ท้าทาย...รั้งท้าย...
ช่วงนี้เป็นช่วงที่เด็กๆกำลังจะสอบเพื่อปิดภาคเรียน และเพื่อจะได้เลื่อนชั้นเรียนในช่วงเปิดเทอม หลายโรงเรียนสอบเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว แต่ก็มีอีกหลายโรงที่ประสบเหตุน้ำท่วมใหญ่เมื่อปีที่ผ่านมา ต้องมีการเลื่อนเวลาออกมาสอบในช่วงนี้.. เวลาที่เด็กๆสอบโรงเรียนก็มักจะจัดวันสอบให้สลับระดับชั้นกัน และให้เด็กไปสอบแบบวันเว้นวัน โดยบอกให้เด็กๆได้หยุดเพื่อดูหนังสือ จึงกลายเป็นหน้าที่ของผู้ปกครองที่ต้องบริหารเวลา หาคนที่จะมาดูแลเด็กๆลูกๆหลานๆที่ต้องหยุดเรียน และตรงนี้นี่เอง วิถีชีวิตที่เปลี่ยนมานั่งทำงานอยู่ที่บ้าน จึงต้องมีหน้าที่ที่จะดูแลเจ้าตัวน้อยในบ้าน ต้องรับหน้าที่คุณครูชั่วคราวทบทวนบทเรียนให้ พยายามหาข้อทดสอบรายวิชาที่เจ้าตัวน้อยจะสอบมาให้ทำ และเมื่อขอหนังสือรายวิชาที่เขาเรียนมาอ่านดู รู้สึกได้เลยว่า การเรียนสมัยนี้เปลี่ยนไปรวดเร็วจริงๆ เด็กต้องเรียนรู้เร็วขึ้น มากขึ้น ยกตัวอย่าง ในระดับชั้น ป.2 มีการเรียนวิชาคอมพิวเตอร์ เนื้อหาเริ่มต้น ว่าด้วยเรื่องคอมพิวเตอร์ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ถึงกับอึ้ง!!! เลย เนื้อหาแบบนี้เราเคยเรียนในระดับมหาวิทยาลัย...
ในขณะที่นั่งทบทวนบทเรียนอยู่ด้วยกัน มีหลายครั้งที่เด็กน้อยออกอาการเบื่อหน่าย มองเห็นแล้วก็สงสาร พาลให้คิดไปว่า เด็กน้อย หัวเล็กๆ เพียงแค่นี้ ต้องบรรจุอะไรต่อมิอะไรลงไปเยอะเหลือเกิน ข้อมูล บทเรียน เนื้อหา ภาษา เลขคณิตที่แบ่งแยกสอบทุกวัน แล้วอะไรเล่า...ที่จะทำให้สิ่งเหล่านั้นถูกวิเคราะห์ ถูกประมวลประเมินผล และนำออกมาใช้ได้อย่างมีคุณธรรม คงต้องเป็น “จิตใจ” เท่านั้นที่จะเป็นเครื่องมือกรองสิ่งล้นเหลือเหล่านั้นได้ เช่นนี้แล้ว การที่เราจะหมั่นอบรมสั่งสอนให้เด็กสมัยใหม่มีจิตใจที่เลือกคัดสรรสิ่งที่ดีๆสิ่งที่งดงามจาก Input นั้นมีความสำคัญยิ่ง ทุกภาคส่วนต้องไม่หลงลืมเรื่องเหล่านี้ มิใช่ทำให้เด็กเรียนรู้มากๆและไม่สามารถดำรงอยู่ในสนามชีวิตที่เขาต้องเข้าไปสู่ลู่ทางนั้น ไม่ใช่เพียงเพื่อมุ่งสู่ชัยชนะ ไล่ล่าหาความสำเร็จ โดยหวังเพียงเพื่อเป็นอันดับต้นๆกันเพียงอย่างเดียว...เป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับผู้ใหญ่อย่างเราในวันนี้
ในวันเดียวกันนั้นเองช่วงค่ำๆ มีเด็กชายอีกคนหนึ่งได้มาชักชวนให้ไปขับรถ Go-Kart เพื่อฉลองในวันที่ได้สอบเสร็จ ใจจริงก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะไปขับ เพราะดูแล้วคงไม่เหมาะสมกับวัย... :) ก็เพียงแต่เคยพูดคุยเล่นๆไว้ว่า ถ้ามีโอกาสอยากจะลองขับรถแข่งดูบ้างสักครั้งในชีวิต นี่ก็คงเป็นเหตุผลที่พอจะเข้าข้างตัวเองได้ เมื่อมีโอกาสก็เลยลองดูแม้ว่าจะเป็นเพียงรถเล็กๆ ไม่ได้เป็นรถแข่งเหมือนในฝัน แน่นอน...ความตั้งใจจริงๆนั้นก็เพียงเพื่อสะสมประสบการณ์ โดยหาได้มุ่งหวังที่จะต้องไปแข่งขันประชันความเร็วเข้าเส้นชัยเป็นอันดับต้นๆกับใคร เมื่อเข้าสู่สนามจริงเป็นครั้งแรกในชีวิตแบบนี้ สิ่งที่ต้องทำให้สำเร็จ คือ การเอาชนะความกลัว ความตื่นเต้นให้ได้ต่างหาก
และเมื่อรถออกตัว สมาธิต้องมุ่งมั่น ต้องแม่นเรื่องระยะทาง ใจต้องอยู่ในสนามตลอดเวลาเพราะข้างหน้าโค้งแล้วโค้งอีก เพียงหลุดลอยความคิดไปนิดเดียวรถก็หลุดโค้งทันที และแล้วเราก็ถูกแซงไปอยู่อันดับสุดท้าย เด็กชายผู้ชักชวนดูจะชำนาญและคล่องแคล้วมากกว่า แซงไปจนทบกลับมาแซงไปอีกรอบ ในขณะที่เริ่มคุ้นชินเส้นทาง ก็เริ่มไล่ล่าตามหลังเด็กอีกคนหนึ่งที่บังเอิญเข้ามาร่วมวงด้วย ขับจี้ๆตามไปเกือบจะแซงได้แต่ก็แซงไม่ได้ แถมหลุดโค้งอีกครั้ง ...
และเมื่อได้อยู่หลังคนอื่นเราก็แอบเรียนรู้ว่าเขาเข้าโค้ง ขับรถเข้าไลน์แบบไหน อย่างไร ทำให้เห็นวิธีของคนอื่น ทำให้เห็นแบบอย่างของคนอื่น ใช่ว่าการอยู่หลังคนอื่นจะไม่ใช่สิ่งดี แต่กลับมีคุณค่าต่างหาก แน่ล่ะ...เรารู้ตัวตั้งแต่แรกแล้วว่าด้วยวัย ด้วยสายตา ด้วยความชำนาญ ด้วยความเลื่อนไหวของร่างกาย เรามิอาจจะสู้กับใครได้ แต่การที่เราอยู่ในสนามแข่งขันเราก็ต้องพยายามก้าวไปข้างหน้า เพื่อไม่ให้ล้าหลัง แต่เรามิใช่ไล่ล่าเพียงเพื่อความเป็นที่หนึ่ง แต่เรากลับได้ทักษะเพิ่มเสริมพลังให้รถเราเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างมั่นคงยิ่งขึ้น ไม่ให้หลุดโค้ง ไม่ให้เฉี่ยวชนขอบทาง ไม่ให้ชนกับคนอื่น...
เมื่อหมดรอบเด็กชายผู้ชักชวนยังอยากจะลองอีกสักรอบ เราหน่ะแค่หวังเพียงประสบการณ์ก็เพียงพอ เด็กชายจึงลงประลองความเร็วกับอีกหนึ่งท่านผู้ร่วมทีม ครั้นเสร็จสรรพ ดูท่าทางเด็กชายไม่ค่อยจะสบอารมณ์นัก ด้วยว่าครั้งนี้ทำความเร็วไม่ได้ดังเป้าหมาย พ่อของเด็กชายเห็นซึมไปจึงได้สอนลูกชายอย่างชาญฉลาดว่า “อย่าไปหมกมุ่นเรื่องนี้นักเลย ในชีวิตยังมีอีกหลายเรื่องที่จะต้องใส่ใจมากกว่านี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้หนูก็มีเรื่องใหม่เข้ามาแล้ว” เราก็อยากจะให้กำลังใจเด็กชายคนนี้ว่า “อย่างน้อยๆหนูก็แซงหน้าคุณอาคนนี้ไปตั้งหลายรอบมิใช่หรือ”
แต่ก็นั่นแหละเด็กๆก็ต้องเรียนรู้บนหนทางแห่งชีวิตกันต่อไป แล้ววันหนึ่งเขาจะรู้ว่าบางที การได้เป็นที่หนึ่งก็เป็นการเสียโอกาสที่จะเห็นเบื้องหลังของคนอื่น การมุ่งหวังเพียงเพื่อไปให้ถึงซึ่งเส้นชัยด้วยความเร็ว บ่อยครั้งมันก็นำมาซึ่งความระทดท้อ เหนื่อยและอาจจะก่อให้เกิดความผิดหวังซ้ำซ้อนได้ง่ายกว่าการค่อยๆเป็นค่อยๆไปในแต่ละย่างก้าวของชีวิต ใช่หรือไม่ ชีวิตคือการเรียนรู้และยอมรับทุกเรื่องราวและอยู่กับมันให้ได้
ในวันนี้ที่เด็กๆต้องอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน ท้าทาย โลกที่เต็มไปด้วยข้อมูลล้นหัว จะเอาตัวรอดได้ไหม นั่นคือคำถามหนึ่ง??? และคำถามที่สำคัญกว่าคือ และวันนี้เด็กๆจะเอาวิญญาณรอดไหมในยุคไล่ล่า ในยุคที่ใครล้าหลังคนนั้นคือคนที่พ่ายแพ้ ยุคที่คนแข่งกันเพื่อตัวใครตัวมัน แล้วถ้าเราสอน อบรมลูกหลานเรา ให้รู้จักเป็นคนที่อยู่หลังคนอื่นบ้าง จะได้มีเวลาช่วยพยุงคนข้างหน้าที่กำลังจะล้มลง คนเช่นนี้ ต่างหากที่โลกนี้กำลังขาดแคลน และมีความต้องการเป็นอย่างมาก... ลูกหลานเราเป็นได้หรือเปล่า นี่ก็เป็นการท้าทายเราอีกเช่นกัน...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น