วันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ภูเขาแห่งการคาดหวัง

ภูเขาแห่งการคาดหวัง

ก่อนเดินทางไปแสวงบุญยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ถิ่นฐานแห่งความรักยิ่งใหญ่และบ่อเกิดการไถ่กู้ ตั้งใจไว้ว่าจะรำพึงสถานที่ที่สำคัญแล้วผสมผสานกับเรื่องราวแห่งยุคสมัยเพื่อให้เกิดหน่อธรรมลงในจิตใจ โดยเฉพาะการบังเกิดมาของพระผู้ไถ่ และเมื่อยิ่งใกล้ถึงวันคริสต์มาส ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะร่วมกันรำพึงเหตุการณ์เมื่อครั้งกระโน้นกับวันเวลาที่เรามีลมหายใจ โลกใบเดียวกันที่พระบุตรได้ลงมาบังเกิดเพื่อเราทุกคน แล้วเราทุกคนหล่ะ ได้เกิดมาเพื่อใครบ้าง เป็นคำถามแรกที่นำมาไตร่ตรองถึงเสมอๆและบ่อยๆในท่ามกลางความเห็นแก่ตัวของมวลมนุษยชาติ...

ระหว่างที่ต้องเดินทางตามเมืองต่างๆที่พระเยซูเจ้าเคยเสด็จผ่าน เคยประทับ สังเกตว่ารถนำเที่ยวของเราเดี๋ยวก็ขึ้นเขา เดี๋ยวก็ลงเขา และสถานที่สำคัญต่างๆก็มักอยู่บนภูเขา สภาพบ้านเมืองของประเทศอิสราเอลก็มักตั้งอยู่บนภูเขา หลายที่หลายแห่งทำให้ผู้แสวงบุญบางคนถึงกับท้อพูดออกมาว่า พระเยซูเจ้าเดินมาได้อย่างไร สูงขนาดนี้ ไกลก็ไกล แต่นั่นแหละการเดินทางบนภูเขาย่อมเป็นการทดสอบความมุมานะที่เต็มไปด้วยการคาดหวัง

หลังจากที่พระนางมารีย์ได้ทรงครรภ์เดชะพระจิตเจ้าแล้ว เพื่อเป็นการยืนยันว่าสิ่งที่พระนางได้รับนั้นเป็นความจริง แม้แต่ญาติของแม่พระเองก็ยังตั้งครรภ์ได้แม้ว่าจะอายุมากแล้ว จึงทำให้แม่พระตัดสินใจหลีกตัวปลีกวิเวก เพื่อมีเวลาเตรียมตัว เตรียมความพร้อมกับภารกิจอันยิ่งใหญ่ แม่พระจึงได้เดินทางไปยังบ้านของนางเอลีซาเบธ (แม่ของนักบุญยอห์น บัปติส) ที่ตำบลอาอินการิมอยู่ไม่ไกลจากกรุงเยรูซาเลมมากนัก แต่ห่างจากนาซาแร็ธพอสมควร ตำบลนี้ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขา พระวรสารบันทึกไว้ว่า พระนางมารีย์ได้รีบเร่งไปยังเมืองหนึ่ง ณ แถบแคว้นยูเดีย

ในวันที่เดินทางไปยังสถานที่แห่งนั้น รถของเราเข้าไปไม่ถึง ต้องลงเดินขึ้นไปยังวัด และก่อนถึงวัดก็มีบ่อน้ำที่เชื่อว่า แม่พระได้พักที่นี่เพื่อล้างหน้าล้างตาพักให้หายเหนื่อย ก่อนที่จะเดินทางขึ้นไปหานางเอลีซาแบ็ธบนเนินภูเขา แม้แต่เราเดินก็เหนื่อยมิใช่น้อย แล้วแม่พระขณะนั้นกำลังตั้งครรภ์อยู่ เดินทางมาคนเดียว ระยะทางไม่ใช่ใกล้ จะเหนื่อยเพียงใด แต่แม่พระอดทนจนได้พบญาติของพระนางที่พูดเมื่อได้พบหน้าแม่พระว่า บุตรของเธอเป็นผู้มีบุญแล้วเธอก็มีบุญกว่าหญิงใดๆ

ระหว่างการเดินขึ้นไปเยี่ยมวัดแห่งการเสด็จเยี่ยมแห่งนี้ ได้เห็นความจริงของเรามนุษย์บางอย่าง ใช่หรือไม่ เราเกิดมาพร้อมกับความหวัง การคาดหวังถึงจุดหมายปลายทางของความสำเร็จ แต่การที่จะได้มาต้องอาศัยความเพียร ขึ้นภูเขาสูงย่อมคาดหวังถึงยอดภู แต่ระหว่างทางความตั้งใจในสิ่งที่คาดหวังไว้อาจจะลดลงไปบ้าง แต่สำหรับบางคนที่เพียรทน ย่อมรู้ว่าอากาศและภาพที่สวยงามรออยู่บนยอดดอยภูเขานั้น แต่ก็มีไม่น้อยกลัวที่จะก้าวขึ้นสู่ยอดเขา ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความละล้าละลังและหวั่นวิตก บางคนก็กลับแหงนหน้าขึ้นมองดูยอดภูอย่างมาดมั่น ก้าวเท้าออกไปด้วยหัวใจที่เปี่ยมสุข ปราศจากความลังเล ไม่มีคำว่าท้อถอย ไม่รู้จักความล้มเลิก แม้จะมีบ้างบางครั้งบางคราวเจอกับเศษหินที่แหลมคมหรือหนาม กิ่งก้านใบไม้คม กรีดขูดผิวกายให้เจ็บแสบ ผ่านที่เปียกชื้นจนทำให้หกล้ม แต่ก็ยังลุกขึ้นก้าวไปด้วยหัวใจทระนงองอาจ เพื่อความต้องการจะไปให้ถึงซึ่งยอดแห่งขุนเขา และนี่เป็นภาวะแห่งขาขึ้นเขา..

และเมื่อต้องเอื้อนเอ่ยถึงขาลงจากภูเขาสูง ผู้เคยก้าวขึ้นมาอย่างสง่างามอาจจะต้องตกเป็นฝ่ายงกๆเงิ่นๆ ร่างกายจะสู้แรงโน้มถ่วงของโลกไม่ได้ คอยแต่จะหัวทิ่มพุ่งหน้าลอยลงสู่พื้นเบื้องล่างให้ได้ เกิดความหวาดหวั่นในการลงสู่ที่ราบ ตกลงแล้วชีวิตเราแม้จะมีการคาดหวัง แต่ไม่ว่าจะขึ้นหรือลงก็เต็มไปด้วยความหวาดหวั่น หวาดกลัว อยู่ร่ำไป นี่แหละภูเขาสูงของชีวิตที่จะเดินทางผ่านไปให้ได้...

แล้ว.. ระหว่างขึ้นกับลง สิ่งใดกระทำได้ยากเย็นยิ่งกว่ากัน คำตอบคงจะพอๆกัน ทุกย่างก้าวในชีวิตต้องไม่ประมาทเลินเล่อ หากประมาทเพียงนิดชีวิตอาจหล่นร่วงสู่หุบเหวเบื้องล่างจนไม่มีปัญญาจะไต่กลับมายืนบนหนทางปกติได้ โดยเฉพาะในสังคมที่พร้อมจะผลัก พร้อมจะแกล้งให้เรากลิ้งตกลงสู่หุบเหว แล้วแอบขโมยความหวังของเราไปทำต่ออย่างไม่มีวันละอาย การขึ้นหรือลงต้องพึ่งตัวเอง และหากเพิ่มความงดงามที่หล่นหายไปนั่นคือการได้ประคองเพื่อนร่วมทาง เพื่อนร่วมหวัง เพื่อนร่วมฝันให้ฟันฝ่าเดินไปพร้อมกันด้วยหัวใจมุ่งมั่น แล้วเราก็จะเป็นผู้มีบุญ ในยามล้มลง ร่วงหล่นลงเหวก็จะมีคนเอื้อมมือ โยนเชือกให้เราเหนี่ยวนำตัวเองกลับสู่เส้นทางที่ปลอดภัย

การเดินขึ้นลงภูเขาได้สอนบางสิ่งให้เข้าใจชีวิต แต่ถ้าปล่อยความคิดนั้นหลุดลอยไป เราก็ลืมบทเรียนในวันที่เมื่อเรากลับคืนสู่พื้นราบตามปกติ อาจจะหลงเหลือเพียงช่วงขณะที่ได้พิชิตภูและห้วงเวลาที่ลงมาถึงพื้นราบอย่างปลอดภัย พลางว่าการเดินทางอันยาวนานและแสนเหนื่อยนี้ได้จบสิ้นลงแล้ว แต่..ในชีวิตจริงเราจะต้องพบเจอภูเขาใหญ่ๆกันอีกหลายลูก ชีวิตใช่ว่าจะมีแต่ที่โล่งโปร่งสบายเสมอไป การขึ้นและลงภูเขา ก็คือสิ่งที่เราจะต้องพบเจอเสมอในชีวิตประจำวัน ผู้ที่ผ่านบททดสอบการขึ้นลงภูเขาย่อมไม่กลัวเกรง กล้าที่จะเผชิญและแหงนหน้าสู่ยอดภูอย่างสง่างามและก้าวลงมาอย่างสงบนิ่ง ภูเขาทุกลูกย่อมมีความคาดหวัง และภูเขาชีวิตเราย่อมต้องไม่สูญเสียศรัทธาในความเชื่อต่อพระเจ้าตลอดไป....

ไม่มีความคิดเห็น: