วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

กุมราน จิตวิญญาณผู้คัดลอก

กุมราน จิตวิญญาณผู้คัดลอก

ระหว่างการเดินทางสิ่งต่างๆมากมีที่ผ่านเข้ามา และได้ผ่านพ้นไป หากรู้จักเก็บรู้จักเกี่ยว นำมาเป็นบทเรียน บทสอน ใช้ตรวจสอบขั้นตอนการดำเนินชีวิตในแต่ละวันบ้าง ก็จะสร้างความเข้มแข็งที่แฝงไปด้วยความรอบคอบ นำไปสู่ความอ่อนโยนแห่งชีวิตภายใน เข้าแนบสนิทกับพระเจ้าผู้ทรงสถาปนาสรรพสิ่งได้อย่างดียิ่ง ไม่เที่ยววิ่งวนให้วุ่นวายหาความหมายแห่งชีวิตบนโลกยุคมายา...

10 ชั่วโมงแห่งการรอคอยที่ต้องนอนกลางสนามบิน กินกลางทางในที่ต่างถิ่นแดนไกล ทำให้มีเวลาได้ย้อนคิด รำลึกถึง 5 - 6 วันที่ผ่านมาในดินแดนแห่งพันธสัญญา ในแผ่นดินพื้นน้ำที่ครั้งหนึ่งพระผู้ไถ่ถือกำเนิดมา ดินแดนที่เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายที่ส่งผลต่อมนุษยโลกมาหลายยุคหลายสมัย แดนดินถิ่นนี้เป็นที่มาของจิตวิญญาณมวลชนคนรักสันติ...

และแล้วเมื่อเครื่องถึงเมืองไทยในยามดึก ความมึน ความง่วง ความงง ส่งผลให้นอนหลับยาวไปเกือบหนึ่งวันเต็มๆ ตื่นมาพร้อมรับกับข่าวร้ายรายวัน มีการพบซากศพเด็กทารกสามร้อยกว่าซาก โอ้แม่เจ้า...นี่หรือเมืองไทยที่แสนคิดถึงยามจากจร วันรุ่งขึ้นมีการเปิดที่เก็บศพในวัดแห่งหนึ่งกลางเมืองหลวง พบซากอีกเป็นจำนวนรวมกับของเก่านำเรียงแล้วนับได้ 2002 ซาก โอ้...พระเจ้า...เกิดอะไรขึ้นหรือในสังคมไทย นี่เป็นความฝันกลางสนามบินประเทศอิสราเอลหรือเปล่าเนี้ย...ไม่ใช่ซิอยู่เมืองไทยแล้วนี่หน่า..

จากการติดตามข่าวร้าย อดที่จะคิดถึงสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งเปรียบกันมิได้เลย ทั้งๆที่เป็นที่เก็บซากเหมือนกัน แต่คนละฟากฝั่ง คนละขั้วโลก ราวนรกกับสวรรค์ ที่หนึ่งเก็บซากเด็กทารกที่ดูไร้ค่าในสายตาคนหนุ่มสาวใจร้าวรานแห่งยุคสมัย อีกที่หนึ่งเป็นที่เก็บม้วนหนังสือและพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้รอดพ้นจากการเผาทำลาย ซึ่งหนังสือเหล่านั้นเป็นของนักบวชยากจนคณะหนึ่ง ผู้คัดลอกพระคัมภีร์ด้วยหัวใจและความทุ่มเท เพื่อหวังให้โลกทุกยุคทุกสมัยได้พบกับความจริง เพื่อสร้างโลกให้เป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณความเป็นคน แต่...วันนี้โลกเกิดอะไรขึ้น ลองนึกดู

ย้อนไปใน ค.ศ. 1947 คนเลี้ยงแพะคนหนึ่งได้ออกตามหาแพะที่หายไปทางทิศตะวันตกใกล้กับชายฝั่งทะเลตาย เขาได้ขว้างก้อนหินเข้าไปในรูคล้ายๆปากทางที่นำเข้าไปสู่ถ้ำและได้ยินเสียงของบางสิ่งบางอย่างแตก เมื่อเข้าไปในถ้ำเขาได้พบไหจำนวน 8 ใบ บางใบมีฝาปิดอยู่ เขานำไหนั้นออกมาจากถ้ำและตรวจดู ได้พบม้วนหนังสือ 7 ม้วน ที่มีแต่อักษรซึ่งอ่านไม่ออก เขาจึงนำไปขายให้กับคริสตชนนิกาย

ซีเรียนคนหนึ่ง ที่ชื่อ กันโด กันโดได้นำม้วนหนังสือ 4 ม้วนไปแสดงต่อพระสังฆราชที่อยู่ในเยรูซาเล็ม ท่านรู้ทันทีว่าเป็นม้วนหนังสือที่เก่าแก่โบราณเพราะเขียนด้วยภาษาฮีบรู ท่านจึงรับซื้อเอาไว้ การได้ค้นพบม้วนหนังสือครั้งนั้น เป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของศตวรรษ

ต่อมาได้มีการขุดค้นบริเวณแถวนั้น และได้พบสถานที่โบราณหลายๆอย่างไม่ว่าจะเป็นอารามเก่า โรงอาหาร โรงงานทำภาชนะดินเผาและที่โม่แป้ง สถานที่แห่งนี้มีชื่อว่ากุมราน

จากการสืบค้นกุมรานเป็นสถานที่อาศัยของชาวเอสซีน เป็นชุมชนสันโดษในสมัยโบราณ อาศัยบริเวณเชิงหน้าผาสูงทางตะวันตกเฉียงเหนือของทะเลตาย ชาวเอสซีนเป็นสมาชิกนักบวชนิกายหนึ่ง ซึ่งหนีจากความเสื่อมของโลกไปอาศัยอยู่ในแถบทะเลทรายที่ร้อนระอุใกล้ชายฝั่งทะเลตาย พวกเขาละทิ้งกรุงเยรูซาเล็มเพื่อไปเจริญชีวิตที่เคร่งครัดแห่งการภาวนา การศึกษา การรำพึง ปฏิบัติความยากจนและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ผู้ที่จะเข้าเป็นสมาชิกของคณะนี้จะต้องมอบทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นกรรมสิทธิ์ให้แก่คณะ เพราะเขาจะเจริญชีวิตรวมกันอย่างครบครัน และเชื่อกันว่าพวกเอสซีนเป็นผู้คัดลอกหนังสือโบราณ รวมทั้งพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ด้วย

การคัดลอกในสมัยก่อนย่อมลำบากลำบน ต้องคัดลอกด้วยมือทีละตัว และในขณะที่คัดลอกก็ต้องอ่านหนังสือเหล่านั้นไปด้วย ถ้าเป็นนักบวชการคัดลอกพระคัมภีร์ถือว่าเป็นการอ่านพระคัมภีร์อย่างละเอียด อย่างมีสมาธิ มีเวลาไตร่ตรอง ก่อให้เกิดพลัง มีความรอบคอบ พระธรรมคำสอนค่อยๆซึมซับสู่หัวใจ ทุกคนจึงอยู่ร่วมกันอย่างสันติ จนกระทั่งถูกคนรุกราน พวกเขาจึงนำม้วนหนังสือ พระคัมภีร์ที่คัดลอกไปแอบเก็บไว้ในถ้ำตามภูเขาสูง

หันกลับมามองสภาพสังคมเรา ที่ไร้จิตวิญญาณ เข่นฆ่ากันได้แม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตเล็กๆที่เรียกว่า ทารก อย่างมโหฬารขนาดนี้ ใช่หรือไม่ เราอยู่ในสังคมที่ฉาบฉวย หยาบคาย อยู่ในยุคที่คัดลอกงานด้วยความเร็วของคอมพิวเตอร์ ไม่ได้ใช้สายตาและหัวใจอ่านถ้อยคำ ข้อเขียนที่คัดลอกมา เพราะใช้การคัดลอก (Ctrl+c) และการจัดวาง (Ctrl+v) ในการเรียน ทำการบ้าน ทำรายงาน ทำโครงการ ล้วนแต่ทำด้วยความรวดเร็ว ทำจากปลายนิ้ว หัวใจของคนยุคนี้จึงหดสั้น ไม่ละเอียด มีแต่ความหยาบคาย ไร้สำนึก เมื่อทุกอย่างง่ายดาย ทุกเรื่องจึงง่ายดายไปด้วยในชีวิต

ชีวิตและจิตวิญญาณความเป็นคนที่สมบูรณ์ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ การฝึกฝนชีวิต การเดินทางของชีวิตภายในย่อมต้องผ่านการขัดเกลาอย่างเข้มข้น อย่างละเอียดลออ นี่จึงเป็นฤทธิ์กุศลที่จะทำให้พระธรรมคำสอนลงลึกสู่จิตใจเรา คนสมัยก่อนฝากฝังความดีงามไว้ให้โลก หรือว่าคนยุคเรามีแต่ฝากฝังความโฉด โหดร้าย ไว้ให้ลูกหลานเยี่ยงนี้นะหรือ....

ไม่มีความคิดเห็น: