วันเสาร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2567

เหตุใดใยต้องหาเหตุผล

 

เหตุใดใยต้องหาเหตุผล

>>> บางเรื่องหากทำแล้วงดงามก็ไม่ต้องถามหาเหตุผล ทำไปเถอะ <<<

ในสังคมที่ปลูกฝังให้เรามั่นใจในตัวเองไปเสียทุกเรื่อง บ่อยครั้งก็ทำให้เราเสียสิ่งดี ๆ ไปจากชีวิต เสียโอกาส เสียเพื่อน เสียความรู้สึก หรือแม้กระทั่งเสียเวลา หากมาลองไตร่ตรองทบทวนหนทางที่ผ่านมา เราถือมั่นเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ทำอะไรก็ถูกหมด คอตั้งบ่าอย่าริมาโต้เถียง อย่าเอาเหตุผลมาอ้าง และไม่เคยจะ “ขอโทษ” ใครก่อน เพราะคิดว่า สิ่งที่เราทำอยู่นั้นถูกต้องที่สุด ขอโทษไปก็ถือว่ายอมแพ้ เราต้องชนะ เหตุผลร้อยพันยกมาอ้าง ข้อมูลหมื่นแปดยกมาชี้แจง ต่างคนต่างเป็นเช่นนี้ ไม่มีใครยอมใคร จากนั้นก็โกรธเคืองกัน หน้าไม่มอง เงาไม่เหยียบ เห็นกันผ่านกันไปเสมือนเป็นอากาศธาตุ ในใจมีแต่คำว่า “เหตุใดใยต้องขอโทษก่อนเล่า ??

ใช่หรือไม่ “ขอโทษ” คือ คำกล่าวของคนที่ทำความผิด เป็นความเข้าใจสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับชีวิตคู่ เพื่อนมิตรสหายหรือครอบครัว บางครั้งก็ต้องพูดออกมา ทั้ง ๆ ที่มันไม่มีที่มาและที่ไป ไม่มีเหตุและผลที่ต้องถามหา เพราะต่อให้เถียงกันจนชนะด้วยเหตุผลของใครคนใดคนหนึ่ง ผลลัพธ์ก็ คือ แพ้ราบคาบด้วยกันทั้งสองฝ่าย เอาเข้าจริงมันเป็นความต้องการที่แท้จริงของคนทั้งสองฝ่ายหรือไม่? คำตอบ คือ ไม่เลย แต่...ทำไมเวลาไม่เข้าใจกัน กลับไม่กล้าขอโทษอีกฝ่ายหนึ่งล่ะ? คำตอบ คือ เพราะต่างมีทิฐิ นั่นไง 


ลูกชาย : พ่อครับ ผมจะแต่งงานนะครับ           คุณพ่อ : แกต้องขอโทษพ่อก่อน!

ลูกชาย : ทำไมผมต้องขอโทษล่ะครับ?            คุณพ่อ : แกขอโทษก่อนเถอะน่า!

ลูกชาย : เพราะอะไร? ผมผิดอะไรครับพ่อ?     คุณพ่อ : แกขอโทษนะถูกแล้ว!

ลูกชาย : ผมทำอะไรผิดเหรอครับพ่อ?             คุณพ่อ : ขอโทษก่อน!

ลูกชาย : ทำไมครับ?                                        คุณพ่อ : ขอโทษพ่อก่อน!

ลูกชาย : พ่อบอกเหตุผลมาก่อนว่าเพราะอะไร?  คุณพ่อ : ขอโทษมาก่อน!

ลูกชาย : ผมอยากรู้ว่าผมทำผิดอะไรครับพ่อ?  คุณพ่อ : ขอโทษก่อน!

ลูกชาย : ก็ได้ครับ ผมขอโทษพ่อครับ!            คุณพ่อ : ตอนนี้แกแต่งงานได้แล้ว! นี่เป็นบททดสอบแรกก่อนที่แกจะแต่งงาน เมื่อไหร่ที่แกรู้จักขอโทษโดยที่ไม่ต้องรู้ถึงสาเหตุและเหตุผล แกมีคุณสมบัติในการมีครอบครัว ชีวิตครอบครัวจะยั่งยืน จำบททดสอบนี้ให้ดี

หัวใจที่มีความรักนั้น ย่อมขอโทษได้ แม้กระทั่งรู้ว่าเราไม่ผิด หัวใจที่เมตตานั้นย่อมอภัยได้ในทุกการขอโทษ แม้ความผิดที่อีกฝ่ายทำนั้นไม่น่าให้อภัยก็ตาม ข้อคิดอีกประการสำหรับเรา ผู้ที่บางครั้งบางเวลาไม่ต้องการหาเหตุผล เพราะมันมีเหตุผลในตัวมันเองอยู่แล้ว “หากใครคนใดคนหนึ่งขอโทษอีกฝ่ายหนึ่งก่อน จงรู้ไว้ เขาอาจไม่ใช่ฝ่ายผิด! แต่เพราะเขารักอีกฝ่ายหนึ่งมากกว่า ยอมลดความเป็นตัวของตัวเองลง และแน่นอน หากเขาผิดแล้วเขาขอโทษ นั่นแปลว่า เขารู้ผิดและอยากแก้ไข บางทีเราก็ต้องรู้จักที่จะถนอมความรู้สึกของกันและกัน ยอมให้อภัยก่อน เมื่ออีกฝ่ายหนึ่งเอ่ยคำขอโทษ อีกฝ่ายหนึ่งต้องพร้อมให้อภัย ให้โดยไม่ติดใจหรือคิดแค้นเคือง  หากเราจะรักษาความสัมพันธ์แบบนี้ได้ในทุกกรณี รู้จักที่จะขอโทษ รู้จักที่จะอภัยกัน เราจึงจะมีสันติสุขในจิตใจ ในขณะที่สังคมโลกกำลังวุ่นวาย ต่างคนต่างมีเหตุผลของตัวเอง กระหายหาสงครามอยู่ทุกวินาทีเช่นนี้ ใยเราต้องสร้างสงครามขนาดย่อม ๆ กันเองด้วยเล่า? อย่าใช้เหตุผลนำพาชีวิต หันมาใช้ความรักเป็นแสงส่องนำทาง เพื่อเราจะได้เดินไปพบกับพระเจ้า โดยมิต้องเตรียมหาเหตุผลใด ๆ ให้เหนื่อยอีก เมื่อวันนั้นที่มาถึง...

ไม่มีความคิดเห็น: