วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ใจที่งดงามมีค่ากว่าทองคำ


ใจที่งดงามมีค่ากว่าทองคำ
เรื่องราวของปราณีและบารมี
เวลาเรามีเรื่องดีและร้ายที่ต้องพูดในเวลาเดียวกัน ก็มักจะต้องถามคนฟังว่าจะฟังเรื่องดีหรือเรื่องร้ายก่อน???? วันนี้ก็เช่นกัน มีทั้งเรื่องแย่ๆกับเรื่องที่งดงาม จะเขียนเรื่องไหนให้อ่านก่อนดีล่ะ แต่...เมื่อพิจารณาดูแล้ว เราเริ่มเรื่องร้ายๆใกล้ตัวเราก่อนดีกว่า
เรื่องร้ายนี้เกิดขึ้นที่ประเทศไทยเรานี่เอง เป็นคลิปวิดีโอที่ดังเป็นข่าวหน้าจอของหลายช่องเลยทีเดียว ไม่ต้องพูดถึงในสังคมเครือข่ายมีการโพสต์ส่งต่อกันไปอย่างมากมาย บางคนอาจจะได้เห็นได้ชมมาบ้างแล้ว นั่นคือ ภาพเหตุการณ์ของครูสอนเด็กเล็กรายหนึ่ง ตีเด็กรุนแรงเกินกว่าเหตุ เรื่องเกิดขึ้นที่ศูนย์เด็กเล็กวัดเทพนิมิต เมืองภูเก็ต ส่วนครูคนดังกล่าวชื่อว่า นางปราณีหรือครูเขียว อายุ 35 ปี แม่ของเด็กชายคนหนึ่งอายุ 4 ขวบ ที่ถูกครูปราณีที่ไร้เมตตาใช้มือตบเข้าที่กกหู เปิดเผยว่า ได้แจ้งความกับตำรวจให้ดำเนินคดี นางปราณี ไว้แล้ว เนื่องจากรับไม่ได้กับพฤติกรรมที่ทำร้ายร่างกายเด็กเกินกว่าเหตุ พร้อมยืนยันจะต่อสู้เอาเรื่องจนถึงที่สุด
นอกจากนี้ นางปราณี หรือครูเขียว ยังเป็นผู้ที่เก็บรวบรวมเงินออมจากเด็กนักเรียนประมาณ 110-120 คน ที่จะต้องนำเงินมาให้ครูเขียวคนละ 5 บาทต่อวัน จากพฤติการณ์ของครูเขียว ครูผู้ดูแลเด็กคนอื่นๆ ทนไม่ได้กับความประพฤติที่ทำกับเด็กนักเรียน ทุกคนจึงมีมติร่วมกัน ขอร่วมบันทึกพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ลงในสมุดไว้ดังนี้ คือ  เด็กระบายสีไม่สวยตามกรอบที่กำหนดจะถูกลงโทษ 1. ตบหน้าเด็ก  2. ตบกกหูเด็ก 3.ใช้ยางรัดของดีดอวัยวะต่างๆของเด็กเช่น หู 4. ตีเด็กด้วยสันไม้บรรทัดเหล็ก รวมทั้งใช้ไม้บรรทัดเหล็กตีอย่างแรงที่มือและขา 5. ใช้เท้าเขี่ยแบบเรียนหรือการบ้านไปให้เด็ก 6. กระชากคอเสื้อเด็กและเหวี่ยงเด็กให้นั่งตามจุดที่ต้องการ 7. ให้เด็กที่ไม่ได้นำที่นอนมา นอนกับพื้นซีเมนต์หรือกระเบื้องเคลือบ 8. ป้อนยาเด็กโดยที่ไม่ได้ตวงยา แต่ใช้วิธีการกรอกขวดยาจากขวดใส่ปากเด็ก  9. พูดคำหยาบกับเด็กโดยใช้ภาษาพ่อขุน
เมื่อครูปราณีไม่ปราณีต่อเด็กลงโทษตามอารมณ์โกรธ ยิ่งกว่าเจ้านกในเกมส์ Angry Birds (วิหคโกรธา) เห็นอะไรขวางหูขวางตาไปหมด จึงทำให้เกิดความโกรธรวมหมู่ของผู้ปกครองที่ต้องยกขบวนมาเพื่อกดดันและขับไล่ครูออกจากโรงเรียน บานปลายไปกันเกือบจะไล่พระเจ้าอาวาสออกจากวัดอีกต่างหาก
สำหรับคนที่แค่ดูคลิปดังกล่าว ก็เกิดอารมณ์โกรธาเช่นกัน ใส่ความเกลียดเคียดแค้น ไปกับสิ่งที่ได้เห็น ระเบิดระบายความแค้นผ่านตัวหนังสือในคอมเมนต์ต่างๆโดยที่ครูปราณีไม่ได้มาอ่าน มีก็แต่คนรู้จักที่อยู่ในแวดวงเดียวกันในสังคมออนไลท์เท่านั้นที่ได้รับแรงระบายนั้นไปเต็มๆ ไม่น่าเชื่อว่าอานุภาพของความโกรธจากความไร้ปราณีนี้จะสั่นคลอนสังคมได้ถึงเพียงนี้
แต่สิ่งที่ทำให้โลกน่าอยู่และอิ่มเอมเสมอมา ก็อยู่ที่เรื่องดีๆที่ยังคงอยู่คู่โลก เฉกเช่น การให้อภัยของหญิงคนหนึ่งที่ชื่อ บาห์รามี อ่านแบบไทยๆได้ว่า บารมี (ผู้เขียน) เพราะสิ่งที่เธอทำมันได้แผ่บารมีความดีงามไปทั่วทุกมุมโลก และทำให้เรารู้ว่าไม่มีสิ่งใดมีค่าเทียบเท่ากับการให้อภัย ....
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2009 มาจิด มูวาฮีดี ถูกศาลพิพากษาลงโทษให้ตาบอดทั้งสองข้าง ตามความผิดที่เขาสาดน้ำกรดใส่หน้า อาเมเนห์ บาห์รามี เพื่อนร่วมชั้นเรียนมหาวิทยาลัยเตหะรานเหตุเพราะเธอปฏิเสธคำขอแต่งงานของเขาตามกำหนดเดิม การลงโทษให้ มาจิด มูวาฮีดี ตาบอดตามคำสั่งศาลจะมีขึ้นในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม แต่ก็ถูกเลื่อนออกมาโดยไม่ทราบสาเหตุอย่างเป็นทางการ อาเมเนห์ บาห์รามี (อดีตสาวงาม) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอิสนาของอิหร่านว่า เธอให้อภัยโดยให้เหตุผลว่า      พระคัมภีร์อัลกุรอานบัญญัติไว้ว่า การให้อภัยยิ่งใหญ่กว่าการแก้แค้น
 “ดิฉันต่อสู้เพื่อให้มีการลงโทษคนที่สาดน้ำกรด ด้วยวิธีการแก้แค้นมานานถึง 7 ปี แต่มาวันนี้ดิฉันให้อภัยเขาตามสิทธิ์ที่มีอาเมเนห์ บาห์รามี กล่าวต่อ ดิฉันทำเพื่อประเทศของเราเพราะตอนนี้นานาประเทศกำลังจับจ้องเราอยู่
อับบาส จาฟารี โดลาตอบาดี อัยการสูงสุดอิหร่าน ชื่นชมการตัดสินใจของบาห์รามี และกล่าวไว้ว่า ตามกำหนด  มาจิด มูวาฮีดี จะต้องถูกลงโทษทำให้ตาบอดโดยมีจักษุแพทย์และตัวแทนจากศาลเป็นพยาน ทว่า อาเมเนห์ บาห์รามี ก็ตัดสินใจให้อภัยเขา
หลังจากถูกสาดน้ำกรดใส่หน้า ขณะที่เธออายุ 24 ปี บาห์รามี ต้องเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมถึง 17 ครั้งในสเปนอยู่นานหลายปี แต่ตาของเธอยังคงสูญเสียการมองเห็นทั้ง 2 ข้าง และมีบาดแผลสาหัสตามใบหน้าและลำตัว
บาห์รามี เธอสร้างบารมีจากความดี ความงดงามในจิตใจของเธอ งดงามกว่าใบหน้าที่เคยสวยงามของเธอเสียอีก แม้ว่าบัดนี้ดวงตาเธอจะปิดลง แต่ทว่าหัวใจเธอกลับเปิดกว้าง เธอได้มอบของมีค่าให้กับคนทั้งโลกด้วยการให้อภัยในนาทีสุดท้าย.. แล้วเราวันนี้เราเคยมีจิตใจแห่งการให้อภัยมากน้อยเพียงใด หรือเรามีแต่จิตใจแห่งความเกลียดชังเคียดแค้น คับแคบอยู่เต็มหัวใจ เราจะเลือกเป็นข่าวร้ายหรือข่าวดี เราจะเป็นสื่อนำความรักหรือความเกลียดชัง เราจะสร้างบารมีจากความปราณีและให้อภัยต่อกันได้หรือเปล่า เพราะสิ่งนี้มีค่ามากกว่าทองคำ เป็นสิ่งเดียวที่สร้างสันติภาพให้กับโลกเบี้ยวๆใบนี้ ใครก็ชอบที่จะฟังข่าวดี แล้วเราเป็นข่าวดีให้กันบ้างหรือยัง...

1 ความคิดเห็น:

aon กล่าวว่า...

ใกล้ตัว เข้าใจง่าย และงดงามครับ ขอนำไปshareให้เพือนนะครับพี่ ^^