วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

แบมือออก... ให้หรือขอ

แบมือออก... ให้หรือขอ

ในความยากลำบากของหลายคนหลายที่ ที่ต้องประสบกับภัยธรรมชาติทั้งในประเทศและต่างประเทศ ความช่วยเหลือต่างๆก็หลั่งไหลเข้าไปอย่างไม่ขาดสาย แต่สิ่งหนึ่งซึ่งกลายเป็นประเด็นทางสังคม(โดยเฉพาะในประเทศไทยเรา) เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่า บางคนบางที่ความช่วยเหลือเข้าไปไม่ถึง ไม่ได้รับความช่วยเหลือ จมน้ำจมทุกข์อยู่อย่างโดดเดี่ยว หรือสื่อบางพวกก็นำเรื่องนี้มาขยายความให้เป็นประเด็นก่อให้เกิดความขัดแย้ง หรือเพื่อให้เกิดสีสันในการนำเสนอข่าว หารู้ไม่ว่านั่นเป็นการสร้างวัฒนธรรม เสพติดการร้องขอ ของผู้คนจนเคยชิน

แน่ละ ในความทุกข์แสนสาหัสของเพื่อนร่วมโลกคงไม่มีใครจะใจจืดใจดำ นั่งมองชะตากรรมทุกข์ซ้ำซ้อนโดยไม่เหลียวแลแยแส ในสามัญสำนึกของมนุษย์ทุกผู้คนย่อมรู้ว่าทุกสรรพสิ่งในโลกหาใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง พระเจ้าทรงสอนเราว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกล้วนมีคุณค่าและทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน ถึงช่วงหนึ่งเวลาหนึ่งย่อมที่จะยอมแบมือ คลายมือ นำทรัพยากรที่กอบกำ เก็บงำเอาไว้ แบ่งออกไปเพื่อเยี่ยวยาผู้ทุกข์เข็ญ เพียงแต่ว่าในหลายช่วงชีวิตหนึ่งของคนเราย่อมมีโลภ ใครโลภมากก็เก็บเกี่ยวไว้มาก ใครโอกาสน้อยก็มีเพียงกินเพียงอยู่ หรือมีบ้างบางคนมีโอกาสที่จะโลภแต่เลือกที่จะอยู่จะใช้อย่างพอเพียง แต่หากมองด้วยใจเป็นธรรม ทุกสิ่งในโลกย่อมพอเพียงสำหรับทุกคน แต่อาจจะไม่พอสำหรับคนโลภเพียงคนเดียว ดังวาจาอมตะของท่านคานธีที่เคยกล่าวไว้..

ลองนึกย้อนกลับไปในกาลก่อน ครั้งที่ผู้คนยังไม่ต้องดิ้นรนค้นหาความสบายฝ่ายตนเพียงข้างเดียว ภัยธรรมชาติก็มีอยู่คู่โลกมาตลอดมิใช่หรือ เพียงแต่บรรพชนคนรุ่นเก่าก่อน เรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน เมื่อภัยมาก็รู้หลบรู้หลีก เคารพต่อสิ่งสร้าง ไม่สร้างสิ่งใดขัดขวางทางสัญจรของลม ฟ้า น้ำ ฝน ไม่คิดทำลายต้นไม้ป่าเขา แหล่งหนตำบลไหนมีภัยก็ไม่เข้าไปครอบครองคิดเอาชนะ ตระหนักรู้ว่าถึงฤดู ถึงเวลาที่ต้องสูญเสียก็น้อมยอมรับ แล้วเริ่มต้นใหม่ไปกับสิ่งสร้าง ไม่มีการร้องเรียกขอความช่วยเหลือ เพราะต่างฝ่ายต่างรู้ถึงสัจจะธรรมของโลกใบนี้ ทุกสิ่งย่อมมีการเปลี่ยนแปลง แปรรูป คนก็ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมให้สอดคล้อง สอดรับกับเหตุการณ์แห่งฤดูกาล

ตราบจนเมื่อมนุษย์คิดค้นระบบการอยู่ร่วมกันอย่างมีระเบียบ มีผู้ปกครอง มีผู้จัดการ จัดวางนโยบายของสังคม กลไกการจัดการมีสิ่งหนึ่งที่แฝงเร้นไปด้วย คือ อำนาจ ผู้ที่มีอำนาจย่อมต้องการคนห้อมล้อม แล้ววิธีที่ดึงผู้คนไว้ คือ การแจกแหลก การให้แบบทุนนิยม ให้แบบการตลาด ความฉลาดของผู้คนก็เลยหดหาย หลายคนจึงเป็นผู้แบมือรับฝ่ายเดียว ช่วยเหลือตัวเองกันไม่เป็น แก้ปัญหากันไม่ได้ เป็นผู้รออย่างเป็นทางการ เมื่อไม่ได้จากทางการ ไม่เป็นดังใจดังหวังก็ไม่คิดสร้าง ไม่คิดริเริ่ม แต่เลือกที่จะกล่าวโทษไปทั่ว มนุษย์มีน้อยคนนักที่จะโทษตัวเอง มีอะไรก็ต้องหาคนอื่นมาเป็นตัวให้โทษเสมอไป หาเหตุผลร้อยพันแปดประการมารับผิด โทษแม้กระทั่งดินฟ้าอากาศ ไม่ค่อยจะสำรวจตรวจสอบตัวเอง โทษแต่คนอื่นสิ่งอื่น ใช่หรือไม่ บางครั้งบ่อยคราวเราก็เป็นเช่นนี้

ด้วยนัยยะแห่งการอยู่ร่วมกัน เราต้องเอาใจใส่ต่อคนๆนั้น ต่อสิ่งนั้นๆ หาใช่เพียงเพื่อให้คนรอบข้าง สิ่งรอบด้านมารองรับเหตุผลเพียงเพื่อตัวเองได้รอดเท่านั้น คนอยู่กับคนก็ต้องเข้าใจคน อยู่กับธรรมชาติก็ต้องเข้าใจธรรมชาติ แล้วเมื่อเราถอยห่างจากสิ่งเหล่านี้ ชีวิตเราเลยขาดหลัก ขาดจุดมั่นคง สับสนเมื่อมีภัยมา มีแต่แบมือขออยู่ร่ำไป ไม่มีหัวใจของนักสู้ เป็นแต่นักกู่เรียกร้อง

วันนี้มือที่เราแบออกเป็นการแบแบบไหน แบบเพื่อให้ออกไป หรือแบบเพื่อขอรับ สิ่งหนึ่งซึ่งคำนึงถึงเสมอๆ คือ การที่เราจะให้ผู้อื่นมารับผิดชอบในชีวิตเรานั้น เราต้องรู้จักที่จะรับผิดชอบต่อตัวเราเองก่อน เตรียมความพร้อมในชีวิต หัดโทษตัวเองด้วยการสำรวจ ความบกพร่อง ในช่วงวันเวลาที่ผ่านพ้นไปในแต่ละวัน มีความรับผิดชอบชีวิตตัวเองบ้าง ซึ่งเท่ากับว่า เราจะไม่มัวแต่รอความช่วยเหลือจากคนอื่นอยู่ร่ำไป เรียนรู้ที่จะช่วยเหลือตัวเองให้มากๆ แล้วอะไรที่คนอื่นนำมาให้ ที่ได้รับจากคนอื่น นั่นคือน้ำใจ คือ ความเมตตา ความเอื้ออาทร ซึ่งเป็นส่วนเพิ่มเติมเฉพาะหน้า ไม่ใช่สิ่งมาจากความขวนขวายของเรา เพียงช่วยต่อเติมเพิ่มพูนในสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิต ชีวิตที่มีค่า และมีเกียรตินั้น มันต้องมาจากสองมือของเราก่อร่างสร้างมันขึ้นมา

นักบุญเปาโลได้สอนเราให้รู้จักทำงาน อย่าเกียจคร้าน ใช้น้ำพักน้ำแรงของตนเอง แม้ว่าท่านจะมีโอกาสที่ไม่ต้องทำอะไรเลยก็สามารถอยู่ได้สบายในฐานะผู้นำ แต่ท่านกลับไม่ยอมเป็นภาระกับใคร ท่านทำงานอย่างหนักทั้งกลางวันกลางคืน ท่านได้กล่าวสอนให้เรารู้จักช่วยเหลือตัวเองก่อนที่จะเรียกร้องให้ผู้อื่นช่วย ถ้าผู้ใดไม่อยากทำงานก็อย่ากิน และเมื่อเราสามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว ก็ช่วยเหลือกันและกัน สันติสุขก็เกิดขึ้น สังคมที่แบมือขออย่างเดียว เป็นสังคมของคนขี้เกียจและไม่สร้างสรรค์


ไม่มีความคิดเห็น: