ยามท้อ (ของแท้)
ในช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา วิถีชีวิตนำพาให้ต้องเดินทางไปสู่แดนดงโกลาหลของการจราจรอย่างมิได้ตั้งใจ ในใจกลางเมืองหลวงย่านสวรรค์ของบางคน แต่หลายคนอาจจะเหมือนตกนรก วันอาทิตย์แท้ๆไฉนรถรามันจึงติดเป็นแถวยาวเหยียดเช่นนี้?????? กว่าจะรู้ความจริง เราก็ไปสิงสถิตอยู่ในท่ามกลางความวุ่นวายเสียแล้ว ชีวิตเราก็มักเป็นดังนี้ บางครั้งบางสถานการณ์ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้จงใจให้เป็น ให้เกิดความทุกข์ ความสับสน แต่แล้วจู่ๆมันก็วิ่งมาหา เราก็วิ่งเข้าใส่มันอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว จะรู้อีกทีก็นั่งจมอยู่บนกองทุกข์กองโตนั่นเสียแล้ว...
ชีวิตจะได้รับบทเรียนที่มีค่าที่สุดท่ามกลางความทุกข์ยาก ตราบใดยังมีชีวิตตราบนั้นยังคงมีความหวัง สิ่งใดแก้ไขไม่ได้ สิ่งนั้น ต้องอดทน ไม่มีความโศกเศร้าใด ๆ
ที่กาลเวลาไม่ช่วยผ่อนคลายให้บรรเทาเบาบางลงได้
ใช่…ความอดทนเท่านั้น สำหรับวันนั้น แล้วเมื่อใจเย็นลง ความสงบก็เข้ามาแทนที่ มองเห็นสิ่งรอบข้างอย่างเข้าใจและหาทางออกมาให้พ้นจากความวุ่นวายนั้นเร็วที่สุด บ่ายแก่ๆเมื่อธุระเสร็จสิ้นลง จึงตรงไปยังรถ รีบออกจากที่จอดอันกว้างใหญ่ แต่ยังไม่พอสำหรับรถรกเมือง ใช่หรือเปล่า ความทุกข์อย่างหนึ่งของคนมีรถ คือ การหาที่จอดรถ คนไม่มีรถอาจจะเสียเวลาน้อยกว่าในการรอรถเมล์ รถไฟ รถแท็กซี่ก็ได้ (แต่เราก็อยากมีรถไว้ครอบครอง)
และเมื่อเคลื่อนตัวออกมาได้ไม่เท่าไหร่ รถเริ่มไม่ขยับเขยื้อน เห็น รปภ.(ยาม) ของห้างดังกลางเมืองออกมาโบกรถอย่างขยันขันแข็งและอดทน แนะนำให้ผู้คนไปทางโน้นทางนี้จนหน้าดำหน้าเขียว แต่สิ่งที่เห็นเป็นไปได้ถึงเพียงนี้ ไม่มีใครยอมเชื่อฟังเขาเหล่านั้น ต่างคนต่างมุ่งหน้าไปยังจุดหมายในเส้นทางที่คุ้นชิน ทำเป็นไม่ได้ยินเสียงตะโกนบอกทางของ รปภ.(ยาม) จนกระทั่ง....คงเป็นเพราะเหนื่อย คงเป็นเพราะความเบื่อที่พูดที่บอกที่เตือนแล้วไม่มีใครเชื่อฟังและปฏิบัติตาม หนึ่งในนั้นจึงพูดดังๆผ่านโทรโข่งว่า “บอกก็ไม่มีใครฟัง ทางนั้นรถติดมาก เพราะเค้ามีรับปริญญากัน ไม่เชื่อก็ตามใจ ติดกันอยู่อย่างนี้นั่นแหละทางขวาออกไปก็ได้ ถนนโล่ง ตามสบายเลยครับพี่น้อง” นี่ซิ ยามท้อของแท้
เมื่อได้ยินเต็มๆสองหู จึงรู้สึกว่าการที่ได้เชื่อคนที่รอบรู้อาจจะทำให้สู่เป้าหมายเร็วกว่า ถึงแม้ว่าฐานะทางสังคมที่สมมติกันขึ้นมา อาจจะทำให้พวกเขาดูด้อยกว่าอีกหลายคนที่นั่งแช่เย็นอยู่ในรถ จึงตัดสินใจกลับรถตามคำบอก รปภ. (ยาม) ท่านนั้นก็เดินมาอำนวยดูลู่ทางให้เป็นอย่างดี ในใจก็คิดว่า เอาหล่ะไหนๆก็เสียเวลามามากแล้ว ต้องลองเสี่ยงดู อย่างน้อยก็ทำให้เขามีกำลังใจทำงานต่อไป อย่างน้อยเขาจะได้คิดว่ายังมีคนเห็นและเชื่อฟังเขาบ้าง จะได้ไม่ท้อแท้ในการปฏิบัติหน้าที่
ชีวิต มักมีการเผชิญภัยที่ยิ่งใหญ่เสมอ ชีวิตก็ควรจะมีการเสี่ยงบ้าง ในทุกขณะชีวิตต้องมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีความกล้าหาญ ทั้งมีความอดทนอย่างสม่ำเสมอ
สิ่งเหล่านี้จำเป็นอย่างยิ่งในการมีชีวิตที่ดี มีประโยชน์ เมื่อความท้อแท้เข้ามาทักทาย มาเยี่ยมเยียน จิตใจคนเราก็มักจะหมดแรง หดหู่ เหมือนล้มลง แล้วไม่มีกำลังลุกขึ้น
แล้วจากคำแนะนำของยามท้อคนนั้น ทำให้เราหลุดรอดจากลานจอดรถบนถนนหลวงแหล่งนั้น ถึงจะอ้อมบ้าง แต่ก็ทำให้เราเดินทางอย่างราบรื่น รถขับเคลื่อนไปข้างหน้าตามหน้าที่ของมันอย่างเป็นปกติ มีเวลาแหงนหน้าดูท้องฟ้า มีเวลาที่จะทำอย่างอื่นในชีวิตเพิ่มขึ้น ดีกว่าการนั่งนิ่งๆแต่จิตใจกระสับกระส่ายอยู่ในรถยนต์ที่แอร์ๆเย็นอย่างนั้น ฟังเพลงก็ไม่ได้ซาบซึ้งถึงความไพเราะ มีแต่ท้อแท้ และเบื่อหน่าย
ยามเมื่อท้อแท้คราใด มองขึ้นไปบนฟากฟ้าอันกว้างไกลไร้ขอบเขต ตัวเราเล็กนิดเดียว แต่ทำไมปล่อยให้ความทุกข์ไปบดบังท้องฟ้าเล่า ท้องฟ้าใหญ่เพียงใด ความทุกข์เราก็เล็กแสนเล็ก เป็นเรื่องแปลกที่เรามักเอาความทุกข์มานำชีวิต จนทำให้หดหู่ ท้อแท้และสิ้นหวัง หลายครั้งความท้อแท้นั้นมาจากการไม่ได้ดังหวัง เป็นที่ยอมรับ เป็นที่รักของผู้คน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ใช่หรือไม่ ในทุกคนที่เรารักเขาอาจจะไม่รักเราทุกคนก็ได้ สิ่งที่เราจะก้าวพ้นห้วงแห่งทุกข์ได้ เราต้องเรียนรู้ที่จะน้อมรับความเป็นจริงแห่งชีวิต ท้อแท้ได้แต่ต้องไม่ท้อถอย
ยิ่งในโลกยุคสมัยของเรา ผู้คนต่างอยู่ต่างเป็นต่างฉกฉวยโอกาส แย่งชิงสิ่งของเงินทองไปครอบครองกันแบบไม่ลืมหูลืมตา จะหาใครได้เล่าที่ยอมรับผู้อื่นอย่างจริงใจ หรือในบางครั้งความท้อแท้ก็เกิดจากการไม่เห็นผู้คนจริงใจต่อกันหวังเพียงผลประโยชน์ ใช่...เราก็เป็นคน ย่อมมีอ่อนแอท้อแท้บ้าง ในความท้อแท้ก็ใช่จะเลวร้ายไปเสียทั้งหมด ยังมีความสุขลึกๆซ่อนอยู่ ความสุขที่เรายอมรับตัวเราเองอย่างที่เราเป็น และเมื่อเรายอมรับตัวเราได้ การน้อมยอมรับผู้อื่น ให้อภัยผู้อื่นก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรในชีวิต...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น