วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2553

ถนนนี้กลับสู่ความสงบ

ถนนนี้กลับสู่ความสงบ

มีแต่คนขับขี่และผู้ที่ปรารถนาอยากถึงปลายทางเท่านั้น ที่เฝ้ามองดูหลักกิโลเมตรข้างทาง ในขณะที่อยู่ในพาหนะโดยสาร หลักกิโลเมตรข้างทางผ่านไปทีละกิโล จุดหมายปลายก็ใกล้เข้ามา วันเวลาเป็นดั่งหลักกิโลที่วิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว มีบ้างบางครั้งที่แอบมอง มีบ้างบางครั้งจงใจมอง และมีบ่อยครั้งที่ไม่สนจะมอง วันคืนเคลื่อนผ่านไป ชีวิตเคลื่อนผ่านตาม วันแล้ววันเล่า ปีใหม่ก้าวเข้ามากลายเป็นปีเก่า ปีใหม่ความหวังใหม่ ตั้งใจที่จะทำสิ่งดีๆตลอดปี ทั้งๆที่จุดห่างระว่างปีใหม่กับปีเก่ามีเพียงวันเดียว คือ วันที่ 31 ธันวาคม แต่ชีวิตก็ยังต้องแสวงหาหนทางใหม่ๆ ปีใหม่เป็นเพียงสัญลักษณ์แห่งกาลเวลา เป็นเพียงสัญลักษณ์หลักกิโลที่บ่งบอกว่า จะอีกกี่มากน้อย ถึงซึ่งปลายทาง ในความเป็นจริง ใครบางเล่า? จะรู้ปลายทางยู่หนใด ใช่หรือไม่ เราควรมีชีวิตที่เคลื่อนไปสู่สิ่งที่สงบ สันติภายใน

หลายคนอาจจะพูดว่า ในยุคสัมยที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย เต็มไปด้วยเสียง เต็มไปด้วยการเร่งรีบแข่งขัน จะหาช่องว่างระหว่างชีวิตเพื่อค้นพบความสงบได้เช่นไรเล่า สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ ผู้ที่แข็งแกร่ง มีชีวิตภายในที่เข้มข้น ก็จะกล่าวว่า ความสงบอยู่ที่ใจ หาได้อยู่ในสภาพแวดล้อมภายนอกไม่...

มีพระราชาพระองค์หนึ่งได้ตั้งรางวัลให้กับศิลปินที่เขียนภาพของความ สงบได้ดีที่สุดและถูกใจพระองค์มากที่สุด ดังนั้น จึงมีศิลปินจำนวนมากเดินทางมาร่วมเข้าประกวด จนมีเหลือเพียง 2 ภาพเท่านั้นที่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย เพื่อตัดสินว่ารูปวาดของศิลปินคนไหนควรจะได้รางวัลจากพระรา

ภาพแรกเป็นภาพของทะเลสาบที่เงียบสงบ น้ำใสมีแสงสะท้อนเหมือนกับกระจกบานใหญ่ บริเวณทะเลสาบรายล้อมด้วยภูเขาสูงท้องฟ้าสีคราม พร้อมกับเมฆที่ขาวดุจดังปุยนุ่น ทุกคนที่ได้เห็นภาพนี้ต่างมีความคิดตรงกันว่าเป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นถึงความสงบได้ดีที่สุด

ในขณะที่ภาพที่สอง มีภูเขาอยู่ในรูปเช่นกัน แต่มันดูหยาบกระด้างและไม่มีชีวิตชีวา ส่วนท้องฟ้าในรูปนั้นก็เป็นท้องฟ้าที่ดูแล้วเกรี้ยวกราด มีฝนตกและฟ้าแลบ ในขณะที่ด้านล่างของภูเขามีน้ำตกไหลลงมาเป็นฟองกระจายเต็มไปหมด ดูอย่างไรก็ไม่สะท้อนให้เห็นถึง ความสงบ แต่อย่างใด

แต่เมื่อพระราชามองดูรูปนี้อย่างพินิจพิเคราะห์ พระองค์ทรงสังเกตเห็นว่าข้างหลังน้ำตกนั้นมีพุ่มไม้เล็กๆ ขึ้นอยู่บนซอกหินที่แตก และในพุ่มไม้นั้นก็มีแม่นกกำลังทำรัง อยู่ท่ามกลางสายน้ำที่ไหลลงมาอย่างเชี่ยวกราก แม่นกที่อยู่ในรังนั้นดูแล้วสงบนิ่งเป็นอย่างมาก

ครั้นเมื่อพระราชาทรงตัดสิน พระองค์จึงทรงเลือกภาพที่สอง ทำให้ผู้คนทั่วไปต่างก็งงงวย และวิพากษ์วิจารณ์กันว่า พระองค์ทรงขาดซึ่งอารมณ์ศิลป์หรือเปล่า... พระราชาผู้นั้นจึงได้สั่งสอนประชานชนผู้มาร่วมงานตัดสินภาพวาดในครั้งนี้ว่า ความสงบมิได้หมายถึงสถานที่ที่ปราศจากเสียง หรือปราศจากปัญหา ความสงบ หมายถึง การอยู่ท่ามกลางสิ่งต่างๆ แต่ยังคงความสงบของจิตใจไว้ได้ นี่ต่างหาก คือ ความสุขและสงบที่แท้จริง

ใช่หรือไม่ ความสงบสุขอยู่ที่จิตใจของเรา ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน รอบกายจะวุ่นวายเพียงใด ถ้าใจของเราสามารถนิ่งสงบได้ เราก็จะมีความสุข แท้ที่จริงแล้ว ความสุขอยู่ที่ตัวเรา อยู่กับสิ่งที่เรามี ในสิ่งที่เราเป็น แต่เรามักมองไม่เห็นคุณค่าของมัน จนกระทั่งในวันที่เราจะสูญเสียมันไป และเมื่อได้มันกลับคืนมาอีกครั้ง เราจึงตะหนักได้ว่า ความสุขอยู่กับความคิด และความพอใจของเรา เราต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับในตัวตนของเรา มีความสุขกับสิ่งที่เรามีไ ม่ต้องออกไปค้นหาที่ไหน แต่อยู่ในวิถีในการดำเนินชีวิตของเราในทุกย่างก้าว อย่าเสียเวลาไปกับความคิดในอดีตหรือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จะมีใครบ้างเล่าที่มองย้อนกับไปดูหลักกิโลที่เพิ่งผ่านมา จะมีใครบ้างเล่าเห็นหลักกิโลข้างหน้า ใช่ เราคำนวนได้ว่าปลายทางเราจะไปอย่างไร แต่เราไม่รู้ว่าข้างจะมีอะไรเกิดขึ้นได้บ้าง

ปีเก่าปีใหม่ ผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่า เรื่องราวมากมีที่ชิวตพบเจอ สุข-ทุกข์ สมหวัง-ผิดหวัง เกิด-ดับสูญ มีขึ้นมีลง มีกลางวันและกลางคืนไม่เว้นเพียงกระทั่งในวันปีใหม่ คำถามที่จะฝากไว้ก่อนจบ แล้วที่ผ่านมา เราได้พบความสงบความสุขที่แท้จริงสักกี่ครั้งในชีวิต ถ้ายัง...ถึงเวลาแล้วที่เราต้องก้าวเดินไปบนหนทางสู่ความสงบ ท่ามกลางความวุ่นวายของสังคม ใจเราสงบ คนรอบข้างก็จะสงบตาม หากเราเป็นผู้เริ่มร้อยสาย สร้างหนทางแห่งความสงบนี้ไปพร้อมๆกัน ภัยอันตรายใดเล่าจะมากรำกราย...สวัสดีปีใหม่ ความสงบเกิดขึ้นในใจทุกๆท่านตลอดไป.....

ไม่มีความคิดเห็น: