง สาม … หรือแม้จะเป็นครั้งที่ร้อย
ครั้งที่พันเขาจะลุกไม่ได้ แต่หลังจากที่เขาพยายามทำและไม่ท้อแท้
ทำให้วันนี้เขาสามารถลุกเดินได้สำเร็จ
“ถ้าผมล้ม…แล้วยอมแพ้ คุณคิดว่าผมจะลุกขึ้นอีกได้ไหม”
เป็นคำถามที่ “นิค” ถามกับทุกคน
ซึ่งแน่นอนว่า คำตอบคือ “ไม่”
แต่วันนี้ เขาสามารถพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่า ความพยายามและไม่ยอมแพ้ของเขา
ทำให้เขาประสบความสำเร็จ หากเราเจออุปสรรคร้ายแรง แล้วเราสามารถลุกขึ้นมาได้
เราจะผ่านมันไปได้อย่างเข้มแข็ง ขอเพียงแค่ให้กำลังใจกับตัวเองเท่านั้น
อย่างเช่นที่เขาพยายามทำอยู่ในทุกๆ วัน
แม้ “นิค” จะมีความบกพร่องทางร่างกาย
แต่เขาก็ยังเดินหน้าสู้ต่อไป แถมยังคอยกระตุ้น
และให้กำลังใจเพื่อนมนุษย์ที่หมดกำลังใจไปพร้อมๆ กัน แล้วพวกเราล่ะ
ผู้มีแขนขาร่างกายที่สมบูรณ์ครบทุกอย่าง กลับมานั่งเหงาหงอย
เซ็งๆเบื่อๆอยู่อย่างนี้หรือโลกมันอยู่ยาก เพราะเราทำให้มันอยู่ยากกันไปเอง เลิกเหงากันได้แล้ว
หันมาร่วมมือ ร่วมใจกันกอบกู้โลกที่สวยงามให้กลับคืนมา
เรามาบนโลกนี้เพื่ออะไร? คงไม่ใช่มาสะสมความเหงา ความเซ็ง ความเบื่อกระมัง
ลองมองดูตัวเองซิว่าเรามีอวัยวะครบสมบูรณ์ดีใช่ไหม
แล้วเราใช้มันครบทุกส่วนเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเรา คนรอบข้าง
สังคมโดยรวมหรือยัง ถ้ายัง จงออกไปสู่โลกแล้วใช้มันให้เกิดประโยชน์ซะ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น