เกลือ...เค็ม แต่ดี
ไม่ใช่ดี...แต่เค็ม
ในขณะที่ประเทศไทยของเรากำลังก้าวสู่ยุคดิจิตอลอย่างเต็มรูปแบบ
มีทั้ง 3Gใช้ ระบบโทรทัศน์ก็กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นระบบดิจิตอล
มีการกำหนดราคาประมูล ช่อง จำนวนเงินมหาศาลกำลังถูกใช้เพื่อการเปลี่ยนผ่านนี้
หลายๆบริษัทสื่อยักษ์ใหญ่ ต่างก็เตรียมเข้าเป็นเจ้าของช่อง ทำให้คิดถึงคำกล่าวที่ว่า
“ยุคนี้เป็นยุคสื่อสารครองเมือง” ใครมีสื่อในมือย่อมมีอำนาจ ทำให้หลายคนอยากมีสื่อไว้ครอบครอง
โลกของเราก็พัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ ในสมัยหนึ่งใครมีกองกำลังคน
มีอาวุธยุทโธปกรณ์มากก็ครองโลก ไล่ล่าอาณานิคม หาเมืองขึ้นเข้าครอบครอง มาอีกสมัยหนึ่งใครมีเงินมีทองคำมาก
ก็เป็นผู้มีอำนาจสามารถกำหนดทิศทางตลาดทุน เข้าครอบครองโลกได้ ยุคปัจจุบันคือยุคใครมีสื่อทันสมัย
โลกก็อยู่ในกำมือ ก็ครองโลกได้อีกเช่นกัน และมียุคๆหนึ่ง ใครที่ได้ครอบครองการทำเหมืองเกลือจะกลายเป็นผู้คุมอำนาจ มีอิทธิพลต่อระบบการค้าขายของโลก
หน้าทางเข้าเหมืองเกลือ |
เมื่อถึงตรงนี้ ทำให้อดคิดถึงการเดินทางไปเยือนถิ่นหนาว
และเป็นสิ่งที่น่ายินดีที่เราได้มีโอกาสเยี่ยมชมสถานที่แห่งหนึ่ง
หลังจากไปแสวงบุญพระเมตตาและเยี่ยมเยือนบ้านของบุญราศีสมเด็จพระสันตะปาปา ยอห์น
ปอล ที่ 2 มาแล้ว นั่นก็ คือ เหมืองเกลือที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดของโปแลนด์
เป็นเหมืองใต้ดินที่มหัศจรรย์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จนทำให้รัฐบาลโปแลนด์
ประกาศให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเมื่อปี ค.ศ. 1994 และนอกจากนี้เหมืองเกลือในเมืองเวียลิซก้า (Wieliczka)
ถือว่าจัดเป็นหนึ่งในมรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติขององค์การยูเนสโก้อีกด้วย ภายในเหมืองจะมีลิฟท์ซึ่งจะลงลึกถึงชั้นใต้ดินของเหมือง
โดยชั้นที่ลึกที่สุดจะลึกถึง 327 เมตร ที่มาของเหมืองนี้เกิดจาก
ในสมัยก่อนเกลือนั้นเกิดตามธรรมชาติมาประมาณ 20 ล้านปี
เกลือมีค่าดุจทองคำ เพราะใช้ในการถนอมรักษาอาหาร
ภายในเหมืองเก่าแก่ชั้นใต้ดินจะประกอบไปด้วย
แกลอรี่และห้องต่างๆ ซึ่งสร้างและแกะสลักจากเกลือทั้งหมด ความงามของทะเลเกลือใต้พิภพ
ซึ่งจะทำให้เหมืองแห่งนี้กลายเป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยว
เหมืองนี้ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 และผลิตเกลือแกง
จนกระทั่งปี ค.ศ. 2007 นับได้ว่าเป็นเหมืองเกลือที่เก่าแก่ที่สุดเหมืองหนึ่งในโลกที่ยังคงดำเนินการอยู่ในสมัยนั้น
แต่อย่างไรก็ตาม การผลิตเกลือเชิงพาณิชย์ได้ปิดดำเนินการมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1996
เพราะไม่คุ้มทุนและเกิดน้ำท่วมเหมือง
ค่าธรรมเนียมการเข้าชมเหมืองเกลือพร้อมด้วยไกด์ภาษาอังกฤษจะตกอยู่ที่คนละประมาณ
600-700 บาท
และถ้าต้องการถ่ายภาพภายในเหมืองก็ต้องจ่ายเพิ่มอีกคนละประมาณ 80-100 บาท การเข้าชมจะมีเป็นรอบๆ ในทุกชั่วโมง คณะของเราเดินทางมาถึงก่อนเวลานัดหมายนิดหน่อย
จึงมีเวลาสัมผัสกับความหนาวเย็นหน้าทางเข้าเหมืองท่ามกลางหิมะ
จากนั้นเราก็ได้รับเครื่องรับฟังคนละเครื่อง และจัดแถวเพื่อเข้าลิฟท์กลุ่มละ 9 คน
ซึ่งก็อัดแน่นพอสมควร เราลงไปในความลึกเพียงที่ 64 เมตร (ความลึกทั้งหมด 327 เมตร) ระยะทางในการเดินชมในเหมืองทั้งหมดเป็นระยะทางประมาณ
3 กิโลเมตร
เหมืองอันใหญ่โตแห่งนี้เคยถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการทหาร
การผลิตอาวุธและกำลังบำรุง ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง โดยกองทัพเยอรมันอีกด้วยเนื่องจากชาวเหมืองต้องทำงานและอาศัยในเหมืองเป็นระยะเวลานาน
เราจะเห็นศิลปะแขนงต่างๆ ของชาวเหมือง ที่สะท้อนความเชื่อและสิ่งที่เป็นความสำคัญของชาวเหมืองปรากฏในรูปแบบของศิลปะอยู่ตลอดทาง
ภายในมีวัดน้อย Saint
Kinga ที่มีความงดงาม ทุกอย่างในเหมืองนี้จะทำด้วยเกลือ
ภายในเหมือง |
เอกสารนำเที่ยวเหมืองเกลือ บอกว่า บริเวณนี้เมื่อ
20 ล้านปีที่แล้วเคยเป็นก้นทะเลตื้นๆ ที่เป็นแอ่งเกลือ
ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้จะไม่มีทะเลและหาดทรายให้เห็นแล้วก็ตามแต่พยานที่บอกว่าที่นี่เคยเป็นทะเลมาก่อน
คือ การที่มีเกลือจำนวนมากอยู่ตามพื้นและใต้ดิน
ประวัติศาสตร์ทั้งหมดก่อนศตวรรษที่ยี่สิบ
จึงเป็นเรื่องราวของการค้นหาเกลือที่เต็มไปด้วยอันตราย การค้าเกลือ
และการต่อสู้แย่งชิงเกลือ เป็นเวลาหลายพันปีแล้วที่เกลือเป็นตัวแทนของความมั่งคั่ง
พ่อค้าเกลือในแคริบเบียนจะเก็บเกลือไว้ในห้องใต้ดิน ชาวจีน ชาวโรมัน ชาวฝรั่งเศส
ชาวเวนิซ ตระกูลฮัพเบิร์ก และรัฐบาลอื่นๆ
อีกมากมายได้เก็บภาษีเกลือเพื่อหาเงินในการทำสงคราม
มีการจ่ายเกลือเป็นค่าจ้างให้แก่ทหาร และบางครั้งก็ให้แก่คนงานด้วย
ระหว่างทางคุณพ่อเฉลิม กิจมงคล
หนึ่งในผู้ร่วมคณะได้แบ่งปันไว้ว่า ในสมัยพระเยซูเจ้าเกลือต้องมีความสำคัญยิ่ง
เกลือจึงเป็นสิ่งแรกที่พระองค์ทรงเอ่ยถึงในบทสอนของพระองค์
หลังจากที่พระองค์ทรงเกริ่นนำด้วยบทเทศน์บนภูเขาเรื่องความสุขแท้ (มธ 5 : 1-16)
พระองค์ตรัสว่า “ท่านทั้งหลายจงเป็นเกลือดองแผ่นดิน”
ก่อนที่จะตรัสว่า “ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างส่องโลก”
เสียด้วย
โบส์ถในเหมือง |
โลกสังคม
ชุมชนและครอบครัวของเราในปัจจุบันกำลังถูกดึงเข้าไปในวังวนของความเน่า
จิตใจของผู้คนก็ยิ่งเน่า เราต้องทำตนมีค่าเช่นเกลือ
ช่วยกันป้องกันและรักษาทุกชีวิตบนแผ่นดินมิให้เน่าเสียไปมากกว่านี้ โดยไม่ใช่ดองความดีของเราไว้เพียงเพื่อตัวเอง
เกลือมีค่าที่ความเค็มที่นำไปถนอมสิ่งอื่นให้ยืนยาว
แล้วเราเล่ามีค่าที่ความดีเพื่อคนอื่นมากน้อยเพียงใด...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น