วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2556

คนหลังวัด


คนหลังวัด
ภาพที่คุ้นชินตา ที่มักเห็นภายในวัดของเรา ในบางรอบมิสซา จะมีชายชราคนหนึ่งที่เดินมาเปิดวัด มาจัดแท่น ตีระฆัง จุดเทียน แล้วก็หายไปอยู่หลังวัด คนที่เราเห็นคนนั้น วันนี้นอนรักษาตัวอยู่ในห้อง ICU ที่โรงพยาบาลเลิดสิน ด้วยความคุ้นชินส่วนตัวคุณลุงเป็นแฟนพันธุ์แท้คอลัมน์ คนข้างวัด อย่างเหนียวแน่นคนหนึ่ง มีโอกาสทักทายกันทุกครั้งที่พบเจอ เมื่อรู้ข่าวว่าคุณลุงป่วย จึงได้หาเวลาว่างเพื่อไปเยี่ยม
เตียงที่1 คือที่นอนที่ใช้รักษาคุณลุง ภาพที่เห็น คือคนแก่ที่ใบหน้าไม่เหมือนเดิมนอนบนเตียงที่เต็มไปด้วยสายระโยงระยาง คุณลุงอยากจะพูดอะไรบางสิ่งบางอย่างเมื่อได้เห็นว่ามีคนมาเยี่ยม แต่ไม่สามารถพูดออกมาเป็นคำได้ แววตาและสีหน้าแสดงถึงความกังวลอะไรบางอย่าง เราผู้ไปเยี่ยมเพียงได้แต่บอกว่า ไม่ต้องห่วงอะไรนะลุง พักรักษาตัวให้สบาย ยอมรับเลยว่าแทบอดกั้นน้ำตาแห่งความสงสารไว้ไม่อยู่ จากคนที่มักคุ้น คุ้นเคยที่เดินไปเดินมา ทักทายถามไถ่กันบ้าง เพียงไม่กี่วันกลับมานอนรักษาตัว ร่างกายผ่ายผอมลงไปมาก และด้วยความที่คุณลุงทำงานเพื่อวัดมาอย่างยาวนาน ทำให้มีผู้ใจบุญกรุณาเป็นธุระติดต่อคุณหมอ ดูแลให้เป็นอย่างดี ทำให้ญาติพี่น้องของคุณลุงเบาแรงเบาใจได้ในระดับหนึ่ง อีกทั้งคุณพ่อเจ้าวัด คุณพ่อปลัด ก็ได้ไปเยี่ยมและโปรดศีลให้ ด้วยความห่วงใยเช่นกัน
เห็นคุณลุงคนหลังวัดแล้วก็ทำให้นึกถึง คนหลังฉาก คนเบื้องหลังในงานสำคัญ หลายๆครั้งหากไม่มีบุคคลเหล่านี้ งานอาจจะไม่สำเร็จลุล่วงลงไปได้ โลกมีความสมดุลเสมอ คนเบื้องหลังย่อมทำหน้าที่เพื่อเสริมส่งคนเบื้องหน้า และหากเรายอมรับในความเป็นบุตรของพระเจ้าอย่างเท่าเทียมกัน เราก็ย่อมให้คุณค่ากับคนทุกคนได้ไม่ว่าจะอยู่ข้างหน้าหรือข้างหลัง
เห็นคุณลุงนอนป่วยหมดเรี่ยวแรง ใจก็อดคิดไม่ได้ว่า ในบรรดาสรรพสิ่งสร้างมีเพียงมนุษย์กระมั๊ง ที่มีอุปนิสัยแห่งความโมโห ความอิจฉา ชอบดูถูกหยามหยันกัน ในวันที่เรายังดีๆ มีเรี่ยวแรงก็มักจะก่อความขัดแย้งต่อกัน ทำอะไรไม่ถูกใจก็โมโหดุด่าว่ากล่าวให้เจ็บช้ำน้ำใจ หากอีกฝ่ายไม่ยอมก็มีโต้เถียง เมื่อไม่ยอมจบความสงบในใจของทั้งสองฝ่ายก็ไม่มี เพียงเงาก็ไม่อยากจะพบเจอ ยิ่งเห็นอีกฝ่ายหนึ่งได้ดิบได้ดี ก็เฝ้าอิจฉาตาร้อน เอาไปนินทาว่ากล่าวลับหลัง เพื่อหาพวกมาสนับสนุนอยู่ฝ่ายตน คนเรานี่ก็แปลก !!!จะอยู่กันแบบสงบเงียบๆกันไม่ได้ จวบจนวันสุดท้ายนั่นแหละ เมื่ออีกฝ่ายหนึ่งล้มหายตายจากไป จึงจะยอมกล่าวคำขอโทษ ขออโหสิกรรมต่อกัน คนหลังวัดอย่างคุณลุงทำความดีอย่างเงียบๆ แต่มีคนลับหลังเท่านั่นแหละที่อยู่นิ่งๆไม่เป็น

        ใช่หรือไม่ ชีวิตที่มีค่า ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นคนที่มีเงินทองมากมาย มีเกียรติยศ ชื่อเสียง มีคนนับหน้าถือตาเยอะๆ คนหลายคนเป็นคนที่มีค่ามาก ทำงานแบบปิดทองหลังพระ อยู่เบื้องหลัง ไม่มีโอกาสได้แสดงตัว แต่พวกเขาเหล่านั้นกลับเป็นคนที่มีคุณค่ามาก เป็นงานเบื้องหลังความสำเร็จของคนอื่น เปรียบเหมือนเลขศูนย์ที่ดูเหมือนไม่มีค่า แต่ว่าพอเลขศูนย์ไปอยู่ข้างหลังเลขตัวไหนก็ตาม เลขตัวนั้นจะมีค่าขึ้นมาทันที เช่น ... 10, 100 , 1000 , 10000, 100000, 1000000 .... เรียกว่าศูนย์เพิ่มค่า
มีคนมากมายที่อยู่เบื้องหลังเรา คอยส่งเสริมให้ชีวิตเรามีคุณค่าขึ้น พ่อแม่ยอมเหนื่อยเพื่อให้เราได้อยู่สุขสบาย คำสั่งสอนแบบฉบับของพ่อแม่ที่ทำให้เรารู้จักถ่อมตนและอ่อนโยน ไม่โอหังอวดดีให้เป็นที่รังเกียจหมั่นไส้ของคนอื่น ความสุขแท้ของคน คือการได้ยืนแอบยิ้มอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของผู้อื่น พระวาจาและคำสอนของพระศาสนจักรที่สอนให้เรามีคุณค่า ด้วยการให้เกียรติและรักคนอื่นอย่างที่เรารักตัวเอง สถาบันการศึกษาที่บ่มเพาะอบรมปลูกฝัง ด้วยการให้ยึดมั่นทำงาน มิใช่ด้วยการประจบทำตนให้มีประโยชน์ ให้มีค่า ไม่ใช่งอมืองอเท้า หรือมัวแต่นั่งน้อยเนื้อต่ำใจในวาสนาชะตาชีวิต ต้องสร้างกำลังใจให้ตนเองอย่ารอคอยจากคนอื่น 
และคนเราทุกคนย่อมต้องเคยมีภาวะที่ต้องเป็นคนเบื้องหน้า และคนเบื้องหลัง เพียงแต่ว่าเราจะรู้ตัวหรือไม่ว่า ที่สุดแล้ว เราเหมาะที่จะก้าวมาอยู่เบื้องหน้า รับแรงเสียดแทนคนอื่นก่อน หรือจะเป็นคนคอยผลักดัน คนจัดเตรียมให้ผู้อื่น พระเจ้าได้มอบหมายให้เราแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราจึงไม่จำเป็นต้องทำเหมือนคนอื่น คนที่สละตัวอาสาทำงานที่ได้รับมอบหมาย โดยไม่ปริปากบ่น รู้จักอาสาคน อาสาทำงาน ตั้งใจทำงานโดยไม่เกี่ยงงอน ไม่ว่าจะเป็นงานใดๆก็ตาม ก็ต้องตั้งใจทำให้เป็นของมีค่าขึ้นมาได้ หรือยินดีในการบริการ เหมือนคนที่อิ่มเอิบเมื่อได้บริการรับใช้คนอื่น รับใช้สังคม ดีใจเมื่อคนยินดีมาใช้บริการความรู้ ความสามารถของตนและยินดีที่ได้เสนอตัวเข้าไปบริการมากกว่าเข้าไปบริหาร 
คนที่พอใจที่ได้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของคนอื่น ต้องมีความพอใจที่จะทำงานปิดทองหลังพระ เป็นผู้ปิดทองหลังพระมีความสุขและภูมิใจที่ได้มอบความสำเร็จให้คนอื่น จากชีวิตหนึ่งเพื่อสู่ชีวิตหนึ่ง เหตุใดเล่าเราจึงดิ้นรนอยากเป็นคนยิ่งใหญ่กันนัก เอาเข้าจริงหนทางแบบนี้มันมีความสุขจริงหรือ แม้ว่าวันนี้คุณลุงต้องนอนรักษาตัว และเจ็บปวดกับอาการของโรค แต่คนหลังวัดคนนี้ก็ได้ทำให้เราสัตบุรุษผู้มาเข้าวัดอีกหลายร้อยคน ได้รับความสงบสุขทางด้านจิตใจมาอย่างยาวนาน และเราก็หวังว่าสุดท้ายแล้วคุณลุงก็จะได้รับความสุขสันติตามน้ำพระทัยของพระเจ้าอย่างงดงามที่สุด ขอคำภาวนาสำหรับคุณลุงผู้อยู่หลังวัดด้วยนะครับ...

ไม่มีความคิดเห็น: