แสงสว่างที่อบอุ่น
การตกใจสะดุ้งตื่นแล้วเกิดอาการสับสนว่าเรานอนอยู่ที่ไหน!!! วันนี้เป็นวันอะไร!!! ต้องรีบไปไหนหรือเปล่า!!! เกิดขึ้นในเช้าตรู่ของวันที่ต้องมานอนในต่างที่ต่างถิ่น กว่าจะรวบรวมสติได้ ก็กินเวลาไปร่วมๆนาที และเมื่อทุกอย่างคืนสู่สภาวะปกติก็ถึงบางอ้อว่า ที่ตกใจนั้นเพราะตื่นมาแล้ว พบแต่ความมืดรอบด้าน แถมยังไม่ใช่ที่ที่คุ้นชิน หยิบนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา เพิ่งจะตีสี่กว่าๆเอง จึงคิดจะเดินออกไปข้างนอกห้องพักสักหน่อย แต่...ประตูตึกก็ยังไม่เปิด รอบนอกยังคงมืดสงัด
กลับมาลงนอน ลืมตาอยู่ในความมืด ก็คิดว่าหากเป็นสมัยเมื่อยังเด็กๆ ตื่นขึ้นมาแบบนี้ คงจะเต็มไปด้วยความกลัว ร้องเรียกหาคนมานอนเป็นเพื่อน หรือไม่ก็ต้องรีบคลุมโปงนอนซุกตัวใต้ผ้าห่ม ไม่ว่าจะร้อนเพียงใดก็ยังดีกว่าจะเห็นอะไรแปลกๆในความมืด ใช่หรือไม่ สิ่งที่เรากลัวนั้นไม่ใช่การกลัวผีสางหรือวิญญาณ ...เรากลัวความมืด กลัวการอยู่คนเดียวต่างหาก เมื่อวันเวลาผ่านไป เติบโตขึ้น ทำให้เรากลัวความมืดน้อยลง อาจจะเป็นเพราะเรารู้ว่าในความมืดนั้นมันคือ ความเงียบสงบ คือ การเตรียมตัวพร้อมสู่ความสว่างของวันใหม่ คือ การพักผ่อน คือ สัจธรรมของโลกที่มีมืดแล้วย่อมมีสว่าง..
เฉกเช่นเดียวกับในหนทางชีวิตที่ย่อมมีทั้งด้านมืดและด้านสว่าง ด้านมืดที่เรามักกลัว กลัวว่าเมื่ออยู่ในที่มืดจะมีใครเข้ามาทำลายเรา กลัวคนอื่นรู้ในมุมมืดของเรา กลัวการไม่เป็นที่ยอมรับ ที่สุด..เราก็พยายามปกปิดความกลัวในด้านมืดของเราเสีย ด้วยการมุ่งหาด้านมืดของผู้อื่นมาชดเชย ในทางตรงกันข้ามเราชอบให้คนอื่นมองเห็นด้านสว่างของเรา อยากจะฉายแสงแรงกร้าให้คนทั้งโลกได้เห็น ทำไปทำมาแสงมากเกินไป จนเกิดพิษเกิดภัย ทั้งต่อตัวเองและผู้พบเห็น ส่วนแสงสว่างของคนอื่น เราก็พยายามเอาถังไปครอบไว้ ถ้าทุกนาทีในชีวิตลองได้เป็นแบบนี้ ชีวิตก็คงมีแต่ทุกข์มีแต่เครียด …
เมื่อคิดมาถึงตรงจุดนี้ ทำให้นึกถึง พระราชหัตถเลขาที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีไปถึง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2547 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้นำมาเผยแพร่ มีใจความว่า
ลูกพ่อ... ในพื้นแผ่นดินนี้ ทุกสิ่งเป็นของคู่กันมาโดยตลอด มีความมืดและความสว่าง ความดีและความชั่ว ถ้าให้เลือกในสิ่งที่ตนชอบแล้ว ทุกคนปรารถนาความสว่าง ปรารถนาความดีด้วยกันทุกคน แต่ความปรารถนานั้นจักสำเร็จลงได้ จักต้องมีวิธีที่จักดำเนินให้ไปถึงความสว่างหรือความดีนั้น
ทางที่จักต้องไปให้ถึงความดีก็คือ รักผู้อื่น เพราะความรักผู้อื่น สามารถแก้ปัญหาได้ทุกปัญหา ถ้าให้โลกมีแต่ความสุขและเกิดสันติภาพ ความรักผู้อื่นจักเกิดขึ้นได้
พ่อขอบอกลูกดังนี้...
1. ขอให้ลูกมองผู้อื่นว่า เป็นเพื่อนเกิด เพื่อนแก่ เพื่อนเจ็บ เพื่อนตายด้วยกัน ทั้งหมดทั้งสิ้น ไม่ว่าอดีต...ปัจจุบัน...อนาคต
2. มองโลกในแง่ดี และจะให้ดียิ่งขึ้น ควรมองโลกจากความเป็นจริง อันจักเป็นทางแก้ปัญหาอย่างถูกต้อง และเหมาะสม
3. มีความสันโดษ คือ มีความพอใจเป็นพื้นฐานของจิตใจ พอใจตามมีตามได้ คือได้อย่างไร ก็เอาอย่างนั้น ไม่ยึดติด ขอให้คิดว่ามีก็ดี ไม่มีก็ได้ พอใจตามกำลัง คือ มีน้อยก็พอใจตามที่ได้น้อย ไม่เป็นอึ่งอ่างพองลม จะเกิดความเดือดร้อนในภายหลัง พอใจตามสมควร คือทำงานให้มีความพอใจเหมาะสมแก่งาน ให้ดำรงชีพให้เหมาะสมแก่ฐานะของตน
4. มีความมั่นคงแห่งจิต คือให้มองเห็นโทษของความเกียจคร้าน และมองเห็นคุณประโยชน์ของความเพียร และเมื่อเกิดสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา ให้ภาวนาว่า มีลาภ มียศ สุข ทุกข์ ปรากฏ สรรเสริญ นินทา เสื่อมลาภ เสื่อมยศ เป็นกฎธรรมดา อย่ามัวโศกานึกว่า “ช่างมัน”
พ่อ 6/10/2547
เราทุกคนที่มีชีวิตขึ้นมาแล้วจะอยู่แต่ลำพังคนเดียวนั้นไม่ได้ ต้องอาศัยคนอื่นร่วมด้วย เมื่อมีหลายคนเข้ามาข้องแวะ แต่ละคนก็ย่อมมี ความโลภ ความโกรธ ความเกลียด มาด้วยกันไม่เว้นแม้แต่เราเอง แต่ละคนย่อมมีความคิดเห็นคนละอย่างสองอย่าง ซึ่งมักจะไม่เหมือนกันตามแต่นิสัยใจคอ ตามการอบรมและสิ่งแวดล้อมที่ได้รับมาตั้งแต่เด็ก ก็ย่อมจะเกิดการขัดแย้งกันได้เสมอ ซึ่งจะว่าไปแล้ว ตามธรรมชาติใครๆ ก็มีความปรารถนาที่จะให้ชีวิตของตนมีความสุข และพยายามที่จะกระทำทุกๆ ทางเพื่อให้ได้มาครอบครอง
เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่างคนต่างจึงได้พยายามต่อสู้กัน เพื่อหวังว่าจะได้มีความเป็นอยู่ดีที่สุดตามที่ตนปรารถนาหรือนึกฝันภาพเอาไว้ จิตใจก็ย่อมบังเกิดความเห็นแต่ตัว ขาดความรัก ความเมตตา หัวใจของคนจึงคิดที่จะเอารัดเอาเปรียบเบียดเบียนกัน มันเป็นด้านมืดที่มีอยู่ แต่เรามองไม่เห็น จึงไม่เกิดความกลัว สิ่งที่จะช่วยลดความมืดของสังคมได้บ้างคือ ต้องให้ความรักแก่กันและกัน ตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วสังคมเราก็จะได้พบแสงสว่างแห่งอรุณรุ่งที่อบอุ่น แสงสว่างที่เพียงพอ ที่ไม่เปล่งแสงแรงเกินเหตุ ที่สุดแล้ว ความมืดจะเป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยในชีวิตที่จะผ่านไป ยังมีแสงสว่างและความงดงามสูงส่งที่ความมืดไม่อาจแผ้วพานได้ แล้วเมื่อแสงสว่างมาเยือนชีวิต วันใหม่ ความดีงามก็เริ่มต้นอีกครั้ง...
http://astore.amazon.com/konkhangwat04-20
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น