วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

หลงทางเพราะหลงตัวเอง


หลงทางเพราะหลงตัวเอง
            ชีวิตคือการเดินทาง หลายคนได้เปรียบไว้เช่นนั้น แล้วการเดินทางนั้นเป้าหมายคืออะไร ใช่..หลายคนตอบว่าก็เพื่อจะได้ไปสู่สวรรค์ กลับสู่บ้านแท้จริงในอ้อมกอดพระเจ้า  และถ้าไม่ต้องนึกไปถึงจุดนั้น การดำเนินชีวิตในแต่ละวัน เรามุ่งหน้าไปสู่การได้รับความสุขในชีวิตใช่หรือไม่.. ความสุขนั้น โดยตัวของมันเองหมายความถึงสิ่งที่มีอยู่จริงๆ ในโลกนี้ แต่ก็เป็นสิ่งที่อธิบายได้ยากมาก แม้ว่าความสุขจะไม่ได้หมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต แต่ก็เป็นอีกแง่หนึ่งในการดำรงชีวิตที่มีความสำคัญ และทำให้รู้สึกว่าชีวิตของเรามีค่า และถ้าจะถามว่าความสุขคืออะไร อาจอธิบายง่ายๆ ได้ว่า คือความรู้สึกพอใจในชีวิตของตน หรือการปราศจากความเจ็บปวดและความเคร่งเครียด
การหาความสุขนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และการที่จะรักษาความสุขที่มีอยู่แล้วให้คงอยู่ก็ยิ่งยากขึ้นมากกว่า ประสบการณ์ชีวิตที่น่าอัศจรรย์ ความสำเร็จที่เลิศลอย ความโชคดีไปเสียทุกเรื่อง และความมีทรัพย์สินมหาศาล สิ่งเหล่านี้อาจสร้างความรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจให้กับเรา แต่ถ้าพิจารณาให้ดีๆแล้วจะไม่เกี่ยวข้องกับความสุขของชีวิตแต่อย่างใด ความสุขมิได้ประกอบด้วยสิ่งสูงส่งไกลเกินเอื้อม แต่เป็นสิ่งที่ปะปนอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา และเป็นเรื่องยากที่จะรักษาให้คงอยู่กับเรา เพราะสังคมเราทุกวันนี้เหมือนรังเกียจความเรียบง่ายธรรมดาๆ และละเลยความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย บางคนอาจจะรู้สึกเขินอาย เพราะคิดว่ายังไม่ถึง มาตรฐานของสังคม และสังคมยังสอนให้เชื่ออีกว่าการที่จะมีความสุขนั้นจะต้องประกอบด้วยมีทรัพย์สมบัติมาก มีอำนาจชื่อเสียงเกียรติยศ รูปสวย ทำให้สถานะ สูงขึ้น แต่ก็เป็นเพียงชั่วขณะ และในที่สุดสิ่งเหล่านี้มิได้นำความสุขที่แท้จริงมาให้แก่เราเลย
การคิดแบบนั้นมันทำให้เราหลงทิศหลงทางในการเดินทางบนชีวิตของเรา ซ้ำร้ายไปกว่านั้นสิ่งเหล่านั้นนอกจากจะทำให้เราหลงทางแล้วเราก็หลงตัวเองไปด้วย คิดว่าความดี คือ ความดัง คนมีสตางค์ คือ คนที่ได้รับการยกย่อง มองชีวิตที่เรียบง่ายว่าเป็นการไม่พัฒนา แยกแยะว่าการ รักตัวเอง นั้น คือการทำทุกอย่างให้ได้มาครอบครอง โดยหารู้ไม่ว่า การแสวงหาความสุขที่หลงทางเช่นนั้นมันเกิดมาจากการ หลงตัวเอง มากกว่า จากบทความของ นพ.สุกมล วิภาวีพลกุล ทำให้มองเห็นภาพการ รักตัวเอง ที่แท้จริง ต่างกับการ หลงตัวเอง เช่นไร
1.คนรักตัวเอง รู้มาก แต่พูดน้อยเท่าที่จำเป็น
คนหลงตัวเอง รู้น้อย แต่ชอบคุยโม้โอ้อวด เพื่อกลบเกลื่อนความไร้สามารถในเรื่องอื่นๆ
2. คนรักตัวเอง เห็นความดีและความสามารถทั้งของตัวเองและผู้อื่น พูดชื่นชมคนอื่นทั้งต่อหน้าลับหลัง
คนหลงตัวเอง ชอบนินทาว่าร้ายผู้อื่น หยิบยกความผิดของคนอื่นมาบดบังความชั่วร้ายของตนเอง
3. คนรักตัวเอง เห็นความบกพร่องของตนเองและพร้อมที่จะปรับปรุงแก้ไข
คนหลงตัวเอง มองข้ามความบกพร่องของตัวเอง แต่เชี่ยวชาญในการจับผิดเรื่องของคนอื่น
4. คนรักตัวเอง มีความเห็นอกเห็นใจคนที่ด้อยกว่า และอยากช่วยเหลือ
คนหลงตัวเอง ถนัดในการซ้ำเติมความผิดของผู้อื่น ชอบเอาปมด้อยคนอื่นมาล้อเลียน
5. คนรักตัวเอง เมื่อเห็นผู้อื่นประสบความสำเร็จก็ชื่นชมยินดี
คนหลงตัวเอง ช่างอิจฉาริษยาเห็นคนอื่นได้ดีแล้วตัวเองเจ็บปวด
6. คนรักตัวเอง อ่อนน้อมถ่อมตนสุภาพให้เกียรติผู้อื่น
คนหลงตัวเอง มักก้าวร้าว เย่อหยิ่ง ยโสโอหัง พูดจาขวานผ่าซาก ไม่รักษาน้ำใจคน
7. คนรักตัวเอง อยากเรียนรู้จากคนอื่นในเรื่องที่ตนเองยังไม่รู้เปิดใจรับฟัง 
คนหลงตัวเอง ชอบทำตัวเหนือกว่าคนอื่น รับไม่ได้ว่าคนอื่นเก่งกว่าเราในบางเรื่อง
8. คนรักตัวเอง จะแก้ไขปัญหาอย่างสันติและสร้างสรรค์
คนหลงตัวเอง มักใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา
9. คนรักตัวเอง มีความเสียสละคิดถึงประโยชน์ของคนส่วนใหญ่เป็นหลัก
คนหลงตัวเอง เห็นแก่ตัวชอบเอาเปรียบผู้อื่นเมื่อมีโอกาส
10. คนรักตัวเอง เป็นแหล่งกำเนิดของความสุขแก่ผู้ใกล้ชิดได้ฟังคำพูดที่ไพเราะอ่อนหวาน
คนหลงตัวเอง เป็นมลพิษของคนรอบข้าง ใครอยู่ใกล้มักอึดอัด รำคาญ ได้ยินแต่เรื่องร้ายๆ
11. คนรักตัวเอง มีรัศมีแห่งความเมตตา
คนหลงตัวเอง มีรังสีอำมหิต
คนหลงป่าหากมีเข็มทิศย่อมออกจากป่าได้ คนหลงทางหากรู้จักถาม รู้จักอ่านแผนที่ มีเครื่อง GPS นำทาง การไปถึงซึ่งที่หมายได้อย่างมีความสุขและปลอดภัย แต่ถ้าหลงตัวเอง มีสิ่งเดียวที่จะช่วยผ่อนเบาลงได้คือการเรียนรู้จักที่จะรักตัวเองอย่างถูกต้อง แล้วหันกลับมาเห็นผู้อื่นอยู่ในสายทางบ้าง เราจะได้มีเพื่อนร่วมทาง จะได้ไม่หลงทางง่ายๆ และระหว่างทางยังคงได้รับความสุขจากการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน....เริ่มสำรวจทางแห่งชีวิตและใช้เวลา 40 วันนี้ เพื่อหาทางออกให้กับชีวิตที่หลงทางไปบ้าง....

ไม่มีความคิดเห็น: