วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เราคนที่เท่าไหร่ที่ได้มาเฝ้าพระกุมาร

เราคนที่เท่าไหร่ที่ได้มาเฝ้าพระกุมาร

ในชีวิตเราการได้เดินทางไปยังที่ไกลๆ ไปยังที่ที่มีชื่อเสียง ได้ไปยังที่ที่ผู้คนปรารถนาอยากจะไปสักครั้งในชีวิตก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว นี่เป็นความฝันอันยิ่งใหญ่ของคนหลายคน แต่ก็มีคนอีกไม่น้อยที่ได้ไปยังสถานที่ตรงนั้นบ่อยๆ จนกระทั่งความศรัทธา ความชื่นชมได้จืดจางหายไป..

หากว่าชีวิตคู่กับการเดินทาง ตราบใดยังมีลมหายใจการเดินทางก็ยังไม่สิ้นสุด จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง แม้มีบ้างบางครั้งบางเวลาบางสถานที่ต้องใช้เวลาอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่พบเห็นเพียงผ่านๆ นั้น กลับได้รับการรื้อฟื้น เพิ่มพูนความเชื่อ ต่อยอดทางปัญญา มีบางที่บางครั้งกลับเพิ่มศรัทธาลงในจิตวิญญาณได้อย่างลึกซึ้ง..

เมืองเบธเลเฮ็ม คือ สถานที่ที่ทำให้รู้รัก ศรัทธาและเชื่อมั่นในความเป็นพระผู้ไถ่ขององค์พระเยซูเจ้าอย่างหมดหัวใจ ไร้ข้อกังขา แม้ว่าจะมีคำถามให้กับตัวเองว่า เราเป็นคนที่เท่าไหร่ที่ได้มาเฝ้าพระองค์.....

นับว่าเป็นครั้งที่สองของชีวิตแล้วที่ได้เดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ แม้จะต่างกาลเวลา ต่างบรรยากาศ แต่...มันคือความศรัทธาและความตื่นเต้นที่ได้มาหาองค์พระผู้ไถ่ยังสถานที่บังเกิดที่เบธเลเฮ็ม ย้อนไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว การเข้ามาเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ใช้เวลารอไม่นานนักก็ได้เข้าไปกราบแทบพื้นตรงจุดของการบังเกิด บนดาวสีเงิน แต่สำหรับครั้งนี้เห็นฝูงชนจำนวนมากมายต่างเข้าคิว เข้าแถวรอคอยเวลาของตนที่จะได้บรรจงจูบ ประนมมือกราบไหว้ดาวสีเงิน จุดที่พระองค์ได้ประสูติมา ทุกคนต่างเฝ้ารอด้วยหัวใจพองโตที่จะเข้าไปในซอกปากถ้ำเล็กๆแห่งนี้

เบื้องล่างเป็นวัดน้อยที่พระกุมารบังเกิด (Chapel of the Nativity) สถานที่บังเกิดของพระเยซูเจ้า ซึ่งเป็นซอกหินเล็กๆ ทุกคนที่มาถึงที่นี่จะคุกเข่าเข้าไปใต้พระแท่นทีละคน จะสวด จะจูบ จะเคารพด้วยวิธีไหนก็ได้ แต่ต้องกระทำในเวลาอันสั้นๆ เพราะมีคนต่อแถวยาวเหยียด

โยเซฟเดินทางมาถึงเบธเลเฮ็ม เมืองของกษัตริย์ดาวิด เพราะโยเซฟสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์กษัตริย์ดาวิด เพื่อลงทะเบียนพร้อมกับพระนางมารีย์ ซึ่งกำลังมีครรภ์ ขณะที่ทั้งสองถึงที่นี่ ก็ถึงกำหนดคลอดพอดี พระนางคลอดบุตรชายคนแรก เอาผ้าพันกายกุมารนั้นแล้ววางไว้ในรางหญ้า เนื่องจากไม่มีที่ในห้องพักแรมเลย (ลก 2:1-7)

บริเวณที่เรียกว่าถ้ำพระกุมารนี้ มีพื้นเป็นหินอ่อน กว้างประมาณ 3 เมตร ยาว 12 เมตร มีรูปดาวสีเงินเป็นแฉกอยู่ตรงกลาง หรือดาวแห่งเบธเลเฮ็ม อยู่ใต้พระแท่น นับได้ 14 แฉก รอบๆดวงดาวมีอักษรจารึกไว้ว่า ที่นี่ พระเยซูเจ้าได้ทรงบังเกิดจากพระนางพรหมจารีมารีย์ เพื่อเป็นที่ระลึกถึงการบังเกิดมาของพระเยซูเจ้า ดาวที่ได้นำโหราจารย์ นักปราชญ์จากสารทิศมาเพื่อนมัสการพระกุมารน้อย

เราได้เห็นดาวประจำพระองค์ขึ้นทางทิศตะวันออก และได้มานมัสการพระองค์ ดาวที่เขาเห็นขึ้นอยู่ในประเทศทางทิศตะวันออกนำหน้าเขา ไปจนกระทั่งมาหยุดนิ่งเหนือที่ที่พระกุมารประทับอยู่นั้น โหราจารย์บางท่านจากทิศตะวันออกเดินทางมายังกรุงเยรูซาเล็ม เที่ยวสืบถามว่า กษัตริย์ชาวยิวที่เพิ่งประสูติอยู่ที่ใด พวกเราได้เห็นดาวประจำพระองค์ขึ้น จึงพร้อมใจกันมานมัสการพระองค์..

และเนื่องจากคณะของเราเป็นกลุ่มเล็กๆจำนวนคนไม่มากนักเพียง 12 คน จึงทำให้เราสามารถที่จะเข้าไปกราบนมัสการดาวสีเงินนั้นโดยใช้ทางลัด ไม่ต้องต่อแถวเข้าคิวนาน เมื่อดาวอยู่ตรงหน้า คุกเข่าลงในใจก็ใคร่ครวญถึงการมาถึงของพญาสามองค์ อยากจะอยู่ต่อสักนิดเพื่อใคร่ครวญเรื่องราวเก่าในวันนั้น วันคริสต์มาสครั้งแรก..

แต่แล้วเสียงของคนจัดแถว จัดระเบียบในที่แห่งนั้นเร่งให้เราทำการเคารพดาวอย่างรวดเร็ว ทำให้ ณ เวลานั้นความคิดที่จะใคร่ครวญถูกฉุดกระชากลงอย่างฉับพลันไม่ทันตั้งตัว เมื่อได้ขึ้นมารวมกลุ่มกัน หลายคนยังตื่นเต้นไม่หาย มีบ้างบางคนน้ำคลอๆ ต่างก็แบ่งปันความรู้สึกกัน เมื่อกลับออกมาเรายังเห็นแถวของผู้คนเหยียดยาวเหมือนเดิม

วันนี้ ณ ที่แห่งนี้ มีผู้คนมากมายที่มาจากทั่วโลก ต่างพากันมาเพื่อชมสถานที่ซึ่งพระกุมารบังเกิดมา ในใจของแต่ละคนย่อมมีศรัทธาที่แตกต่างกัน แต่..ล้วนเป็นหนึ่งเดียวกันในความเชื่อของการเสด็จมาของพระผู้ไถ่ ผู้เป็นกษัตริย์แห่งจิตวิญญาณ ในครั้งกระโน้น มีเพียงไม่กี่คนที่ได้มาเฝ้า ที่ได้มายินดีกับการบังเกิดที่เงียบเหงาและโดดเดี่ยวของพระองค์ แต่ก็ได้รับการนมัสการอย่างยิ่งใหญ่จากพญาสามองค์

แต่เดี๋ยวนี้ คนเป็นล้านๆได้มาที่นี่ มาที่แผ่นดินที่เคยได้รองรับพระกายของพระกุมารน้อยจอมราชา กี่ล้านรอยเท้าแล้วที่เดินบนหินอ่อนแห่งนี้ กี่ฝีก้าวที่เหยียบย่ำลงบนบันไดจนสึกกร่อนเป็นรอยลึก แล้ว...รอยเท้าเรา เป็นรอยที่เท่าไหร่ แล้ว...เราเป็นคนที่เท่าไหร่ที่ได้มาเฝ้าพระองค์ มาหาพระองค์ พระกุมารน้อยพระองค์นั้นใช่ว่าจะอยู่ที่สถานที่แห่งนั้นเหมือนเมื่อสองพันกว่าปีมาแล้วเท่านั้น วันนี้..พระองค์เสด็จมาอยู่ในใจเรา อยู่ในกายเรา นานแค่ไหนแล้วที่เราไม่ได้เข้ามาหาพระองค์ ไม่สำคัญว่าเราจะเป็นคนที่เท่าไหร่ สำหรับพระองค์แล้วทุกคนสำคัญเหมือนกันหมด ทุกคนเป็นคนแรกของพระองค์เสมอ เพียงแต่เรามักทำตัวเองให้กลายเป็นคนที่ล้านๆๆๆๆๆ ด้วยตัวเราเอง ด้วยบาปของเราเอง แต่พระกุมารน้อยไม่เคยหายไปไหน เงียบๆ แล้วฟังเสียงพระองค์ซิ.....

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

น่าจะมีภาษาอังกฤษค่ะ