รักพระเหมือนเมื่อแรกรัก
ทุกยามเช้าชีวิตในเมืองที่ตื่นขึ้นมาท่ามกลางเสียงรถ เสียงผู้คนที่เริ่มออกจากบ้านเรือน เดินทางสัญจร ดูเป็นภาพที่อลหม่านและวุ่นวายอยู่มิใช่น้อย และใช่หรือไม่.. เราก็เป็นหนึ่งในความสับสนของคนเมืองด้วยเช่นกัน ท่ามกลางการไหลรื่นของคลื่นมนุษย์เมือง เร่งรีบ เบียดเสียด แข่งขัน เพื่อไปให้ถึงยังที่ซุกซ่อนในซอกหลืบของตน... แต่ ณ เช้าวันนี้ ที่วิถีชีวิตได้ถอยล่น ถอยห่างออกมาจากความรีบเร่ง ได้มีเวลานั่งละเมียดละไมกับกาแฟกลางสายธารข่าวสารที่เสพ ที่ติดตามอยู่ทุกเช้า โลกเคลื่อนหมุนไป เทคโนโลยีเปลี่ยนไป และเกิดใหม่ทุกเวลา แต่เรื่องราวของมวลมนุษย์ก็ยังเวียนวน วนเวียนกันอยู่แต่ในเรื่องราวเพียงไม่กี่เรื่อง เพียงเวียนเปลี่ยนคนเล่น เป็นดังละครทางทีวีที่นำมาผลิตแล้วทำซ้ำอีกไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ โลกมันก็เป็นเช่นนี้...
หนึ่งในเรื่องราววุ่นๆวนๆของคนก็คงหนีไม่พ้นเรื่องราวความรัก แล้วใครบ้างเกิดมามิเคยได้สัมผัสถึงความรัก ไม่ว่าใครๆก็อยากถูกรัก อยากเป็นที่รัก แล้วก็อยากที่จะรักใครสักคน ด้วยกันทั้งนั้น เมื่อโลกหมุนไปด้วยความรักของผู้คนจึงมีหลายหลากนิยาม หลากหลายคำนิยม จนกลายเป็นนิยาย ไหนๆก็ไหนๆแล้ว จึงลองค้นหาคำว่า “ความรัก” ในอากู (กูเกิ้ล Google) ภาคภาษาไทยดู พบว่าผลการค้นหาประมาณ 113,000,000 รายการ (0.21 วินาที) แล้วแคบเข้าไปอีกสักหน่อย เพื่อให้เข้าใจถึงการ “เริ่มรัก แรกรัก” นั้นมีการพูดกันเช่นไรบ้าง ขอยกตัวอย่างมาให้ลองอ่านกันสักเล็กน้อย...
เมื่อคิดจะรัก ก็ต้องยอมรับ ยอมรับในความต่าง ยอมรับในความคิด ยอมรับในการดำเนินชีวิต และตัวตนของแต่ละคนได้ รักใหม่ๆ ดู ๆไป ยังไงก็สดใส หวานชื่น
เมื่อ“เริ่มรัก” โลกจะหมุนไปข้างหน้า พาหัวใจสองดวงให้เต้นไหวไปพร้อมๆกัน
เมื่อ“เริ่มรัก” คนสองคนจะมองทุกอย่างเป็นสิ่งสวยงาม การกระทำที่แสดงออกต่อกัน แม้เป็นแค่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ก็ถูกมองว่าเป็นสิ่งพิเศษ ที่ยิ่งใหญ่ในความรู้สึก หากมันเป็นการกระทำของคนที่เรารัก
เมื่อ “เริ่มรัก” ความรักจะทำให้คนสองคนรู้สึกว่า ความฝันและความรู้สึกที่ไม่เคยคิดว่าจะมีอยู่จริง บัดนี้ได้เกิดขึ้นในโลกของความเป็นจริงแล้ว
ไม่ว่าจะ “เริ่มรัก” หรือ “เลิกรัก” ความรักต่างก็ทำให้คนสองคนรับรู้และสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงไปพร้อมๆกัน ความรักแรกเริ่มสวยงาม เพราะช่วงแรก ต่างคนต่างสนใจในกันและกันมาก (โลกนี้มีแต่เราสองคน เมื่อเราสนใจเขา เขาสนใจเรา ก็มีการเอาใจใส่กัน เสนอ สนอง แสดงออก(อย่างเต็มใจ) ในสิ่งที่อีกคนจะพอใจ ทุกอย่างเลยเข้ากันได้ดี มีความสุข ชีวิตรักสวยงาม... นี่เป็นเพียงบางนิยามของการเริ่มรัก หรือ รักแรก
แล้วทำไมจึงได้คิดถึงเรื่องรักแรก เรื่องเริ่มรัก ในห้วงอารมณ์ละเมียดกาแฟเช่นนี้ !!! เป็นความคิดที่เกิดขึ้นมาเพราะคิดว่าเราทุกคนเคยรัก เคยถูกรัก แล้วแต่ละคนก็มีวิธีวิถีแห่งรักของตนทั้งนั้น แล้วสำหรับความรักที่เรามีต่อพระเล่า เป็นเช่นไร ....
จากนิยามที่นำมาให้อ่านเวลาเราเริ่มรักใครสักคนเราก็พร้อมที่จะปรับที่จะเปลี่ยน ทั้งๆที่อีกฝ่ายอาจจะไม่ได้เรียกร้องด้วยซ้ำไป เราพร้อมที่จะเชื่อทุกคำพูด พร้อมที่จะทำตามทุกสิ่ง เพียงแค่อารมณ์ผิวๆเช่นนี้ มันย้อนกลับมากระแทกใส่ในสำนึกว่า แล้วเราเคยมีแรกรักพระหรือเปล่า รักที่พร้อมจะเชื่อมทุกอย่าง ทำตามทุกสิ่ง โลกนี้มีเพียงพระเจ้าเพียงพอ เห็นสิ่งเล็กๆน้อยๆที่เกิดขึ้นในชีวิตว่าเป็นอัศจรรย์ เป็นสิ่งที่พิเศษที่พระมอบให้หรือเปล่า มองเห็นความงามในสิ่งที่พบเจอ แล้วคิดถึงพระองค์ได้ในทุกครั้งหรือเปล่า ชื่นชมพระองค์ทุกครั้งในการก้าวเดินบนหนทางในชีวิตทุกๆวัน มีความมั่นใจที่จะกล้าทำความดี เพราะคิดว่ามีพระองค์อยู่เคียงข้างเราทุกเวลาหรือเปล่า..
หรือว่าวันนี้เรารักพระเจ้า ที่เป็นเหมือนคนที่เคยอยู่กันมานาน คุ้นๆชินๆชาๆกันไป หรือว่า เป็นประเภทเริ่มที่จะเลิกรักกันแล้ว เพราะไม่ได้ดั่งใจ ขอให้รวยก็ไม่เคยถูกหวย ของให้โชคดีเห็นมีแต่ความทุกข์โถมใส่... เกิดอะไรนิดอะไรหน่อยก็คอยที่จะต่อว่า พระเจ้าไม่เคยอยู่เคียงข้าง ไม่เคยเข้าข้าง ปากก็บอกว่ารักแต่ไม่เคยเลยที่จะเชื่อและทำตามคำสอนของพระองค์ ความดีงามในจิตใจหดหายเหลือแต่ความยโสโอหัง ไม่ยึดมั่นในคำสัญญา และที่สุดขาดศรัทธาในความรักของพระองค์...
ใช่ ...เรายังคงรักพระอยู่เสมอ แต่เราก็อาจจะหลงลืมความรักที่พร้อมจะเชื่อ พร้อมที่จะทำตามไปบ้าง เราพูดว่า “รักพระทุกวัน” แต่การกระทำกลับไม่ได้ทำตามที่พระองค์สอนสั่งเลย พระเจ้าได้ทรงส่งพระเยซูมาเพื่อพิสูจน์ถึงความรักอันยิ่งใหญ่ เพื่อให้เราสัมผัสรักแบบที่มนุษย์ตัวเป็นๆ แล้วพระองค์ตรัสว่า “นี่เป็นบุตรสุดที่รักของเรา จงฟังท่านเถิด” ในวิถีชีวิตที่ผ่านมา เราเคยหลอกตัวเองว่า รักพระ มาวัดสวดภาวนา วอนขออยู่บ่อยๆ แต่เราได้รักพระแบบลึกซึ้งขึ้นหรือเปล่า เพราะในความจริงของชีวิต เรายังหลงอยู่กับความโลภ ยังใฝ่หากิเลส ยังสะสมความโอหัง ที่สุดแล้ว เราก็ตีค่าความเห็นแก่ตัวของเราเป็นความรักไปซะงั้น
แล้วเรารักตัวเองจริงหรือเปล่า หรือเพียงรักเพื่อให้ชีวิตเกิดความสะดวกสบาย นั่งทบทวนความรักที่สัมผัสได้ที่ผ่านมา ในความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนที่ผ่านพบ แล้วมานั่งทบทวนถึงความรักของเราต่อพระเจ้า เป็นเพียงผิวเผินมากๆ ยังไม่ได้เข้าสู่ความรักจริง ถ้าเรารักจริงแล้วเราต้องรักตัวเองให้มากกว่านี้ ดูแลร่างกาย รักษาจิตใจ และรักคนรอบข้างเหมือนกับที่เรารักตัวเองด้วย ความรักที่นิรันดร์ต้องเริ่มจากรักพระเจ้า เพราะพระองค์เป็นองค์ความรัก วันนี้เรารักพระเจ้าแบบรักแรกหรือเปล่า....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น