วันศุกร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2554

ไม่ถูกที่ แต่..ถูกทาง

เคยเจอแบบนี้หรือเปล่า!!!! ที่บางสิ่งบางอย่างบางห้วงเวลาการกระทำอันบริสุทธิ์ใจของเราไปสร้างความไม่พึงพอใจให้กับใครคนอื่น ถูกโกรธเคืองอย่างไร้เหตุผล จนกลายเป็นเรื่องที่บาดหมางไม่มองหน้าหลบสายตากัน ไม่มากก็น้อยเราต้องพบต้องเจอกับเหตุการณ์เยี่ยงนี้ และยิ่งถ้าเราไม่มีความมั่นคง ไม่นิ่งพอ เราก็จะกลายเป็นทาสของอารมณ์ เป็นไฟที่ปลิวว่อนร่อนลงกองฟืนเสียเอง...

การดำเนินบนหนทางชีวิตไม่ใช่เรื่องง่าย การที่จะทำให้ถูกใจคนทั้งโลกเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้ จะทำให้คนรักทั้งพื้นพิภพก็เป็นเรื่องในนิยาย ชีวิตจริงย่อมมีทั้งคนรัก คนชัง และย่อมมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา คนที่เคยชังอาจจะกลายเป็นคนที่รู้ใจเรามากที่สุด ส่วนคนที่รักอาจจะสร้างความร้าวรานให้มากที่สุดก็เป็นไปได้ สิ่งสำคัญเราต้องเรียนรู้จักตัวตน อุปนิสัย ของเราให้แตกฉาน และเรียนรู้อุปนิสัยของคนอื่นอย่างข้าใจ เรียนรู้ถึงกาลเทศะว่าสิ่งใดควรทำตอนไหนเวลาใด ความรับผิดชอบของเราคืออะไรมีขอบข่ายแค่ไหน หากเราไม่ทำ แล้วมีคนอื่นทำแทนก็ควรที่จะน้อมรับความจริงด้วยหัวใจอ่อนโยนว่า บางสิ่งมันก็อาจจะเกินความรับผิดชอบ เกินความสามารถของเรา เราไม่ใช่ทำได้ทุกอย่าง สิ่งที่เราทำได้คือการหาคนที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้านกระทำแทนเรา แล้วเราค่อยหนุนนำ ให้คำปรึกษาก็เพียงพอ ในมุมกลับถ้าเราเป็นคนที่เห็นว่าคนที่รับผิดชอบนั้นไร้ความสามารถก็เป็นหน้าที่ที่เราจะต้องลงไปแก้ไขปัญหา ก็ต้องมีศิลปะในการแทรกตัว ออกตัวโดยให้เกียรติคนที่มีความรับผิดชอบอยู่แล้ว เพื่อไม่ให้เกิดการปะทะทางแง่ของการล้ำหน้าล้ำเส้น ไม่ให้เกิดการเข้าใจผิดคิดว่าจะมาแย่งเด่นแย่งดัง ทั้งๆที่เราทำไปด้วยใจบริสุทธิ์และเห็นแก่ส่วนรวม...

คนเรานั้นมีร้อยพ่อร้อยแม่ ต่างจิตต่างใจ ต่างการอบรมเลี้ยงดู ทุกคนต่างมีภูมิหลังและโลกเป็นของตัวเราเองที่แตกต่างกัน มีความเห็นแก่ตัวของเราเอง มีความภาคภูมิใจในตัวเอง มีความหลงใหลในตัวเองเป็นทุนเดิม บางคนขาดในด้านหนึ่งก็เที่ยวเติมเต็ม บางคนก็มีจนเหลือล้นก็ต้องปลดปล่อยมันออกมา แต่โลกงดงามยามมีมุมที่แตกต่าง สังคมงดงามเพราะมีแง่มุมให้เปรียบเทียบ ไม่ว่าเราจะมีความต่างกันอย่างไร สิ่งหนึ่งที่มีติดตัวเราเสมอ คือ จิตสำนึกหรือมโนสำนึก ปัญหามันเกิดตรงที่เราไม่ค่อยได้ฟังเสียงเรียกแห่งจิตใจเราก่อน ก่อนที่จะกระทำลงไป

เคยมีพระสงฆ์มิชชันนารีท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ในสมัยก่อนพ่อแม่มักจะให้เด็กๆมาอยู่ช่วยพระสงฆ์ตามวัด เพื่อให้ได้รับการอบรม ได้รับการเรียนรู้วิชาคำสอน วิชาการต่างๆ เด็กบางคนก็เฟี้ยว ก็ดื้อแสนดื้อ จำต้องมีการทำโทษลงทัณฑ์กันตามข้อตกลง ตามระเบียบ แต่เมื่อถึงคราวต้องทำโทษเด็กๆ พระสงฆ์ต้องเข้าวัดเพื่อสวดภาวนา อยู่เงียบๆเพื่อที่จะให้พระจิตทำงานว่าควรจะกระทำอย่างไร เพื่อให้การลงโทษครั้งนี้เกิดประโยชน์สูงสุด แม้กระทั่งในโรงเรียนคาทอลิกที่พวกมิชชันนารีได้เปิดทำการสอน ก็ได้ใช้วิธีการเดียวกันนี้เป็นแนวทางการตัดสินใจลงโทษเด็ก หรือเวลาพบปัญหา ก็จะเข้าวัดเงียบๆขอให้พระจิตนำทาง ความเงียบมักมาพร้อมคำตอบให้กับการดำเนินชีวิตเสมอ

ใช่หรือไม่ ในยุคสมัยที่เราเงียบกันไม่เป็น การฟังเสียงจากภายในก็มักไม่ค่อยได้กระทำ ความโกรธเคืองกัน การทำร้ายทำลายกัน การทะเลาะเบาะแว้ง ความหวาดระแวง จึงมีอยู่เต็มสังคมไปหมด การใส่ใจผู้คนรอบข้าง การเอาใจเขามาใส่ใจเราก็หดหาย ใครที่ไม่ทำตามใจไม่ทำตามความคิดเรา คนนั้นก็อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเรา เป็นศัตรูกับเรา ทั้งๆที่การกระทำของทั้งสองฝ่ายล้วนแล้วเป็นสิ่งที่ดี เพียงต่างวิถีการ และสิ่งหนึ่งที่กัดกินคนในสังคมเราคือ เราต่างฝักใฝ่ในอำนาจมากเกินความจำเป็น จนไม่เป็นอันทำอะไร...

สิ่งหนึ่งที่มักทำให้คนเราเปลี่ยนไป ก็ตอนเมื่อมีอำนาจอยู่ในความครอบครอง แล้วก็เที่ยวอวดอ้างอำนาจกลบลบปมด้อยในวันวานของตัวเอง หารู้ไม่ว่า ผู้มีอำนาจอย่างแท้จริงย่อมไม่แสดงตัว ตรงกันข้ามกลับยิ่งอ่อนน้อมถ่อมตนเหมือนกับต้นหญ้าที่พร้อมน้อมค้อมหัวคารวะต่อผู้เพียงผ่าน ไม่มีทางเลยที่ต้นหญ้าจะหักโค่นล้มลงมา ต่างไปจากต้นไม้ใหญ่ที่ดูเหมือนว่ามีพละกำลัง มีอำนาจมหาศาลเมื่อพายุพัดกระหน่ำเพียงชั่วพริบตาเดียวก็หักโค่น ความหลงในอำนาจนั้นทำลายคนมานักต่อนัก แล้วไยเรายังโง่เขลา เบาปัญญาเที่ยวแสวงหาอำนาจมาครอบครอง ยังหลงยึดติดกับสิ่งลวงอย่างไม่ลืมหูลืมตา

แล้วเรามีชีวิตอยู่นั้นเพื่ออะไร ใจของเราวันนี้เหมือนถิ่นทุรกันดาร หากเราหยุดทุรนทุรายหมายเพียงเพื่อตัวเอง เราก็จะได้ยินเสียงตะโกนในถิ่นทุรกันดารแห่งจิตใจเราว่า จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วทางของพระองค์เป็นแบบไหนเล่า เป็นทางเพื่อสู่อำนาจหรือ เป็นทางที่สร้างความสุขบนความทุกข์ผู้อื่นหรือ เป็นทางที่เต็มไปด้วยคำสรรเสริญจอมปลอมที่เราต้องการเพียงเพื่อปลอบประโลมใจไปวันๆหรือ ทางของพระองค์คือทางที่เต็มไปด้วยรักและอภัย เป็นหนทางแห่งสันติภาพ... บางสิ่งในชีวิตที่เรากระทำอาจจะไม่ถูกที่ หากแต่ว่าถูกทางของพระองค์ก็จงเก็บรักษา แล้วหาที่เพื่อสร้างทางแห่งสันติภาพนี้ให้บังเกิดขึ้นให้ได้ เมื่อทุกอย่างถูกที่ถูกทางปีกแห่งสันติภาพก็พร้อมจะกางออก แล้วโบยบินสู่สังคมอย่างไม่ต้องสงสัย...

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ สำหรับบทความดีๆ ช่วยเตือนสติ และให้ข้อคิดดีๆ จิตมนุษย์ยากแท้หยั่งถึงจริงๆ แต่ก็ต้องพยายามรู้ทั้งใจเขาใจเราเพื่อทำให้ดีที่สุด
เป็นกำลังใจให้ครับ